Living in the city VS Living in the

Living in the city VS Living in the country
Nowday, because of the development of the economy and the urbanization, the gap between the rich and the poor, the urban and the rural are considerably narrowed. However, there are have a lot of differences, so we saw them such as work, the enviroment and the entertaiment. Let me tell about these below.
The first difference is work. Both of them people usually work, but how they work different. To begin with, living in the city has its own advantages about education and working, beside living in the city is not only convenient for citizens to study but there are also lots of chances for them to find a good job. People in the country usually do not have conditions to take a good education because of the limited backward infrastructure and manpower. Second, farmers work outside and harvest. Employers of the company work inside and work on machine. Third, the country has small markets and the city has big markets. Finally, the people in country do not need more money. Every time, they need to buy something, they can trade each other such as: rice, potato, ect. But the people in the city make more money because they need more things such as: food, fist, ect.
The second, it is the environment. The two place have different environments. The first, the environment in the country is purer and more peaceful than in the city. Although a city which has a lot of business centers or factories, would help improving the standard of living, it also has some limitations. The more plants are cut for building, the more polluted the natural environmentis. The second, the country is quiet, and it has clear climate and few vehicles but the city is noisy and has pollution, too many vehicles. Beside, the increasing of the pollution in the city also makes the environment polluted seriously because of citizens waste. Finally, one has cows and their life is stressful.
The third difference is entertainment. They have very big different. The life in the country is simple but cozy enough. The inconvenient transportation and underdevelopment of economy deprive villagers the possibility of going to a new show or a latest movie and make shopping a major problem. Beside, the people in country have few friend and the county does not has college but the city has a lot of colleges for example, the people in the country go to the city to learn and the people in the city have a lot of friends.
The last different point is the cost. The city life carries a heavy price. Housing and food are expensive, when you live in the small town, the hometown grocery store. Services, such as transportation, are expensive component of life in the city is the toll it takes on your body through stress. Therefore, people who live in the city are usually under pressure working hard to pay for the cost of the living which is more and more expensive than its in the country.
In conclusion, the living environment, the opportunity of education, working, entertainment and the cost of the living are different between living in the country and in the city. The country is quiet but the city is bustling. All in all, the both of them have special qualities. In my opinion, I would like to live in the city than in the country because it give me more opportunities to study and work.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่อาศัยอยู่ในเมืองเทียบกับที่อาศัยอยู่ในประเทศ
nowday เนื่องจากการพัฒนาของเศรษฐกิจและรูปแบบช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนในเมืองและชนบทที่มีการลดลงอย่างมาก แต่มีมีจำนวนมากของความแตกต่างดังนั้นเราจึงเห็นพวกเขาเช่นการทำงาน, สภาพแวดล้อมและแหล่งบันเทิง ให้ฉันบอกเกี่ยวกับเหล่านี้ด้านล่าง.
ความแตกต่างแรกคือการทำงานทั้งสองคนมักจะทำงาน แต่วิธีการทำงานที่แตกต่างกัน จะเริ่มต้นด้วยการใช้ชีวิตในเมืองที่มีข้อดีของตัวเองเกี่ยวกับการศึกษาและการทำงานข้างที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่ได้เป็นเพียงความสะดวกสำหรับประชาชนในการศึกษา แต่ยังมีจำนวนมากโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะหางานที่ดีคนในประเทศมักจะไม่ได้มีเงื่อนไขที่จะใช้การศึกษาที่ดีเพราะมีโครงสร้างพื้นฐานหลังและกำลังคนที่ จำกัด สองเกษตรกรทำงานนอกและการเก็บเกี่ยว นายจ้างของการทำงานของ บริษัท ที่อยู่ภายในและการทำงานบนเครื่อง สามประเทศที่มีตลาดขนาดเล็กและเมืองที่มีตลาดขนาดใหญ่ ในที่สุดคนที่อยู่ในประเทศที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากขึ้น ทุกครั้งที่พวกเขาต้องการที่จะซื้อสิ่งที่พวกเขาสามารถทางการค้าในแต่ละอื่น ๆ เช่นข้าวมันฝรั่ง, ect แต่คนที่อยู่ในเมืองที่สร้างรายได้มากขึ้นเพราะพวกเขาต้องการสิ่งที่มากขึ้นเช่น. อาหารกำปั้น, ect
ที่สองมันเป็นสภาพแวดล้อม สองสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ครั้งแรกสภาพแวดล้อมในประเทศที่มีความบริสุทธิ์และความสงบสุขมากขึ้นกว่าในเมืองแม้ว่าเมืองที่มีจำนวนมากของศูนย์ธุรกิจหรือโรงงานที่จะช่วยให้การปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพก็ยังมีข้อ จำกัด บางอย่าง พืชมากขึ้นมีการตัดสำหรับการสร้างที่ปนเปื้อนมากขึ้น environmentis ธรรมชาติ ที่สองประเทศเป็นที่เงียบสงบและมีสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจนและไม่กี่คัน แต่เป็นเมืองที่มีเสียงดังและมีมลพิษยานพาหนะมากเกินไป ข้างที่เพิ่มขึ้นของมลพิษในเมืองยังทำให้สภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนอย่างจริงจังเพราะประชาชนเสีย ในที่สุดหนึ่งมีวัวและชีวิตของพวกเขาเครียด.
