The study was performed in one of t

The study was performed in one of the six natural parks in Galicia, Fragas do Eume Natural Park (A Coruña, NW Spain), which extends along the valley of the Eume river within the Ferrolterra municipalities of Pontedeume, Cabanas, A Capela, Monfero, Pontedeume and As Pontes de García Rodríguez. The area was declared a natural park (a level of protection lower than national park) in 1997 and it is an example of a temperate rainforest recognized by the European Union as a Site of Community Importance in which climax vegetation is dominated by “Fragas”, natural woodland with a mixture of species such as Q. robur, Corylus avellana, Castanea sativa, Betula alba, Laurus nobilis, Ulmus glabra, Salix atrocinerea, Fraxinus excelsior, Fraxinus angustifolia and Alnus glutinosa. However, the protected area also included vegetation dominated by non-autochthonous species such as Eucalyptus globulus and, to a lesser extent, Pinus radiata. On March 2012 a wildfire destroyed for 3 days the heart of the park and approximately 1000 ha of the Natural Park was affected, 750 ha dominated by non-autochthonous vegetation, mainly E. globulus, and 350 ha dominated by climax vegetation, mainly Q. robur. The extent of fire can be partly explained by the different susceptibilities of the two tree species to combustion. The level of combustion of the organic layer and the deposition of ash from the aboveground combustion of the biomass suggested that fire severity had been moderate to high ( Vega et al., 2013b).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาได้ดำเนินการในหนึ่งในหกของสวนธรรมชาติในกาลิเซีย Fragas ทำ Eume อุทยานธรรมชาติ (A Coruña, NW สเปน) ซึ่งทอดตัวตามหุบเขาของแม่น้ำ Eume ภายในเขตเทศบาลแห่ง Ferrolterra Pontedeume, คาบานาส, A Capela, Monfero, และในฐานะที่เป็น Pontedeume Pontes de GarcíaRodríguez พื้นที่ที่ถูกประกาศให้เป็นอุทยานธรรมชาติ (ระดับของการป้องกันที่ต่ำกว่าอุทยานแห่งชาติ) ในปี 1997 และเป็นตัวอย่างของป่าฝนสมควรได้รับการยอมรับจากสหภาพยุโรปเป็นเว็บไซต์ของความสำคัญของชุมชนในการที่พืชจุดสุดยอดที่ถูกครอบงำด้วย "Fragas" ป่าธรรมชาติที่มีส่วนผสมของสปีชีส์เช่น Q. Robur, Corylus Avellana, Castanea sativa, เบตูลาอัลบ้า, Laurus nobilis, มัส glabra, ลิก atrocinerea, Fraxinus ยิ่งดี, angustifolia Fraxinus และ Alnus glutinosa อย่างไรก็ตามพื้นที่คุ้มครองยังรวมถึงพืชผักที่โดดเด่นด้วยไม่ใช่สายพันธุ์ autochthonous เช่นยูคาลิป globulus และในระดับที่น้อยกว่าปินัส radiata มีนาคม 2012 ไฟป่าทำลาย 3 วันหัวใจของอุทยานฯ ประมาณ 1,000 เฮกเตอร์ของอุทยานธรรมชาติได้รับผลกระทบ 750 เฮกเตอร์ที่โดดเด่นด้วยพืชผักที่ไม่ autochthonous ส่วนใหญ่ globulus อีและ 350 ฮ่าโดดเด่นด้วยจุดสุดยอดพืชส่วนใหญ่ Q. Robur ขอบเขตของการเกิดไฟไหม้สามารถอธิบายได้บางส่วนโดยไวที่แตกต่างกันของทั้งสองสายพันธุ์ต้นไม้เผาไหม้ ระดับของการเผาไหม้ของชั้นอินทรีย์และการสะสมของเถ้าจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงชีวมวลดินชี้ให้เห็นว่าระดับความรุนแรงของการเกิดไฟไหม้ได้รับในระดับปานกลางถึงสูง (Vega et al., 2013b) ด้วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ได้ทำการศึกษาในหนึ่งในหกธรรมชาติสวนสาธารณะในกาลิเซีย fragas ทำ eume อุทยานธรรมชาติ ( อาโกรูญา NW , สเปน ) ซึ่งขยายไปตามหุบเขาของแม่น้ำ eume ภายใน ferrolterra pontedeume คาบานาส , เทศบาล , Capela , monfero pontedeume , และเป็น พอนเตส เดอ กาโอ การ์ซีอาลุยส์โรดรีเกซ มาร์ติน .พื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นอุทยานธรรมชาติ ( ระดับการป้องกันต่ำกว่า National Park ) ในปี 1997 และมันคือตัวอย่างของป่าฝนพอสมควรได้รับการยอมรับโดยสหภาพยุโรปเป็นเว็บไซต์ของชุมชนสำคัญที่จุดสุดยอดพืชถูกครอบงำด้วย " fragas " เป็นธรรมชาติป่าไม้ที่มีส่วนผสมของชนิดเช่น ถ. robur ผลไม้ยุโรปจำพวก Corylusavellana , betula Castanea sativa , อัลบา โนบิลิส laurus ,ulmus glabra salix atrocinerea fraxinus Excelsior , , , และ fraxinus 5 alnus glutinosa . อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ได้รับการป้องกัน รวมทั้งพืช dominated โดยไม่ autochthonous ชนิดเช่น globulus ยูคาลิปตัสและในระดับที่น้อยกว่า , Pinus radiata . ในเดือนมีนาคม 2555 มีไฟป่าทำลาย 3 วันหัวใจของปาร์ค และประมาณ 1 , 000 ไร่ อุทยานธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบ750 ฮา dominated โดยไม่ autochthonous พืชส่วนใหญ่ เช่น globulus และ 350 ฮา dominated โดยจุดสุดยอดพืชส่วนใหญ่คิว robur . ขอบเขตของไฟสามารถอธิบายได้โดย ที่แตกต่างกัน บางส่วนของต้นไม้สองชนิดเผาไหม้ระดับของการเผาไหม้ของชั้นอินทรีย์และการทับถมของเถ้าจากการเผาไหม้มวลชีวภาพเหนือพื้นดินของ พบว่า ความรุนแรงของไฟได้สูงพอสมควร ( Vega et al . ,
2013b )