Epidemiolagical survey of hypertens

Epidemiolagical survey of hypertension was carried out on 2,374 villagers, aged 15 years and above, residing in Bang-Pa-in district, Ayutthaya province. The overall prevalence of hypertension was 11.3 per cent. The prevalence rate of pure systolic hypertension rose with age up to elderly; whereas the prevalence rate of diastolic hypertension increased with age up to late middle age, then declined in the elderly. Regarding the detection of hypertension, only 41.6 per cent of the cases were previously detected. And only 30.1 per cent of the cases were under current treatment. Females had a greater proportion of previously detected and currently treated cases than males. Among those currently treated hypertensive patients, 50.5 per cent went to see a physician, 29.5 per cent went to the local health centers; the rest sought the services of local quacks, traditional healers and drug stores. It yielded only 24.7 per cent of the treated cases whose BP were under control. Since the people prefer seeking help from local personnel, the role of community health personnel should be strengthened to bring more effective control of the disease.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความดันโลหิตสูงการสำรวจ Epidemiolagical ถูกดำเนิน บนชาว บ้าน 2,374 อายุ 15 ปี และสูงก ว่า ในบางป่าอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ความชุกโดยรวมของความดันโลหิตสูงคือ ร้อยละ 11.3 อัตราความชุกของความดันโลหิต systolic บริสุทธิ์สูงเพิ่มขึ้นตามอายุจนถึงผู้สูงอายุ ในขณะที่อัตราความชุกของความดันโลหิต diastolic สูงเพิ่มขึ้นตามอายุอายุกลางปลาย แล้วปฏิเสธในผู้สูงอายุ เกี่ยวกับการตรวจพบความดันโลหิตสูง ร้อยละ 41.6 เฉพาะกรณีที่ก่อนหน้านี้ตรวจพบ และร้อยละ 30.1 เฉพาะกรณีที่อยู่ภายใต้การรักษาในปัจจุบัน เพศหญิงมีสัดส่วนมากขึ้นของกรณีที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ และรับการรักษาในปัจจุบันกว่าเพศผู้ ระหว่างที่กำลังรับการรักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ร้อยละ 50.5 ไปดูแพทย์ ร้อยละ 29.5 ไปศูนย์สุขภาพท้องถิ่น ส่วนเหลือขอของ quacks ภายใน หมอแบบดั้งเดิม และร้านขายยา มันให้ผลร้อยละ 24.7 เท่ากรณีรักษา BP ที่มีอยู่ภายใต้การควบคุม เนื่องจากคนชอบแสวงหาความช่วยเหลือจากบุคลากรท้องถิ่น บทบาทของบุคลากรสุขภาพในชุมชนควรมีความเข้มแข็งเพื่อให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากขึ้นของโรค

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำรวจ Epidemiolagical ความดันโลหิตสูงได้รับการดำเนินการใน 2,374 ชาวบ้านอายุ 15 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในบางปะอินอำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ความชุกโดยรวมของความดันโลหิตสูงเป็นร้อยละ 11.3 อัตราความชุกของโรคความดันโลหิตสูง systolic บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นกับอายุถึงผู้สูงอายุ ในขณะที่อัตราความชุกของโรคความดันโลหิตสูง diastolic เพิ่มขึ้นกับอายุถึงปลายวัยกลางคนแล้วลดลงในผู้สูงอายุ เกี่ยวกับการตรวจสอบความดันโลหิตสูงมีเพียงร้อยละ 41.6 ของกรณีที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ และมีเพียงร้อยละ 30.1 ของผู้ป่วยที่อยู่ภายใต้การรักษาในปัจจุบัน เพศหญิงมีสัดส่วนมากขึ้นของการตรวจพบก่อนหน้านี้และได้รับการรักษาในปัจจุบันกรณีมากกว่าเพศชาย ในบรรดาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงได้รับการรักษาในปัจจุบันร้อยละ 50.5 ไปดูแพทย์ร้อยละ 29.5 ไปศูนย์สุขภาพท้องถิ่น ส่วนที่เหลือขอใช้บริการของ quacks ท้องถิ่นหมอแบบดั้งเดิมและร้านค้ายาเสพติด มันให้ผลเพียงร้อยละ 24.7 ของผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีความดันโลหิตอยู่ภายใต้การควบคุม เนื่องจากคนชอบแสวงหาความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบทบาทของบุคลากรสาธารณสุขชุมชนควรมีความเข้มแข็งที่จะนำมาควบคุมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของการเกิดโรค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำรวจ epidemiolagical ของความดันโลหิตสูงออกเป็น 2374 ชาวบ้าน อายุ 15 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ใน อำเภอ บางปะอิน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ความชุกโดยรวมของความดันโลหิตสูง 11.3 เปอร์เซ็นต์ . อัตราความชุกของภาวะความดันโลหิตสูง systolic บริสุทธิ์เพิ่มขึ้นกับอายุถึงผู้สูงอายุ ขณะที่อัตราความชุกของภาวะความดันโลหิตสูง diastolic เพิ่มขึ้นตามอายุ จนวัยกลางคน แล้วลดลงในผู้สูงอายุ เกี่ยวกับการตรวจหาสาเหตุเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ของกรณีศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า และเพียง 30.1 เปอร์เซ็นต์ของกรณีศึกษาภายใต้การรักษาในปัจจุบัน เพศหญิงมีสัดส่วนมากกว่าที่เคยตรวจพบ และขณะนี้ถือว่าคดีกว่าตัวผู้ ระหว่างนั้นขณะนี้ถือว่าโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 50.5 ไปพบแพทย์ , 29.5 เปอร์เซ็นต์ไปที่ศูนย์สุขภาพท้องถิ่น ส่วนที่เหลือขอบริการของนักต้มตุ๋นท้องถิ่น หมอพื้นบ้าน และร้านค้ายา มันให้ผลเพียง 24.7 เปอร์เซ็นต์ในการรักษากรณีที่มี BP อยู่ภายใต้การควบคุม เนื่องจากคนชอบแสวงหาความช่วยเหลือจากบุคลากรท้องถิ่น บทบาทของบุคลากรสาธารณสุขในชุมชน ต้องมีให้มากกว่าการควบคุมที่มีประสิทธิภาพของโรค