ความแตกต่างที่สามคือความบันเทิง พวกเขามีขนาดใหญ่มากที่แตกต่างกัน การใช้ชีวิตในประเทศที่มีความเรียบง่าย แต่อบอุ่นพอการขนส่งไม่สะดวกและไม่ล้าหลังทางเศรษฐกิจของชาวบ้านกีดกันความเป็นไปได้ที่จะไปแสดงหรือภาพยนตร์ใหม่ล่าสุดและทำให้การช้อปปิ้งเป็นปัญหาสำคัญ ข้างคนที่อยู่ในประเทศที่มีเพื่อนน้อยและเขตไม่ได้มีวิทยาลัย แต่เมืองที่มีจำนวนมากของวิทยาลัยตัวอย่างเช่นคนในประเทศไปยังเมืองที่จะเรียนรู้และคนที่อยู่ในเมืองที่มีจำนวนมากของเพื่อน ๆ .
จุดที่แตกต่างกันที่ผ่านมาเป็นค่าใช้จ่าย ชีวิตในเมืองอุ้มราคาหนัก ที่อยู่อาศัยและอาหารมีราคาแพงเมื่อคุณอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่ร้านขายของชำที่บ้านเกิด บริการเช่นการขนส่งเป็นส่วนที่มีราคาแพงของชีวิตในเมืองที่มีผู้เสียมันจะใช้เวลาในร่างกายของคุณผ่านความเครียดดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองมักจะอยู่ภายใต้ความดันทำงานอย่างหนักเพื่อจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายของที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นมากขึ้นและมีราคาแพงกว่าในประเทศ.
ในการสรุปสภาพแวดล้อมที่มีโอกาสของการศึกษาการทำงานและความบันเทิง และค่าใช้จ่ายของการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันระหว่างที่อาศัยอยู่ในประเทศและอยู่ในเมือง ประเทศเป็นที่เงียบสงบ แต่เป็นเมืองที่คึกคักในทุกที่ทั้งสองของพวกเขามีคุณสมบัติพิเศษ ในความคิดของฉันฉันต้องการที่จะอาศัยอยู่ในเมืองกว่าในประเทศเพราะมันให้ฉันโอกาสมากขึ้นที่จะเรียนและทำงาน.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อาศัยอยู่ในเมืองกับที่อาศัยอยู่ในประเทศ
Nowday เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจตั้ง ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนยากจน การเมือง และในชนบทมีมากจำกัด อย่างไรก็ตาม มีมีความแตกต่าง เพื่อให้เราเห็นพวกเขาทำงาน สิ่งแวดล้อมที่ และ entertaiment ให้ฉันบอกเกี่ยวกับด้านล่าง.
แตกต่างแรกคือ ทำงาน ทั้งสองคนพวกเขามักจะทำงาน แต่วิธีการทำงานแตกต่างกัน จะเริ่มต้นด้วย อาศัยอยู่ในเมืองมีข้อดีของตัวเองเกี่ยวกับการศึกษา และทำงาน ด้านข้างอยู่ในเมืองไม่สะดวกสำหรับประชาชนการศึกษา แต่ยังมีโอกาสค้นหางานที่ดีมากมาย คนในประเทศจะมีเงื่อนไขการศึกษาดีเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานย้อนหลังจำกัดและกำลังคน สอง เกษตรกรทำงานข้างนอก และเก็บเกี่ยว นายจ้างของบริษัททำงานภายใน และทำงานบนเครื่อง ที่สาม ประเทศที่มีตลาดขนาดเล็ก และเมืองมีตลาดขนาดใหญ่ สุดท้าย คนในประเทศไม่ต้องเงินมากขึ้น ทุกเวลา ต้องการซื้อ พวกเขาสามารถค้าขายกันเช่น: ข้าว มันฝรั่ง ect แต่คนในเมืองทำเงินมากขึ้นเนื่องจากพวกเขาต้องการสิ่งอื่น ๆ เช่น: อาหาร กำปั้น ect.
ที่สอง มันเป็นสิ่งแวดล้อม สองแตกต่างกันได้ แรก สภาพแวดล้อมในประเทศคือ purer และเงียบกว่าในเมือง แม้ว่าเมืองซึ่งมีหลากหลายธุรกิจศูนย์ หรือโรงงาน จะช่วยปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ มันมีข้อจำกัดบางประการ มีตัดต้นไม้เพิ่มเติมสำหรับอาคาร ยิ่ง polluted environmentis ธรรมชาติด้วย เป็นประเทศที่สอง เงียบสงบ และมีสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน และไม่กี่คันแต่เมืองเป็นเสียงดัง และมีมลพิษ ยานพาหนะจำนวนมาก ข้าง นอกจากนี้ยังเพิ่มมลพิษในเมืองทำให้สภาพแวดล้อมที่ polluted อย่างจริงจัง เพราะประชาชนเสีย ในที่สุด มีวัว และชีวิตจะเครียด
ข้อแตกต่างที่สามคือ ความบันเทิง มีขนาดใหญ่มากแตกต่างกัน ชีวิตในประเทศคือเรียบง่าย แต่อบอุ่นเพียงพอ เดินทางไม่สะดวกและ underdevelopment เศรษฐกิจชาวบ้านไม่สามารถไปดูใหม่หรือภาพยนตร์ล่าสุด และให้ซื้อปัญหาใหญ่ ข้าง คนในประเทศมีเพื่อนน้อย และไม่เขตไม่มีวิทยาลัย แต่เมืองมีจำนวนมากของวิทยาลัยเช่น คนในประเทศไปที่เมืองเพื่อเรียนรู้ และคนในเมืองมีจำนวนมากของเพื่อน
จุดแตกต่างสุดท้ายคือ ต้นทุนการ ชีวิตดำเนินราคาหนัก ที่พักและอาหารมีราคาแพง เมื่อคุณอาศัยอยู่ในเมือง บ้านชำ บริการ ขนส่ง มีราคาแพงส่วนประกอบของชีวิตในเมืองจะต้องเสียค่าใช้ในร่างกายผ่านความเครียด ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองมักภายใต้ความดันทำงานยากที่จะจ่ายสำหรับต้นทุนที่อยู่อาศัยที่มีราคาแพงมากขึ้นกว่าของในประเทศ
ในบทสรุป สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย โอกาสของการศึกษา ทำงาน บันเทิงและต้นทุนของชีวิตกันระหว่างอยู่ ในประเทศ และ ในเมือง ประเทศจะสงบ แต่เมืองมีบรรยากาศคึกคัก ทั้งหมดในทุก ทั้งสองนั้นมีคุณภาพพิเศษ ในความคิดของฉัน ฉันอยากจะอยู่ในเมืองมากกว่าในประเทศ เพราะมันให้โอกาสการศึกษา และการทำงานผม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กอยู่ในเมืองเพื่อการอยู่อาศัยที่มีในประเทศ
nowday เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจและพัฒนาให้เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนในเมืองและในชนบทที่มีแคบๆอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีจำนวนมากที่มีความแตกต่างกันดังนั้นเราจึงเห็นเช่นงานบรรยากาศและความบันเทิงได้ ปล่อยให้ผมขอบอกเกี่ยวกับด้านล่างนี้.
เหล่านี้ความแตกต่างแรกคืองานโดยปกติแล้วทั้งสองคนทำงานแต่วิธีการที่พวกเขาทำงานแตกต่างกัน ในการเริ่มต้นด้วยอยู่ในเมืองที่มีความได้เปรียบของตัวเองเกี่ยวกับการศึกษาและการทำงานด้านข้างอยู่ในเมืองที่ไม่สะดวกเท่านั้นสำหรับประชาชนในการศึกษาแต่ยังมีจำนวนมากโอกาสสำหรับเขาในการหางานที่ดีผู้คนในประเทศที่ไม่มีเงื่อนไขในการรับการศึกษาที่ดีเนื่องจากกำลังคนและโครงสร้างพื้นฐานย้อนกลับจำกัด(มหาชน)ได้ เกษตรกรที่ทำงานด้านนอกและการเก็บเกี่ยว นายจ้างของบริษัทฯที่ทำงานอยู่ ภายใน และการทำงานบนเครื่อง ที่สามประเทศไทยจะมีตลาดขนาดเล็กและเมืองที่มีตลาดขนาดใหญ่ ในที่สุดผู้คนในประเทศไม่ได้ต้องการเงินมากกว่า ทุกเวลาพวกเขาจำเป็นต้องซื้อสิ่งที่พวกเขาสามารถแลกกันเช่นมันฝรั่งข้าวฯลฯ แต่คนที่อยู่ในเมืองที่ทำให้เงินมากกว่าเพราะพวกมันต้องการสิ่งต่างๆอีกมากมายเช่นอาหารกำปั้นฯลฯ.
ที่สองที่มี สภาพแวดล้อม ที่ ทั้งสองสถานที่ที่มี สภาพแวดล้อม ที่แตกต่างกัน เป็นครั้งแรกที่มี สภาพแวดล้อม ที่มีในประเทศที่มีตัวเลขยิ่งสูงสัญญาณและมากกว่าอันเงียบสงบกว่าในเมืองแม้ว่าเมืองซึ่งมีจำนวนมากที่ของโรงงานหรือศูนย์กลางทางธุรกิจจะช่วยให้การปรับปรุงมาตรฐานของการอยู่อาศัยและยังมีข้อจำกัดบางประการ พันธุ์ไม้ต่างๆมากกว่าที่จะตัดสำหรับการสร้างมลพิษมากขึ้นที่ environmentis ตามธรรมชาติ ที่สองประเทศที่มีความเงียบสงบและมียานพาหนะและ สภาพ อากาศเพียงไม่กี่อย่างชัดเจนแต่เป็นเมืองที่มีเสียงดังหนวกหูและมีมลพิษรถมากเกินไป ด้านข้างการเพิ่มขึ้นของมลพิษในเมืองยังช่วยสร้าง สภาพแวดล้อม ที่ปราศจากมลพิษอย่างจริงจังเพราะของเสียคน สุดท้ายคือหนึ่งมีวัวและชีวิตของเขาคือการระบายความร้อน.
ความแตกต่างที่สามคือความบันเทิง ห้องพักมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมากแตกต่างกัน ชีวิตในประเทศที่มีความเรียบง่ายแต่มีบรรยากาศที่อบอุ่นอย่างเพียงพอบริการรับส่งและด้อยพัฒนาไม่สะดวกของเศรษฐกิจทำให้ชาวบ้านเป็นไปได้ที่จะเป็นการแสดงโชว์ใหม่หรือที่ ภาพยนตร์ เรื่องล่าสุดและทำให้การช้อปปิ้งซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ ด้านข้างคนที่อยู่ในประเทศได้มีเพื่อนไม่กี่เขตและจะไม่มีวิทยาลัยแต่เมืองที่มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งก็ยกตัวอย่างเช่นผู้คนในประเทศที่ไปยังเมืองในการเรียนรู้และผู้คนที่อยู่ในเมืองที่มีจำนวนมากที่เพื่อน.
จุดแตกต่างสุดท้ายที่มีค่าใช้จ่าย ใช้ชีวิตในเมืองที่มีราคาที่หนัก อาหารและที่พักมีราคาแพงเมื่อคุณอยู่ในเมืองขนาดเล็กที่ร้านขายของชำที่บ้านเกิด บริการต่างๆเช่นการขนส่งจะเป็นคอมโพเนนต์ราคาแพงของชีวิตในเมืองที่เป็นด่านเก็บเงินทางด่วนที่ใช้เวลาเดินทางบนร่างกายของคุณผ่านความตึงเครียดดังนั้นผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่มีอยู่ ภายใต้ ความกดดันการทำงานหนักในการชำระค่าบริการสำหรับค่าใช้จ่ายของการอยู่อาศัยที่มีมากขึ้นและเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าในประเทศที่.
ในบทสรุป สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตที่มีโอกาสของการศึกษาการทำงานความบันเทิงและต้นทุนของการอยู่อาศัยที่มีความแตกต่างกันระหว่างใช้ชีวิตในต่างประเทศและในเมือง ประเทศที่มีอันเงียบสงบแต่เป็นเมืองที่พลุกพล่านทั้งหมดที่อยู่ในทุกที่ทั้งสองนี้มี คุณภาพ . ในความเห็นของผมผมอยากจะมีชีวิตอยู่ในเมืองมากกว่าในประเทศนี้เพราะมันทำให้ผมโอกาสมากขึ้นในการทำงานและการเรียน.