Royal Caribbean Internationalบริษัทเรือสำราญ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไล การแปล - Royal Caribbean Internationalบริษัทเรือสำราญ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไล ไทย วิธีการพูด

Royal Caribbean Internationalบริษัท

Royal Caribbean International
บริษัทเรือสำราญ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1968 โดยการร่วมมือกันระหว่างหลายบริษัท Anders Wilhemsen & Company, I.M. Skaugen & Company, และบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือ Gotaas Larsen, Norwegian โดยเรือสำราญลำแรกของ รอยัล แคริบเบียน ลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 2 ปี คือ "Song of Norway" และในปีถัดมาก็ได้ส่ง "Nordic Prince" ซึ่งมีความจุเป็น 2 เท่า ลงสู่มหาสมุทร การเพิ่มจำนวนเรือสำราญในสังกัดของ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ไม่หยุดยั้งอยู่เพียงแค่นั้น ในปี ค.ศ. 1972 ก็ได้ส่ง Sun Viking ลงสู่มหาสมุทรเช่นกัน ด้วยความเป็นผู้นำทางด้าน "นวัตกรรม" ของเรา เป็นครั้งแรกในทางวิศวกรรมศาสตร์ทางทะเลต้องจารึกเอาไว้ว่า เราได้เพิ่มต่อและขยายเรือสำราญเป็นครั้งแรกของโลก โดยส่ง "Song of Norway" ขยายขนาดไปอีก 26 เมตร และ "Nordic Prince" เช่นกันในปี ค.ศ. 1980 จากจุดนี้เองทำให้ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ดังเป็นพลุแตก ในปี ค.ศ. 1982 เราได้ส่งเรือสำราญ "Song of America" ลงสู่มหาสมุทร ถือเป็นเรือสำราญที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกในยุคนั้นรองลงมาจาก Norway และ Queen Elizabeth
ปี ค.ศ. 1986 รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ปฏิวัติวงการครั้งใหญ่โดยการ ซื้อเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง ซึ่งเป็นอาณัติของประเทศไฮติ เพื่อเป็นเกาะส่วนตัวของเราเอง เพื่อจะให้บริการแขกในบรรยากาศสุดจะเป็นส่วนตัว ในปัจจุบันเกาะแห่งนั้นถูกเรียกว่า "Labadee" ซึ่งอยู่ในทะเลแคริบเบียนตะวันออก ในปี ค.ศ. 1988 หลังจากมีการปรับโครงสร้างการบริหารภายในบริษัทครั้งใหญ่ เราได้ส่งเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นลงสู่มหาสมุทรคือ "Sovereign of the Seas" และหลังจากนั้น 2 ปี ก็ได้ส่ง "Nordic Empress" และ "Viking Serenade เข้าสู่สายการเดินเรือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทยังไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ในปีเดียวกันนี้เอง เราก็ได้ซื้อเกาะเล็กๆซึ่งเป็นดินแดนของ "บาฮามาส" เพิ่ม ซึ่งในปัจจุบันเกาะแห่งนั้นถูกเรียกว่า "Coco Cay"

ถัดจากนั้น 1 ปี รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้ส่ง "Monarch of the Seas" และ "Majesty of the Seas" ในปีถัดมา ลงในส่วนของเรือสำราญ Sovereign Class ทำให้ รอยัล แคริบเบียน มีส่วนแบ่งทางการตลาดเรือสำราญใหญ่ที่สุดในโลกนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในปี ค.ศ. 1993 รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค หลังจากนั้น 2 ปี บริษัทเติบโตขึ้นราวกับเรือสำราญที่เดินหน้าเต็มที่ ตึกสำนักงานใหญ่รูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา "มงกุฏและสมอเรือ" ได้เสร็จสมบูรณ์ ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ริมหาด ไมอามี่, ฟลอริด้า และในปีเดียวกันนี้เอง เราได้ส่ง "Legend of the Seas" ลงสู่มหาสมุทรเป็นครั้งแรก และปลดระวาง "Nordic Prince" ออกจากสายเรือสำราญของเรา

