History and OrientationWith the dec

History and Orientation
With the decline of hypodermic needle theories a new perspective began to emerge: the stalagmite theories. Black et. al. used the metaphor of stalagmite theories to suggest that media effects occur analogously to the slow buildup of formations on cave floors, which take their interesting forms after eons of the steady dripping of limewater from the cave ceilings above. One of the most popular theories that fits this perspective is cultivation theory.
Cultivation theory (sometimes referred to as the cultivation hypothesis or cultivation analysis) was an approach developed by Professor George Gerbner, dean of the Annenberg School of Communications at the University of Pennsylvania. He began the 'Cultural Indicators' research project in the mid-1960s, to study whether and how watching television may influence viewers' ideas of what the everyday world is like. Cultivation research is in the 'effects' tradition. Cultivation theorists argue that television has long-term effects which are small, gradual, indirect but cumulative and significant.

Core Assumptions and Statements
Cultivation theory in its most basic form, suggests that television is responsible for shaping, or ‘cultivating’ viewers’ conceptions of social reality. The combined effect of massive television exposure by viewers over time subtly shapes the perception of social reality for individuals and, ultimately, for our culture as a whole. Gerbner argues that the mass media cultivate attitudes and values which are already present in a culture: the media maintain and propagate these values amongst members of a culture, thus binding it together. He has argued that television tends to cultivate middle-of-the- road political perspectives. Gerbner called this effect ‘mainstreaming’. Cultivation theorists distinguish between ‘first order’ effects (general beliefs about the everyday world, such as about the prevalence of violence) and ‘second order’ effects (specific attitudes, such as to law and order or to personal safety). There is also a distinction between two groups of television viewers: the heavy viewers and the light viewers. The focus is on ‘heavy viewers’. People who watch a lot of television are likely to be more influenced by the ways in which the world is framed by television programs than are individuals who watch less, especially regarding topics of which the viewer has little first-hand experience. Light viewers may have more sources of information than heavy viewers. ‘Resonance’ describes the intensified effect on the audience when what people see on television is what they have experienced in life. This double dose of the televised message tends to amplify the cultivation effect.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติและแนวการลดลงของทฤษฎีเข็มฉีดยาในมุมมองใหม่เริ่มโผล่: ทฤษฎีหินงอก ร้อยเอ็ดสีดำ al.ใช้อุปมาของทฤษฎีหินงอกแนะนำว่า ลักษณะพิเศษของสื่อเกิดขึ้น analogously การสะสมช้าของหินบนพื้นถ้ำ ซึ่งนำฟอร์มของน่าสนใจหลังจากมหายุคของน้ำหยดคงความ limewater จากเพดานถ้ำด้านบน ทฤษฎีนิยมที่เหมาะสมกับมุมมองนี้อย่างใดอย่างหนึ่งคือทฤษฎีการเพาะปลูกทฤษฎีการปลูก (บางครั้งเรียกว่าสมมติฐานการเพาะปลูกหรือเพาะปลูกวิเคราะห์) เป็นวิธีการพัฒนา โดยศาสตราจารย์ George Gerbner ดีน Annenberg โรงเรียนการติดต่อสื่อสารที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย เขาเริ่มคิด 'โครงการวิจัยวัฒนธรรมชี้ในอัลเลน การศึกษา และวิธีการดูโทรทัศน์อาจมีอิทธิพลต่อผู้ชม' ของโลกประจำวันคืออะไรเช่น วิจัยเพาะปลูกอยู่ในประเพณี 'ผล' ผู้เพาะปลูกเถียงว่า โทรทัศน์มีผลระยะยาวที่มีขนาดเล็ก ค่อย ๆ อ้อม แต่สะสม และสำคัญ สมมติฐานหลักและงบทฤษฎีการปลูกในรูปแบบพื้นฐานที่สุด แนะนำโทรทัศน์สร้าง หรือ 'ปลูก' ดึงแนวของความเป็นจริงทางสังคม ผลรวมของแสงขนาดใหญ่โทรทัศน์ผู้ชมช่วงเวลาโครงหน้ารูปร่างการรับรู้ความจริงทางสังคม สำหรับบุคคล และ ในที่สุด วัฒนธรรมของเราทั้งหมด Gerbner แย้งว่า สื่อมวลชนปลูกฝังทัศนคติ และแสดงค่าที่มีอยู่แล้วในวัฒนธรรม: สื่อการรักษา และเผยแพร่ค่าเหล่านี้ในหมู่สมาชิกของวัฒนธรรม จึง ผูกพันกัน เขามีโต้เถียงว่า โทรทัศน์มักจะ ปลูกกลางถนนมุมมองทางการเมือง Gerbner เรียกนี้ผล 'เข้าสู่บทบาทหลัก' ผู้เพาะปลูกแยกระหว่าง 'ก่อน ' สั่งซื้อผล (ความเชื่อทั่วไปเกี่ยวกับชีวิตประจำวันโลก เช่นเกี่ยวกับความชุกความรุนแรง) และ 'สองใบสั่ง' ผล (เฉพาะทัศนคติ เช่น เพื่อและ หรือความปลอดภัยส่วนบุคคล) มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มที่สองของผู้ชมโทรทัศน์: ผู้ชมจำนวนมากและผู้ชมแสง เป็น 'ผู้ชมหนัก' คนที่ดูโทรทัศน์มากมักจะมีผลมาจากวิธีการที่โลกถูกตีกรอบ โดยโทรทัศน์มากกว่าที่มีผู้ชมน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับหัวข้อที่ตัวแสดงมีประสบการณ์น้อยมาก ผู้ชมแสงอาจมีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่าผู้ชมหนัก 'เสียง' อธิบายผล intensified ผู้ชมเมื่อผู้คนที่เห็นในโทรทัศน์เป็นสิ่งที่พวกเขาประสบในชีวิต ยานี้คู่ของข้อความแข่งขันมีแนวโน้มจะ ขยายผลการเพาะปลูก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติความเป็นมาและการวางแนว
กับการลดลงของทฤษฎีเข็มฉีดยามุมมองใหม่เริ่มโผล่ออกมา: ทฤษฎีหินงอก และสีดำ อัล ใช้คำอุปมาของทฤษฎีหินงอกที่จะชี้ให้เห็นว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นสื่อ analogously ไปสะสมช้าของการก่อตัวบนชั้นถ้ำซึ่งใช้รูปแบบที่น่าสนใจของพวกเขาหลังจากมหายุคของหยดคงที่ของน้ำปูนใสจากเพดานถ้ำดังกล่าวข้างต้น หนึ่งในทฤษฎีที่นิยมมากที่สุดที่เหมาะกับมุมมองนี้คือการเพาะปลูกทฤษฎี.
