This aggravation coincided with the

This aggravation coincided with the period when a new and quite voluminous wave of pensioners started entering the world pension systems, thereby requiring substantial financial resources to be ensured with pensions. In this regard, the year 2011 is considered to be a sort of watershed. It is precisely beginning in this year that the first wave of the so called baby boom generation started retiring.
The birth rate reached its peak over the period between 1940s and 1960s. Therefore, this wave of new pensioners is the largest in the history by its scale and at the same time, the most influential (as a rule, pensioners are considered one of the most consistent and active voters and consequently, to win their hearts, governments often take such decisions which bring short term political benefits but are economically unsubstantiated).
As a result, state budgets of almost every developed country are characterized with huge deficit. According to the data of the European Union,2 as of 2013, the majority of the EU member states fail to observe the “debt ceiling” parameter established by the Maastricht Treaty (under this treaty, a state debt shall not exceed 60% of a country’s Gross Domestic Product). In reality, the amount of debt against the GDP comprises 92,2% within the Eurozone.
In contrast to the widespread opinion, this problem is not caused by global or local financial and economic crises alone. According to estimated of the International Monetary Fund (IMF), only 20% of expected increase in domestic state debts in the nearest future will account for financial crisis and recession. The remaining 80% will be accounted for the increase in public funds for covering health care, social and especially, pension liabilities.
For this very reason, when evaluating the existing situation, international scientific sources increasingly use the term “gerontocracy” which reflects the growing influence of elderly on politics.3
In such a situation, pension systems face a number of challenges. These challenges are diverse and quite multifaceted, but they still can be grouped following certain logic.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทำให้รุนแรงขึ้นนี้สอดคล้องกับรอบระยะเวลาที่คลื่นใหม่ และค่อนข้างใหญ่ของบำนาญเริ่มเข้าระบบบำนาญโลก จึงต้องพบทรัพยากรทางการเงินจะมั่นใจกับเงินเลี้ยงชีพ ในเรื่องนี้ ปี 2554 จะถือว่าเป็นการเรียงลำดับของลุ่มน้ำ ตรงจุดเริ่มต้นในปีนี้ที่คลื่นลูกแรกของรุ่นบูมเด็กเรียกว่าเริ่มต้นออก ได้อัตราการเกิดถึงจุดสูงสุดในช่วงระหว่างปี 1940 และปี 1960 ดังนั้น นี้คลื่นของบำนาญใหม่เป็นใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยขนาดของมัน และใน เวลาเดียวกัน มันมีอิทธิพลมากที่สุด (เป็นกฎ บำนาญถือว่ามากที่สุดสอดคล้องกัน และการใช้งานผู้ลงคะแนนอย่างใดอย่างหนึ่ง และจึง ชนะใจ รัฐบาลมักจะใช้การตัดสินใจดังกล่าวซึ่งนำผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้น แต่มีความพร้อมเพรียงทางเศรษฐกิจ)เป็นผล งบประมาณรัฐของเกือบทุกประเทศที่พัฒนาแล้วมีลักษณะใหญ่ขาดทุนสะสม ตามข้อมูลของสหภาพยุโรป 2 ปี 2013 ส่วนใหญ่ของประเทศสมาชิก EU ไม่สังเกตพารามิเตอร์ "เพดานหนี้" ที่ก่อตั้ง โดยสนธิสัญญามาสทริชต์ (ภายใต้สนธิสัญญานี้ หนี้รัฐต้องไม่เกิน 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ) ในความเป็นจริง ปริมาณของหนี้ต่อ GDP ประกอบด้วย 92,2% ภายในยูโรโซนตรงกันข้ามกับความเห็นอย่างกว้างขวาง ปัญหานี้ไม่เกิดจากส่วนกลาง หรือท้องถิ่น และเศรษฐกิจวิกฤตเพียงอย่างเดียว ตามประมาณการนานาชาติสถาบัน), เพียง 20% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในประเทศรัฐหนี้ในอนาคตอันใกล้จะบัญชีสำหรับวิกฤตการณ์ทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยของ 80% ที่เหลือจะถูกคิดเงินสำหรับการครอบคลุมการดูแลสุขภาพ สังคม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพนชั่นหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมากด้วยเหตุนี้ เมื่อประเมินสถานการณ์ที่มีอยู่ แหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์นานาชาติมากขึ้นใช้คำว่า "gerontocracy" ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุใน politics.3ในสถานการณ์ที่ ระบบบำนาญหน้าตัวเลขของความท้าทาย ความท้าทายเหล่านี้มีความหลากหลาย และหลายแง่มุมมาก แต่พวกเขายังสามารถจัดกลุ่มตามตรรกะบางอย่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทำให้รุนแรงขึ้นนี้ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่คลื่นลูกใหม่และใหญ่โตค่อนข้างของผู้รับบำนาญเริ่มต้นเข้าสู่ระบบเงินบำนาญของโลกจึงต้องการทรัพยากรทางการเงินที่สำคัญที่จะมั่นใจกับเงินบำนาญ ในเรื่องนี้ในปี 2011 จะถือเป็นการจัดเรียงของลุ่มน้ำ มันเป็นเพราะการเริ่มต้นในปีนี้ว่าคลื่นลูกแรกที่เรียกว่ารุ่นเบบี้บูมเริ่มเกษียณ.
อัตราการเกิดถึงจุดสูงสุดในช่วงระหว่างปี 1940 และปี 1960 ดังนั้นคลื่นของผู้รับบำนาญใหม่นี้เป็นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โดยขนาดและในเวลาเดียวกันที่มีอิทธิพลมากที่สุด (เป็นกฎที่ผู้รับบำนาญได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสอดคล้องกันมากที่สุดและใช้งานจึงจะชนะหัวใจของพวกเขารัฐบาล มักจะใช้การตัดสินใจดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ทางการเมืองในระยะสั้น ๆ แต่มีความพร้อมเพรียงเศรษฐกิจ).
เป็นผลให้งบประมาณของรัฐเกือบทุกประเทศที่พัฒนาแล้วมีความโดดเด่นที่มีการขาดดุลมาก ตามข้อมูลของสหภาพยุโรปที่ 2 ของปี 2013 ส่วนใหญ่ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปล้มเหลวในการสังเกต "หนี้เพดาน" พารามิเตอร์ที่จัดตั้งขึ้นโดยสนธิสัญญามาสทริชท์ (ภายใต้สนธิสัญญานี้เป็นหนี้ของรัฐจะต้องไม่เกิน 60% ของ ประเทศมวลรวมภายในประเทศสินค้า) ในความเป็นจริงจำนวนหนี้กับจีดีพีประกอบด้วย 92,2% ภายในยูโรโซน.
ในทางตรงกันข้ามกับความคิดเห็นอย่างกว้างขวางปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากวิกฤตการณ์ทางการเงินและเศรษฐกิจโลกหรือท้องถิ่นเพียงอย่างเดียว ตามการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพียง 20% ของการเพิ่มขึ้นคาดว่าในหนี้รัฐในประเทศในอนาคตอันใกล้จะบัญชีสำหรับวิกฤตการณ์ทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนที่เหลืออีก 80% จะคิดเป็นเพิ่มขึ้นในกองทุนสาธารณะครอบคลุมการดูแลสุขภาพสังคมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้สินเงินบำนาญ. the
เหตุผลอย่างนี้เมื่อมีการประเมินสถานการณ์ที่มีอยู่ในแหล่งวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติมากขึ้นใช้คำว่า "gerontocracy" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเจริญเติบโต อิทธิพลของผู้สูงอายุใน politics.3
ในสถานการณ์ดังกล่าวระบบบำเหน็จบำนาญเผชิญกับจำนวนของความท้าทาย ความท้าทายเหล่านี้มีความหลากหลายและหลายแง่มุมมาก แต่พวกเขายังคงสามารถจัดกลุ่มต่อไปนี้ตรรกะบางอย่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปัญหานี้ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่คลื่นใหม่และค่อนข้างมากมายของผู้รับบำนาญเริ่มเข้าสู่โลกระบบบำนาญ งบทรัพยากรทางการเงินอย่างมากเพื่อให้มั่นใจกับเงินบำนาญ ทั้งนี้ ปี 2554 ถือเป็นการจัดเรียงของลุ่มน้ำ แน่นอนการเริ่มต้นในปีนี้ว่า คลื่นแรกของที่เรียกว่า Baby Boom Generation เริ่มเกษียณเกิดคะแนนถึงจุดสูงสุดในช่วงระหว่างปี 1940 และ 1960 . ดังนั้น คลื่นนี้ของผู้รับบำนาญใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยขนาดของมันและใน เวลาเดียวกัน ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ( ตามกฎบำนาญถือเป็นหนึ่งในที่สุดที่สอดคล้องกันและปราดเปรียว ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และจากนั้น จะชนะหัวใจของพวกเขา รัฐบาล มักจะใช้เวลาในการตัดสินใจดังกล่าวซึ่งนำการเมือง ผลประโยชน์ระยะสั้น แต่ unsubstantiated คอรัปชั่น )เป็นผลให้รัฐงบประมาณของทุกประเทศพัฒนามีลักษณะที่มีการขาดดุลขนาดใหญ่ ตามข้อมูลของสหภาพยุโรป 2 2013 , ส่วนใหญ่ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปไม่สังเกต " เพดาน " หนี้ค่าพารามิเตอร์ที่จัดตั้งขึ้นโดยสนธิสัญญามาสทริชท์ ( ภายใต้สนธิสัญญานี้สถานะหนี้จะต้องไม่เกิน 60 % ของผลิตภัณฑ์ของประเทศมวลรวมภายในประเทศ ) ในความเป็นจริงแล้ว ยอดหนี้ต่อจีดีพี ประกอบด้วย 92,2 % ภายในกลุในทางตรงกันข้ามกับความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากทุนทางการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ตามประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) เพียง 20 % คาดเพิ่มหนี้รัฐในประเทศในอนาคตอันใกล้จะบัญชีสำหรับวิกฤตการเงินยุโรปและ ที่เหลืออีก 80% จะถูกคิดเพิ่มในกองทุนสาธารณะให้ครอบคลุมการดูแลสุขภาพ และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนี้สินเงินบำนาญด้วยเหตุผลนี้ เมื่อประเมินสภาพปัจจุบัน แหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์นานาชาติมากขึ้น ใช้คำว่า " gerontocracy " ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลเติบโตของผู้สูงอายุในการเมือง .ในสถานการณ์เช่นนี้ ระบบบำนาญใบหน้าจำนวนของความท้าทาย ความท้าทายเหล่านี้ มีความหลากหลาย และค่อนข้างใส แต่พวกเขายังคงสามารถจัดกลุ่มตามบางตรรกะ