2 ปีให้หลัง รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งเรือสำราญเพิ่มอีก 2 ลำคือ "Splendour of the Seas และ "Grandeur of the Seas" ลงในส่วนของเรือสำราญ Vision Class ในปี ค.ศ. 1996 รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้เซ็นสัญญามูลค่า หลายพันล้านเหรียญ สหรัฐฯ กับอู่ต่อเรือยักษ์ใหญ่ Aker Finnyards ประเทศฟินแลนด์ ในการสร้างสรรค์เรือสำราญระดับ 130,000 ตัน ซึ่งสัญญาฉบับนี้เอง นำมาซึ่งจุดเปลี่ยนแปลงของเราและวงการเรือสำราญของโลกเลยทีเดียว เรือสำราญที่เก่าแก่ที่สุดของบริษัท "Song of Norway" ได้ถูกปลดเกษียณ และถูกแทนที่ด้วยเรือสำราญอีก 2 ลำคือ "Rhapsody of the Seas" และ "Enchantment of the Seas" ลงในส่วนของเรือสำราญ Vision Class

บริษัท รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้รวมเข้ากับบริษัทเรือสำราญของกรีซ คือ Celebrity Cruises และเปลี่ยนชื่อจาก รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ เป็น รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล (RCI) เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ระดับโลกมากขึ้น และปักธงตั้งแต่นั้นมา ในการเป็นผู้นำการล่องเรือสำราญแบบ "โมเดิร์น" เมื่อ รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ปลดเกษียณ เรือสำราญเก่าแก่ของเรารวดเดียวถึง 2 ลำ คือ "Song of America" และ "Sun Viking" ในปี ค.ศ. 1998 ส่ง "Vision of the Seas" ลงสู่มหาสมุทร เป็น Vision Class ลำสุดท้าย ในปี ค.ศ. 2004 รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้สร้างประวัติศาสตร์ทางวิศวกรรมศาสตร์ทางทะเลอีกครั้งด้วยการส่ง "Enchantment of the Seas" เข้าอู่ต่อเรือปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วยการ ตัดกลางลำเรือออกเป็น 2 ท่อน และเสริมส่วนขยายเรือเข้าไปกลางลำเรืออีก 23 เมตร

ในปี ค.ศ. 1999 รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ทำให้โลกตื่นตะลึงกับการส่ง "Voyager of the Seas" ลงสู่มหาสมุทรเป็นครั้งแรก ในฐานะเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลกเป็นอย่างมาก และ 2 ปีถัดจากนั้น เราก็ได้ส่ง "Explorer of the Seas" เพิ่มในส่วนของ Voyager Class และ "Radiance of the Seas" ลงใน Radiance Class ทั้งยังเปิดตัว Alaska CruiseTour ผจญภัยไปในดินแดนที่น้อยคนนักเคยไป บุกตะลุยลึกเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ด้วย Glass-Domed Train Car รถไฟที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสามารถเห็นทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศา

ปี ค.ศ. 2002 เปิดตัวเรือสำราญ "Navigator of the Seas" ของ Voyager Class และ "Brilliance of the Seas" ของ Radiance Class ขณะที่ "Serenade of the Seas" และ "Mariner of the Seas" เปิดตัวในปีถัดมาพร้อมกับ Rock-Climbing Walls หน้าผาจำลองอันมีเป็นเอกลักษณ์ของ รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล บนเรือสำราญทุกลำของเรา ในปี ค.ศ. 2004 เปิดตัวเรือสำราญ "Jewel of the Seas" และเปิดตัวรอบสองหลังจากตกแต่งใหม่อยู่นานหลายปีของ Empress of the Seas (เดิม Nordic Empress) ในปี ค.ศ. 2005 เริ่มก่อสร้างเรือสำราญใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน และเปิดตัวในปีถัดมานั่นคือเรือสำราญ "Freedom of the Seas" และในปี ค.ศ. 2007 เปิดตัว "Liberty of the Seas" ลงใน Freedom Class เช่นกัน และในปี ค.ศ. 2008 ก็ได้เปิดตัว "Independence of the Seas" ก็ได้ถูกส่งลงน้ำเป็นเรือสำราญลำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลำที่ 3 ติดต่อกันในตลอด 3 ปีหลังสุด

