purpose of this study was to identi

purpose of this study was to identify patients at risk for the development of low cardiac output syndrome after coronary artery bypass. Low cardiac output syndrome was defined as the need for postoperative intraaortic balloon pump or inotropic support for longer than 30 minutes in the intensive care unit to maintain the systolic blood pressure greater than 90 mm Hg and the cardiac index greater than 2.2 L/min per square meter. The preoperative patient characteristics that were independent predictors of low cardiac output syndrome were identified among 4558 consecutive patients who underwent isolated coronary artery bypass at The Toronto Hospital between July 1, 1990, and December 31, 1993. The overall prevalence of low cardiac output syndrome was 9.1% (n = 412). The operative mortality rate was higher in patients in whom low cardiac output syndrome developed than in those in whom it did not develop (16.9% versus 0.9%, p < 0.001). Stepwise logistic regression analyses identified nine independent predictors of low output syndrome (percent frequency in parentheses) and calculated the factor-adjusted odds ratios associated with each predictor: (1) left ventricular ejection fraction less than 20% (27%, odds ratio 5.7); (2) repeat operation (25%, odds ratio 4.4); (3) emergency operation (27%, odds ratio 3.7); (4) female gender (16%, odds ratio 2.5); (5) diabetes (13%, odds ratio 1.6); (6) age older than 70 years (13%, odds ratio 1.5); (7) left main coronary artery stenosis (12%, odds ratio 1.4); (8) recent myocardial infarction (16%, odds ratio 1.4); and (9) triple-vessel disease (10%, odds ratio 1.3). Low cardiac output syndrome is a clinical outcome that may result from inadequate myocardial protection or perioperative ischemic injury. Patients at high risk for the development of low cardiac output syndrome should be the focus of trials of new techniques of myocardial protection to resuscitate the ischemic myocardium.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสำหรับการพัฒนาของโรคต่ำหัวใจออกหลังจากบายพาสหลอดเลือดหัวใจ อาการออกหัวใจต่ำถูกกำหนดเป็นจำเป็นต้องผ่าตัด intraaortic บอลลูนปั๊มหรือสนับสนุน inotropic นานกว่า 30 นาทีในตัวเพื่อรักษาความดันโลหิต systolic มากกว่า 90 mm Hg และดัชนีหัวใจมากกว่า 2.2 L/min ต่อตารางเมตร ระบุลักษณะที่ทำนายอิสระของเอาท์พุทต่ำหัวใจอาการ 4558 ผู้ป่วยต่อเนื่องที่ได้รับการแยกหลอดเลือดผู้ป่วยก่อนข้ามโรงพยาบาลโตรอนโตที่ระหว่าง 1 กรกฎาคม 1990 และ 31 ธันวาคม 1993 ความชุกโดยรวมของโรคต่ำหัวใจออกเป็น 9.1% (n = 412) อัตราการผ่าตัดตายสูงในผู้ป่วยคนที่อาการออกหัวใจต่ำพัฒนากว่าในผู้คนที่มันไม่ได้พัฒนา (16.9% เมื่อเทียบกับ 0.9%, p < 0.001) ได้ การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกศระบุเก้าอิสระทำนายของผลผลิตต่ำ (ความถี่เปอร์เซ็นต์ในวงเล็บ) และคำนวณอัตราต่อรองปรับปัจจัยเกี่ยวข้องกับทำนายแต่ละอัตราส่วน: (1) ซ้ายหัวใจห้องล่างของหัวใจน้อยกว่า 20% (27% อัตราต่อรองอัตรา 5.7); (2) การทำซ้ำการดำเนินการ (25% อัตราต่อรองอัตรา 4.4); (3) การดำเนินการฉุกเฉิน (27% อัตราต่อรองอัตรา 3.7); (4) เพศหญิง (16% อัตราต่อรองอัตรา 2.5); (5) โรคเบาหวาน (13% อัตราต่อรองอัตรา 1.6); (6) อายุมากกว่า 70 ปี (13% อัตราต่อรองอัตรา 1.5); (7) ด้านซ้ายตีบหลอดเลือดหลักของหัวใจ (12% อัตราต่อรองอัตราส่วน 1.4); (8) กล้ามเนื้อหัวใจตายล่าสุด (16% อัตราต่อรองอัตราส่วน 1.4); และเรือสามโรค (9) (10% อัตราต่อรองอัตรา 1.3) อาการออกหัวใจที่ต่ำเป็นผลทางคลินิกที่อาจเกิดจากการไม่เพียงพอกล้ามเนื้อหัวใจป้องกันหรือ perioperative สำรอกบาดเจ็บ ผู้ป่วยที่ความเสี่ยงสูงสำหรับการพัฒนาของโรคต่ำหัวใจผลลัพธ์ควรจะโฟกัสการทดลองเทคนิคใหม่ของการป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดต่อลมหายใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสำหรับการพัฒนาของโรคหัวใจเอาท์พุต่ำหลังจากบายพาสหลอดเลือดหัวใจ กลุ่มอาการของโรคหัวใจเอาท์พุต่ำถูกกำหนดเป็นความจำเป็นในการหลังการผ่าตัดปั๊มบอลลูน intraaortic หรือการสนับสนุน inotropic นานกว่า 30 นาทีในหน่วยการดูแลอย่างเข้มข้นในการรักษาความดันโลหิตสูงกว่า 90 มิลลิเมตรปรอทและดัชนีการเต้นของหัวใจสูงกว่า 2.2 ลิตร / นาทีต่อตาราง เมตร. ลักษณะของผู้ป่วยก่อนการผ่าตัดที่มีพยากรณ์อิสระของโรคหัวใจเอาท์พุต่ำที่ถูกระบุในผู้ป่วยติดต่อกัน 4558 ที่ได้รับการแยกบายพาสหลอดเลือดหัวใจที่โรงพยาบาลโตรอนโตระหว่าง 1 กรกฎาคม 1990 และวันที่ 31 ธันวาคม 1993 ความชุกของโรคหัวใจเอาท์พุต่ำ 9.1% (n = 412) อัตราการตายการผ่าตัดเป็นที่สูงขึ้นในผู้ป่วยที่อาการของโรคหัวใจเอาท์พุต่ำกว่าในการพัฒนาผู้ที่อยู่ในคนที่ยังไม่พัฒนา (16.9% เมื่อเทียบกับ 0.9%, p <0.001) ขั้นตอนการถดถอยโลจิสติกการวิเคราะห์ระบุเก้าพยากรณ์อิสระของโรคผลผลิตต่ำ (ความถี่ร้อยละในวงเล็บ) และคำนวณปัจจัยปรับอัตราส่วนราคาต่อรองที่เกี่ยวข้องกับแต่ละทำนาย (1) กระเป๋าหน้าท้องซ้ายออกส่วนน้อยกว่า 20% (27% อัตราส่วนราคาต่อรอง 5.7) ; (2) การดำเนินการซ้ำ (25% อัตราส่วนราคาต่อรอง 4.4); (3) การดำเนินงานฉุกเฉิน (27% อัตราส่วนราคาต่อรอง 3.7); (4) เพศหญิง (16% อัตราส่วนราคาต่อรอง 2.5); (5) โรคเบาหวาน (13% อัตราส่วนราคาต่อรอง 1.6); (6) อายุเก่าแก่กว่า 70 ปี (13% อัตราส่วนราคาต่อรอง 1.5); (7) ซ้ายหลักตีบหลอดเลือดหัวใจ (12% อัตราส่วนราคาต่อรอง 1.4); (8) กล้ามเนื้อหัวใจตายที่ผ่านมา (16% อัตราส่วนราคาต่อรอง 1.4); และ (9) โรคสามเรือ (10% อัตราส่วนราคาต่อรอง 1.3) กลุ่มอาการของโรคหัวใจเอาท์พุต่ำเป็นผลการรักษาที่อาจเกิดจากการป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอหรือได้รับบาดเจ็บขาดเลือดผ่าตัด ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการพัฒนาของโรคหัวใจเอาท์พุต่ำควรจะมุ่งเน้นการทดลองเทคนิคใหม่ของการป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจที่จะชุบชีวิตขาดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือ เพื่อระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสำหรับการพัฒนาต่ำ การทำงานของหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ หลังจากผ่าน โรคการทำงานของหัวใจต่ำ เช่นต้องการผ่าตัด intraaortic ปั๊มบอลลูนหรือสนับสนุนเภสัชวิทยาโดยการลดการทำงานนานกว่า 30 นาที ในหน่วยดูแลเข้มเพื่อรักษาความดันโลหิต systolic มากกว่า 90 มม. ปรอท และ cardiac index มากกว่า 2.2 ลิตร / นาที / ตารางเมตร ก่อนผ่าตัดผู้ป่วยลักษณะที่เป็นอิสระของผลผลิตต่ำ ( โรคหัวใจได้ถูกระบุในผู้ป่วยที่ได้รับการแยก ( coronary artery bypass ในโตรอนโตโรงพยาบาลระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2533 และ 31 ธันวาคม 1993 ความชุกของกลุ่มอาการหัวใจโดยรวมผลผลิตต่ำ 9.1% ( n = 412 ) อัตราการตายสูงในผู้ป่วยที่ผ่าตัดในโรคหัวใจต่ำ ผลผลิตเท่าในผู้ที่ไม่ได้พัฒนา ( 16.9% เมื่อเทียบกับ 0.9 % , P < 0.001 ) การวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกแบบขั้นตอนการระบุตัวแปร อิสระเก้าของผลผลิตต่ำ ซินโดรม ( ร้อยละความถี่ในวงเล็บ ) และคำนวณอัตราเดิมพันปัจจัยปรับอัตราส่วนที่เกี่ยวข้องกับแต่ละตัว ( 1 ) หัวใจห้องล่างซ้าย ejection fraction น้อยกว่า 20% ( 27 % , อัตราส่วนออดส์ 5.7 ) ; ( 2 ) ย้ำปฏิบัติการ ( 25 % , อัตราส่วนออดส์ 4.4 ) ( 3 ) ปฏิบัติการฉุกเฉิน ( 27 % , อัตราส่วนออดส์ 3.7 ) ; ( 4 ) เพศ ( 16 % , อัตราส่วนออดส์ 2.5 ) ; ( 5 ) เบาหวาน ( 13 % , อัตราส่วนออดส์ 1.6 ) ; ( 6 ) อายุกว่า 70 ปี ( 13 % , อัตราส่วนออดส์ 1.5 ) ; ( 7 ) ด้านซ้ายเป็นหลัก ? หลอดเลือดตีบ ( 12% , Odds Ratio 1.4 ) ; ( 8 ) กล้ามเนื้อหัวใจตายล่าสุด ( 16 ) , Odds Ratio 1.4 ) ; และ ( 9 ) โรคหลอดเลือดสาม ( 10 % , อัตราส่วนออดส์ 1.3 ) โรคการทำงานของหัวใจที่มีผลทางคลินิกที่อาจเป็นผลมาจากโรคหรือการบาดเจ็บผ่าตัดไม่เพียงพอ การขาดเลือด ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการพัฒนาของโรคการทำงานของหัวใจต่ำควรจะโฟกัสของการทดลองเทคนิคใหม่ๆที่จะช่วยป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด