Bangladesh’s economy is heavily dep

Bangladesh’s economy is heavily dependent on agriculture. It is beyond question that the rice industry has an overwhelming influence on the national economy. Bangladesh is now essentially self-sufficient in rice, its basic cereal, and is emerging as a significant exporter of high-value agricultural products (USAID Bangladesh, 2006). There has also been a sharp increase in the use of inorganic nutrients, i.e., chemical fertilizers, to get a higher yield from modern varieties of rice. During the green revolution, for example, 1 kg of added nitrogen fertilizer would produce 20 kg of grain, but now it only produces 8 to 10 kg (FAO, 2004). Declining productivity due to soil degradation is now a major constraint. It is said that a good soil should have an organic matter content of more than 3.5%, but in Bangladesh most soils have less than 1.7%, and some soils
have even less than 1% organic matter (BARC, 1997). Moreover, the continuous and unbalanced use of inorganic nutrients in an intensive cropping system has been considered to be the main cause for stagnating or declining crop productivity. Unless the use of balanced fertilizers and organic matter in soils is seriously considered, sustenance or an increase in productivity can hardly be achieved.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เศรษฐกิจของประเทศบังกลาเทศเป็นอย่างมากขึ้นอยู่กับการเกษตร ได้นอกเหนือจากคำถามว่า อุตสาหกรรมข้าวมีอิทธิพลการครอบงำเศรษฐกิจของประเทศ ประเทศบังกลาเทศเป็นหลักบางใน ข้าว ธัญพืชเป็นพื้นฐาน และการเกิดใหม่เป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (USAID บังคลาเทศ 2006) อย่างมีนัยสำคัญ ยังมีการเพิ่มมากขึ้นในการใช้สารอาหารอนินทรีย์ เช่น ปุ๋ยเคมี จะได้รับผลตอบแทนสูงจากพันธุ์ข้าวสมัยใหม่ ในระหว่างการปฏิวัติเขียว ตัวอย่าง 1 กิโลกรัมของปุ๋ยไนโตรเจนเพิ่มจะผลิต 20 กิโลกรัมของเมล็ดข้าว แต่ตอนนี้ มันเท่าผลิต 8-10 กิโลกรัม (FAO, 2004) ลดลงผลผลิตเนื่องจากย่อยสลายดินเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ กล่าวกันว่า ดินที่ดีควรมีเนื้อหาอินทรีย์มากกว่า 3.5% แต่ในบังคลาเทศ ดินเนื้อปูนส่วนใหญ่มีน้อยกว่า 1.7% และดินเนื้อปูนบางมีแม้แต่น้อยกว่า 1% อินทรีย์ (BARC, 1997) นอกจากนี้ การใช้อย่างต่อเนื่อง และสมดุลของสารอาหารอนินทรีย์ในการเร่งรัดการปลูกพืชระบบได้ถูกพิจารณาให้ สาเหตุหลักวิชา หรือผลผลิตพืชลดลง ยกเว้นอย่างจริงจังถือว่ามีการใช้สมดุลปุ๋ยอินทรีย์ในดินเนื้อปูน บวงสรวงหรือการเพิ่มผลผลิตสามารถไม่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เศรษฐกิจบังคลาเทศเป็นหนักขึ้นอยู่กับการเกษตร มันอยู่นอกเหนือคำถามว่าอุตสาหกรรมข้าวมีอิทธิพลครอบงำในเศรษฐกิจของประเทศ บังคลาเทศเป็นตอนนี้เป็นหลักความพอเพียงในข้าวธัญพืชขั้นพื้นฐานของตนและที่เกิดขึ้นเป็นผู้ส่งออกที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูง (USAID บังคลาเทศ, 2006) นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มมากขึ้นในการใช้งานของสารอาหารนินทรีย์เช่นปุ๋ยเคมีที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงจากพันธุ์ข้าวที่ทันสมัย ในระหว่างการปฏิวัติเขียวเช่น 1 กิโลกรัมปุ๋ยไนโตรเจนจะผลิตเพิ่ม 20 กก. ข้าว แต่ตอนนี้มันเพียง แต่ผลิต 8-10 กก. (FAO, 2004) ผลผลิตลดลงเนื่องจากการย่อยสลายในดินในขณะนี้คือข้อ จำกัด ที่สำคัญ มันก็บอกว่าดินที่ดีควรมีเนื้อหาสารอินทรีย์กว่า 3.5% แต่ในประเทศบังกลาเทศดินส่วนใหญ่จะมีน้อยกว่า 1.7% และดินบางส่วน
ได้แม้แต่น้อยกว่า 1% สารอินทรีย์ (BARC, 1997) นอกจากนี้ยังมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องและไม่สมดุลของสารอาหารนินทรีย์ในระบบการปลูกพืชที่เข้มข้นได้รับการยกย่องว่าเป็นสาเหตุหลักที่ซบเซาหรือลดลงผลผลิตพืช เว้นแต่การใช้ปุ๋ยที่สมดุลและสารอินทรีย์ในดินที่มีการพิจารณาอย่างจริงจังการยังชีพหรือเพิ่มขึ้นในการผลิตแทบจะไม่สามารถทำได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เศรษฐกิจของบังคลาเทศเป็นหนักขึ้นอยู่กับการเกษตร มันอยู่นอกเหนือคำถามที่อุตสาหกรรมข้าวมีอำนาจในระบบเศรษฐกิจของประเทศ บังคลาเทศเป็นหลักพอเพียงในข้าว , ธัญพืชพื้นฐาน และเกิดขึ้นใหม่ เป็นผู้ส่งออกที่สำคัญของสินค้าเกษตรสำคัญ ( USAID บังคลาเทศ , 2006 )นอกจากนี้ ยังได้มีการเพิ่มขึ้นในการใช้สารอาหารอนินทรีย์ เช่น สารเคมี ปุ๋ย เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงจากพันธุ์ที่ทันสมัยของข้าว ระหว่างการปฏิวัติเขียว ตัวอย่างเช่น 1 กิโลกรัม จะผลิตเพิ่มไนโตรเจน 20 กิโลกรัมของเมล็ด แต่ตอนนี้ผลิตแต่ 8 ถึง 10 กิโลกรัม ( FAO , 2004 ) ผลผลิตลดลงเนื่องจากความเสื่อมโทรมของดินมีข้อจำกัดที่สำคัญมันบอกว่า ดินที่ดีควรมีอินทรีย์วัตถุเนื้อหามากกว่า 3.5 % แต่ในบังคลาเทศดินส่วนใหญ่มีน้อยกว่า 1.7% และดิน
ได้น้อยกว่า 1 % อินทรีย์ ( โลหะคาร์บอนิล , 1997 ) นอกจากนี้ การขาดดุล การใช้สารอาหารอนินทรีย์ในระบบการปลูกพืชที่เข้มข้นได้ถือเป็นสาเหตุหลักสำหรับซบเซาหรือผลผลิตพืชลดลงนอกจากการใช้ปุ๋ยอินทรีย์วัตถุในดินสมดุลอย่างจริงจังพิจารณาอาหาร หรือการเพิ่มผลผลิตแทบไม่ได้