และในปัจจุบัน ด้วยความเป็นผู้นำนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ เราได้แนะนำให้โลกรู้จักกับ "Genesis Project" เรือสำราญระดับ 220,000 ตัน ภายหลังเปิดตัวในชื่อเรือสำราญ "Oasis of the Seas" ซึ่งจะเปิดตัวในปลายปี 2009 และ "Allure of the Seas" ในปลายปี 2010
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
รอยัลแคริบเบียนอินเตอร์เนชั่นแนลบริษัทเรือสำราญ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1968 โดยการร่วมมือกันระหว่างหลายบริษัท Anders Wilhemsen & Company, I.M. Skaugen & Company, และบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือ Gotaas Larsen, Norwegian โดยเรือสำราญลำแรกของ รอยัล แคริบเบียน ลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 2 ปี คือ "Song of Norway" และในปีถัดมาก็ได้ส่ง "Nordic Prince" ซึ่งมีความจุเป็น 2 เท่า ลงสู่มหาสมุทร การเพิ่มจำนวนเรือสำราญในสังกัดของ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ไม่หยุดยั้งอยู่เพียงแค่นั้น ในปี ค.ศ. 1972 ก็ได้ส่ง Sun Viking ลงสู่มหาสมุทรเช่นกัน ด้วยความเป็นผู้นำทางด้าน "นวัตกรรม" ของเรา เป็นครั้งแรกในทางวิศวกรรมศาสตร์ทางทะเลต้องจารึกเอาไว้ว่า เราได้เพิ่มต่อและขยายเรือสำราญเป็นครั้งแรกของโลก โดยส่ง "Song of Norway" ขยายขนาดไปอีก 26 เมตร และ "Nordic Prince" เช่นกันในปี ค.ศ. 1980 จากจุดนี้เองทำให้ รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ดังเป็นพลุแตก ในปี ค.ศ. 1982 เราได้ส่งเรือสำราญ "Song of America" ลงสู่มหาสมุทร ถือเป็นเรือสำราญที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกในยุคนั้นรองลงมาจาก Norway และ Queen Elizabethปี ค.ศ. 1986 รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ปฏิวัติวงการครั้งใหญ่โดยการ ซื้อเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง ซึ่งเป็นอาณัติของประเทศไฮติ เพื่อเป็นเกาะส่วนตัวของเราเอง เพื่อจะให้บริการแขกในบรรยากาศสุดจะเป็นส่วนตัว ในปัจจุบันเกาะแห่งนั้นถูกเรียกว่า "Labadee" ซึ่งอยู่ในทะเลแคริบเบียนตะวันออก ในปี ค.ศ. 1988 หลังจากมีการปรับโครงสร้างการบริหารภายในบริษัทครั้งใหญ่ เราได้ส่งเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นลงสู่มหาสมุทรคือ "Sovereign of the Seas" และหลังจากนั้น 2 ปี ก็ได้ส่ง "Nordic Empress" และ "Viking Serenade เข้าสู่สายการเดินเรือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทยังไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ในปีเดียวกันนี้เอง เราก็ได้ซื้อเกาะเล็กๆซึ่งเป็นดินแดนของ "บาฮามาส" เพิ่ม ซึ่งในปัจจุบันเกาะแห่งนั้นถูกเรียกว่า "Coco Cay"
ถัดจากนั้น 1 ปี รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้ส่ง "Monarch of the Seas" และ "Majesty of the Seas" ในปีถัดมา ลงในส่วนของเรือสำราญ Sovereign Class ทำให้ รอยัล แคริบเบียน มีส่วนแบ่งทางการตลาดเรือสำราญใหญ่ที่สุดในโลกนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในปี ค.ศ. 1993 รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค หลังจากนั้น 2 ปี บริษัทเติบโตขึ้นราวกับเรือสำราญที่เดินหน้าเต็มที่ ตึกสำนักงานใหญ่รูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา "มงกุฏและสมอเรือ" ได้เสร็จสมบูรณ์ ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ริมหาด ไมอามี่, ฟลอริด้า และในปีเดียวกันนี้เอง เราได้ส่ง "Legend of the Seas" ลงสู่มหาสมุทรเป็นครั้งแรก และปลดระวาง "Nordic Prince" ออกจากสายเรือสำราญของเรา

