The residue of ground coffee obtain

The residue of ground coffee obtained after the brewing process (spent coffee) still contains various functional components with high antioxidant capacity and health benefits, but no attempts have been made to use it as a resource to produce value-added food ingredients. This study evaluates the antioxidant activity of ethanol or hot water extracts from the residues of coffee after brewing. An extraction experiment was carried out using the conventional solid-liquid methods, including ethanol and water as the extraction media at different temperatures and liquid/solid ratios. The antioxidant activity of extracts was tested for total phenolic compound (TPC), 2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl (DPPH), and 2-thiobarbituric acid reactive substances (TBARS) using oil emulsion and raw/cooked meat systems. The DPPH radical scavenging activity of the ethanol extracts with heating (HEE) and without heating (CEE) were higher than that of the hot water extracts (WE). The highest DPPH value of HEE and CEE at 1000 ppm was 91.22% and 90.21%, respectively. In oil emulsion and raw/cooked systems, both the water and ethanol extracts had similar antioxidant effects to the positive control (BHA), but HEE and CEE extracts showed stronger antioxidant activities than WE extract. These results indicated that the ethanol extracts of coffee residue have a strong antioxidant activity and have the potential to be used as a natural antioxidant in meat.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กากกาแฟที่บดได้หลังจากที่กระบวนการ (ใช้กาแฟ) ยังคงประกอบด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ทำงาน มีความจุสูงต้านอนุมูลอิสระและประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ไม่มีความพยายามได้มีการใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตอาหารเพิ่มมูลค่า การศึกษานี้ประเมินกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดเอทานอลหรือน้ำร้อนจากการตกค้างของกาแฟหลังจากชง การทดลองการดูดที่ถูกดำเนินการโดยใช้วิธีของแข็งของเหลวทั่วไป รวมทั้งเอทานอลและน้ำเป็นสื่อสกัดที่อุณหภูมิแตกต่างกันและอัตราส่วนของเหลว/ของแข็ง กิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดได้รับการทดสอบสำหรับฟีนอลรวมสาร (TPC), 2.2 นไดฟีนิลได-1-picrylhydrazyl (DPPH), และ 2-thiobarbituric กรดปฏิกิริยาสาร (TBARS) ใช้น้ำมันอิมัลชันและระบบอาหารเนื้อสัตว์ DPPH scavenging กิจกรรมรุนแรงของนอลสารสกัดจากกับความร้อน (ฮี) และไม่ มีเครื่องทำความร้อน (ซี) สูงกว่า น้ำร้อนแยก (เรา) ค่าสูงสุด DPPH ฮีและซีที่ 1000 ppm คือ 91.22% และ 90.21% ตามลำดับ ในอิมัลชันน้ำมันและระบบอาหาร น้ำและเอทานอลสารสกัดมีผลต้านอนุมูลอิสระคล้ายกับตัวควบคุมเชิงบวก (BHA), แต่ฮีซีแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากแรงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระกิจกรรมและกว่าที่เราแยก ผลลัพธ์เหล่านี้ระบุไว้ว่า สารสกัดเอทานอลของกากกาแฟมีกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพที่จะใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติในเนื้อสัตว์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่เหลือของเครื่องบดกาแฟที่ได้รับหลังจากที่กระบวนการผลิตเบียร์ (กาแฟใช้จ่าย) ยังคงมีชิ้นส่วนการทำงานต่างๆที่มีความจุและสุขภาพสารต้านอนุมูลอิสระประโยชน์สูง แต่ไม่มีความพยายามในการได้รับการสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตส่วนผสมอาหารที่มีมูลค่าเพิ่ม การศึกษาครั้งนี้ประเมินฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดเอทานอลหรือน้ำร้อนจากสารตกค้างกาแฟหลังจากเบียร์ การทดลองสกัดได้ดำเนินการโดยใช้วิธีการแบบเดิมของแข็งของเหลวรวมทั้งเอทานอลและน้ำเป็นสื่อการสกัดที่อุณหภูมิที่แตกต่างกันและของเหลว / อัตราส่วนที่มั่นคง ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากได้รับการทดสอบสำหรับสารประกอบฟีนอลรวม (TPC), 2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl (DPPH) และสารปฏิกิริยากรด 2 thiobarbituric (TBARS) ใช้อิมัลชันน้ำมันและวัตถุดิบ / สุกเนื้อระบบ กิจกรรม DPPH ในรุนแรงของเอทานอลสารสกัดด้วยความร้อน (ฮี) และไม่มีเครื่องทำความร้อน (CEE) สูงกว่าของสารสกัดจากน้ำร้อน (เรา) ค่า DPPH สูงสุดของ HEE และ CEE ที่ 1000 ppm เป็น 91.22% และ 90.21% ตามลำดับ ในอิมัลชันน้ำมันและวัตถุดิบ / ระบบสุกน้ำและเอทานอลสารสกัดจากผลกระทบทั้งสองมีสารต้านอนุมูลอิสระคล้ายกับควบคุมบวก (BHA) แต่ HEE และสารสกัดจาก CEE แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่งกว่าที่เราดึง ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลของสารตกค้างกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพที่จะนำมาใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติในเนื้อสัตว์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กากกาแฟดินที่ได้จากขั้นตอนการผลิตเบียร์ ( กาแฟ ) ยังประกอบด้วยชิ้นส่วนการทำงานต่างๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ไม่พยายามทำ เพื่อใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตส่วนผสมอาหารเพิ่ม การศึกษาประเมินฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของแอลกอฮอล์หรือสารสกัดน้ำร้อนจากกากกาแฟเมื่อชง วิธีทดลองที่ใช้วิธีการแบบของแข็ง - ของเหลว ได้แก่ เอทานอลและน้ำสกัดที่อุณหภูมิแตกต่างกันต่อสื่อและของแข็งของเหลว . ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากการทดสอบทั้งหมด สารประกอบฟีนอลิก ( TPC ) 2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl ( dpph ) และ 2-thiobarbituric acid reactive ( ปกติ ) ใช้สารอิมัลชันน้ำมันและระบบเนื้อสัตว์สุก ดิบ กิจกรรมที่ dpph เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของเอทานอลสกัดด้วยความร้อน ( ฮี ) และไม่ร้อน ( ซี ) สูงกว่าของสารสกัดน้ำร้อน ( เรา ) dpph มูลค่าสูงสุดของซีฮีและ 100 ppm คือ 91.22 % และ 90.21 ตามลำดับ อิมัลชันน้ำมันและระบบดิบ / สุก ทั้งน้ำและเอทานอลที่สกัดได้สารคล้ายผลควบคุมบวก ( bha ) แต่สารสกัด และซีฮีแสดงฤทธิ์ต้านออกซิเดชันที่แข็งแกร่งกว่าที่เราสกัดออกมา และพบว่าสารสกัดเอทานอลจากกากกาแฟมีแรงต้านออกซิเดชันและมีศักยภาพในการใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติในเนื้อ