Loyalty is a philosophy of leadersh

Loyalty is a philosophy of leadership that seeks mutually beneficial management of the relationship
between the enterprise and its stakeholders (Finnie and Randall, 2002； Hart and Johnson, 1999). Higher
customer retention (5%) results in a significant rise in profitability and business growth. The higher
profitability derives from the basic profit associated with all activities, a rise in sales to each customer,
economies generated as a result of improved reciprocal understanding between the customer and
business, new customer recommendations by loyal customers, and bigger profits resulting from the
lesser tendency of loyal customers to make purchases on the basis of price alone (Reichheld, 1996).
There are three types of key principles governing customer loyalty (Bhote, 1996). First, there are the
matters of ethics and uncompromising integrity, mutual trust, openness and access to information. Then,
there is a need to ensure closeness to the customer, allowing the customer to “coach” the business and
demonstrating true interest in the customer after the sale has been consummated. Finally, there is a need

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความภักดีเป็นปรัชญาของผู้นำที่เป็นประโยชน์ร่วมกันการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและทุกกลุ่ม (Finnie และแรนดัล 2002 ฮาร์ต and Johnson, 1999) สูงขึ้นการเก็บข้อมูลลูกค้า (5%) ผลกำไรและธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สูงกำไรมาจากพื้นฐานผลกำไรที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทั้งหมด เพิ่มขึ้นในการขายลูกค้าแต่ละรายสร้างขึ้นเป็นผลมาจากเศรษฐกิจดีขึ้นความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างลูกค้า และคำแนะนำลูกค้าธุรกิจ ใหม่ ลูกค้าที่ภักดีและใหญ่กว่าผลกำไรจากการน้อยกว่าแนวโน้มของลูกค้าที่ภักดีในการซื้อสินค้าบนพื้นฐานของราคาเพียงอย่างเดียว (Reichheld, 1996)มีสามประเภทหลักสำคัญแก่ลูกค้า (Bhote, 1996) ครั้งแรก มีการเรื่องของจริยธรรม และความแน่วแน่ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน การเปิดกว้าง และเข้าถึงข้อมูล แล้วมีความจำเป็นเพื่อให้ใกล้ชิดกับลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าที่ "ฝึก" ธุรกิจ และเห็นจริงสนใจลูกค้าหลังการขายมีการ consummated ในที่สุด มีความจำเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความจงรักภักดีคือปรัชญาของความเป็นผู้นำที่พยายามจัดการผลประโยชน์ร่วมกันของความสัมพันธ์
ระหว่างองค์กรและผู้มีส่วนได้เสีย (Finnie และแรนดัล 2002; ฮาร์ตและจอห์นสัน, 1999) สูงกว่า
การเก็บข้อมูลลูกค้า (5%) ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการทำกำไรและการเติบโตของธุรกิจ สูงกว่า
การทำกำไรมาจากกำไรขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นในการขายให้กับลูกค้าแต่ละ
เศรษฐกิจที่สร้างขึ้นเป็นผลมาจากความเข้าใจซึ่งกันและกันที่ดีขึ้นระหว่างลูกค้าและ
ธุรกิจให้คำแนะนำลูกค้าใหม่โดยลูกค้าที่ภักดีและผลกำไรที่ใหญ่กว่าผลมาจากการ
ที่น้อยกว่า แนวโน้มของลูกค้าที่ภักดีที่จะทำให้การซื้อสินค้าบนพื้นฐานของราคาเพียงอย่างเดียว (Reichheld, 1996) ได้.
มีสามประเภทของหลักการสำคัญปกครองมีความภักดีของลูกค้า (Bhote, 1996) แรกมีเป็น
เรื่องของจริยธรรมและความซื่อสัตย์แน่วแน่ไว้วางใจซึ่งกันและกันเปิดกว้างและการเข้าถึงข้อมูล จากนั้น
มีความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ามีความใกล้ชิดกับลูกค้าที่ช่วยให้ลูกค้าที่จะ "โค้ช" ธุรกิจและ
แสดงให้เห็นถึงความสนใจจริงในลูกค้าหลังการขายที่ได้รับการบริบูรณ์ ในที่สุดก็มีความจำเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความซื่อสัตย์เป็นปรัชญาของผู้นำที่มุ่งการจัดการผลประโยชน์ร่วมกันของความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร และผู้มีส่วนได้เสีย ( ฟินนี่ และแรนดัล , 2002 ; ฮาร์ท และ จอห์นสัน , 1999 ) สูงกว่าการรักษาลูกค้า ( 5% ) ผลในการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการทำกำไรและการเติบโตของธุรกิจ สูงกว่าอัตรากำไรที่มาจากพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทั้งหมด เพิ่มขึ้นในการขายให้กับลูกค้าแต่ละคนประเทศที่สร้างขึ้นเป็นผลมาจากการปรับปรุงความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างลูกค้าและธุรกิจที่แนะนำลูกค้าใหม่ โดยลูกค้าที่ซื่อสัตย์ และใหญ่กว่าผลกำไรที่เกิดจากน้อยกว่า แนวโน้มลูกค้าที่ซื่อสัตย์ที่จะทำให้การซื้อสินค้าบนพื้นฐานของราคาเพียงอย่างเดียว ( reichheld , 1996 )มีอยู่สามชนิดของหลักการสำคัญว่าด้วยความภักดีของลูกค้า ( bhote , 1996 ) ก่อน , มีเรื่องของจริยธรรมและคุณธรรมสามารถไว้วางใจซึ่งกันและกัน การเปิดกว้างและการเข้าถึงข้อมูล จากนั้นมีความต้องการที่จะให้ความใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้า " โค้ช " ธุรกิจและแสดงให้เห็นถึงความสนใจจริงในลูกค้าหลังการขายได้ถูก consummated . สุดท้ายมีต้อง