2 ปีให้หลัง รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งเรือสำราญเพิ่มอีก 2 ลำคือ "Splendour of the Seas และ "Grandeur of the Seas" ลงในส่วนของเรือสำราญ Vision Class ในปี ค.ศ. 1996 รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้เซ็นสัญญามูลค่า หลายพันล้านเหรียญ สหรัฐฯ กับอู่ต่อเรือยักษ์ใหญ่ Aker Finnyards ประเทศฟินแลนด์ ในการสร้างสรรค์เรือสำราญระดับ 130,000 ตัน ซึ่งสัญญาฉบับนี้เอง นำมาซึ่งจุดเปลี่ยนแปลงของเราและวงการเรือสำราญของโลกเลยทีเดียว เรือสำราญที่เก่าแก่ที่สุดของบริษัท "Song of Norway" ได้ถูกปลดเกษียณ และถูกแทนที่ด้วยเรือสำราญอีก 2 ลำคือ "Rhapsody of the Seas" และ "Enchantment of the Seas" ลงในส่วนของเรือสำราญ Vision Class

บริษัท รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ ได้รวมเข้ากับบริษัทเรือสำราญของกรีซ คือ Celebrity Cruises และเปลี่ยนชื่อจาก รอยัล แคริบเบียน ครูซส์ไลน์ เป็น รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล (RCI) เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ระดับโลกมากขึ้น และปักธงตั้งแต่นั้นมา ในการเป็นผู้นำการล่องเรือสำราญแบบ "โมเดิร์น" เมื่อ รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ปลดเกษียณ เรือสำราญเก่าแก่ของเรารวดเดียวถึง 2 ลำ คือ "Song of America" และ "Sun Viking" ในปี ค.ศ. 1998 ส่ง "Vision of the Seas" ลงสู่มหาสมุทร เป็น Vision Class ลำสุดท้าย ในปี ค.ศ. 2004 รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้สร้างประวัติศาสตร์ทางวิศวกรรมศาสตร์ทางทะเลอีกครั้งด้วยการส่ง "Enchantment of the Seas" เข้าอู่ต่อเรือปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วยการ ตัดกลางลำเรือออกเป็น 2 ท่อน และเสริมส่วนขยายเรือเข้าไปกลางลำเรืออีก 23 เมตร

ในปี ค.ศ. 1999 รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ทำให้โลกตื่นตะลึงกับการส่ง "Voyager of the Seas" ลงสู่มหาสมุทรเป็นครั้งแรก ในฐานะเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลกเป็นอย่างมาก และ 2 ปีถัดจากนั้น เราก็ได้ส่ง "Explorer of the Seas" เพิ่มในส่วนของ Voyager Class และ "Radiance of the Seas" ลงใน Radiance Class ทั้งยังเปิดตัว Alaska CruiseTour ผจญภัยไปในดินแดนที่น้อยคนนักเคยไป บุกตะลุยลึกเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ด้วย Glass-Domed Train Car รถไฟที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสามารถเห็นทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศา

ปี ค.ศ. 2002 เปิดตัวเรือสำราญ "Navigator of the Seas" ของ Voyager Class และ "Brilliance of the Seas" ของ Radiance Class ขณะที่ "Serenade of the Seas" และ "Mariner of the Seas" เปิดตัวในปีถัดมาพร้อมกับ Rock-Climbing Walls หน้าผาจำลองอันมีเป็นเอกลักษณ์ของ รอยัล แคริบเบียน อินเตอร์เนชั่นแนล บนเรือสำราญทุกลำของเรา ในปี ค.ศ. 2004 เปิดตัวเรือสำราญ "Jewel of the Seas" และเปิดตัวรอบสองหลังจากตกแต่งใหม่อยู่นานหลายปีของ Empress of the Seas (เดิม Nordic Empress) ในปี ค.ศ. 2005 เริ่มก่อสร้างเรือสำราญใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน และเปิดตัวในปีถัดมานั่นคือเรือสำราญ "Freedom of the Seas" และในปี ค.ศ. 2007 เปิดตัว "Liberty of the Seas" ลงใน Freedom Class เช่นกัน และในปี ค.ศ. 2008 ก็ได้เปิดตัว "Independence of the Seas" ก็ได้ถูกส่งลงน้ำเป็นเรือสำราญลำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลำที่ 3 ติดต่อกันในตลอด 3 ปีหลังสุด

และในปัจจุบัน ด้วยความเป็นผู้นำนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ เราได้แนะนำให้โลกรู้จักกับ "Genesis Project" เรือสำราญระดับ 220,000 ตัน ภายหลังเปิดตัวในชื่อเรือสำราญ "Oasis of the Seas" ซึ่งจะเปิดตัวในปลายปี 2009 และ "Allure of the Seas" ในปลายปี 2010
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: