Step 5: Determine Reversibility of

Step 5: Determine Reversibility of the Obstructive Defect
If the patient has an obstructive defect, the physician should determine if it is reversible based on the increase in FEVor FVC after bronchodilator treatment (i.e., increase of more than 12% in patients five to 18 years of age, or more than 12% and more than 200 mL in adults). Figure 4 shows a fully reversible obstructive defect. Obstructive defects in persons with asthma are usually fully reversible, whereas defects in persons with COPD typically are not.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขั้นตอนที่ 5: กำหนด Reversibility บกพร่องอุดกั้นถ้าผู้ป่วยมีการหายใจบกพร่อง แพทย์ควรตรวจสอบว่าสามารถย้อนกลับได้ตามการเพิ่มขึ้นของค่า FVC FEVor หลังการอุดรักษา (เช่น เพิ่มขึ้นมากกว่า 12% ในผู้ป่วย 5 อายุ 18 ปี หรือมากกว่า 12% และมากกว่า 200 mL ในผู้ใหญ่) รูปที่ 4 แสดงข้อบกพร่องอุปสรรคย้อนกลับอย่างเต็ม อุปสรรคข้อบกพร่องในผู้ที่มีโรคหอบหืดมักย้อนกลับอย่างเต็ม ในขณะที่ข้อบกพร่องในผู้ป่วยด้วยโดยปกติจะไม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขั้นตอนที่ 5: ตรวจสอบ reversibility ของอุดข้อบกพร่อง
ถ้าผู้ป่วยมีข้อบกพร่องอุดกั้นแพทย์ควรตรวจสอบว่ามันสามารถย้อนกลับได้ขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นของ FEVor FVC หลังการรักษา bronchodilator (เช่นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 12% ในผู้ป่วยที่ห้าถึง 18 ปี อายุหรือกว่า 12% และอื่น ๆ กว่า 200 มิลลิลิตรในผู้ใหญ่) รูปที่ 4 แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องอุดกั้นทางเดินย้อนกลับได้อย่างเต็มที่ ข้อบกพร่องอุดกั้นในผู้ที่มีโรคหอบหืดมักจะพลิกกลับได้อย่างเต็มที่ในขณะที่ข้อบกพร่องในบุคคลที่มีปอดอุดกั้นเรื้อรังมักจะไม่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ขั้นตอนที่ 5 : กำหนดกลับด้านของข้อบกพร่องอุดกั้นถ้าผู้ป่วยมีการอุดกั้นบกพร่อง แพทย์ควรตรวจสอบ ว่ามันได้ตามการเพิ่มขึ้นหลังจากการรักษาพบ fevor บร โชไดเลเตอร์ ( เช่น เพิ่มมากกว่า 12 % ในผู้ป่วย 5 อายุ 18 ปีหรือมากกว่า 12 % และมากกว่า 200 ml ในผู้ใหญ่ ) รูปที่ 4 แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่กลับอุดข้อบกพร่อง ของเสียคั่งในผู้ที่มีโรคหอบหืดมักจะได้เต็มที่ ส่วนข้อบกพร่องในผู้ที่มีโรคโดยทั่วไปไม่ได้