ทฤษฎีการเพาะปลูก (บางครั้งเรียกว่าสมมติฐานการเพาะปลูกหรือการวิเคราะห์การเพาะปลูก) เป็นวิธีการที่พัฒนาโดยศาสตราจารย์จอร์จ Gerbner คณบดีของโรงเรียน Annenberg การสื่อสารที่มหาวิทยาลัยเพนซิล เขาเริ่มโครงการวิจัยวัฒนธรรมตัวชี้วัดในกลางทศวรรษ 1960 เพื่อการศึกษาไม่ว่าจะเป็นและวิธีการดูโทรทัศน์อาจมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้ชมในสิ่งที่โลกในชีวิตประจำวันเป็นเหมือน การวิจัยการเพาะปลูกอยู่ในประเพณี 'ผลกระทบ' ทฤษฎีการเพาะปลูกยืนยันว่าโทรทัศน์มีผลกระทบระยะยาวที่มีขนาดเล็กค่อยๆอ้อม แต่สะสมและที่สำคัญ. สมมติฐานหลักและงบทฤษฎีการเพาะปลูกในรูปแบบพื้นฐานที่สุดของมันแสดงให้เห็นว่าโทรทัศน์เป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างหรือ 'การปลูกฝังแนวคิดของผู้ชมของ ความเป็นจริงทางสังคม ผลรวมของการเปิดรับโทรทัศน์ขนาดใหญ่จากผู้ชมในช่วงเวลาอย่างละเอียดรูปทรงการรับรู้ของความเป็นจริงทางสังคมสำหรับบุคคลและท้ายที่สุดสำหรับการเพาะเลี้ยงของเราเป็นทั้ง Gerbner ระบุว่าสื่อมวลชนปลูกฝังทัศนคติและค่านิยมที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันวัฒนธรรม: สื่อรักษาและเผยแพร่ค่าเหล่านี้ในหมู่สมาชิกของวัฒนธรรมจึงมีผลผูกพันมันเข้าด้วยกัน เขามีคนแย้งว่าโทรทัศน์มีแนวโน้มที่จะปลูกฝังถนนมุมมองทางการเมืองกลางของล้ำหน้าด้วย Gerbner เรียกว่าผลกระทบนี้ 'การบูรณาการประเด็น' ทฤษฎีการเพาะปลูกความแตกต่างระหว่าง 'สั่งซื้อครั้งแรก' ผลกระทบ (ความเชื่อทั่วไปเกี่ยวกับโลกในชีวิตประจำวันเช่นเกี่ยวกับความชุกของความรุนแรง) และลำดับที่สอง 'ผลกระทบ (ทัศนคติที่เฉพาะเจาะจงเช่นกฎหมายและความสงบเรียบร้อยหรือเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล) นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่างทั้งสองกลุ่มของผู้ชมโทรทัศน์: ผู้ชมหนักและผู้ชมแสง ให้ความสำคัญกับ 'ผู้ชมหนัก' คนที่ดูจำนวนมากของโทรทัศน์มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบมากขึ้นโดยวิธีการที่โลกจะถูกล้อมกรอบด้วยรายการโทรทัศน์กว่าเป็นบุคคลที่ดูน้อยลงโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับหัวข้อที่ผู้ชมมีประสบการณ์มือแรกเล็ก ๆ น้อย ๆ ผู้ชมแสงอาจจะมีแหล่งที่มาของข้อมูลที่ผู้ชมกว่าหนัก 'Resonance' อธิบายถึงผลกระทบที่รุนแรงกับผู้ชมเมื่อสิ่งที่คนเห็นในโทรทัศน์คือสิ่งที่พวกเขามีประสบการณ์ในชีวิต ยานี้คู่ของข้อความที่มีการถ่ายทอดสดมีแนวโน้มที่จะขยายผลการเพาะปลูก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติและการปฐมนิเทศกับการลดลงของทฤษฎีเข็มฉีดยาแบบใหม่เริ่มโผล่ออกมา : หินงอกทฤษฎี สีดำ et al . การใช้คำอุปมาของหินงอกทฤษฎีแสดงให้เห็นว่าสื่อผลเกิดขึ้น analogously เพื่อ buildup ช้าของการก่อตัวบนพื้นถ้ำ ซึ่งใช้รูปแบบที่น่าสนใจของพวกเขาหลังจากยุคของหยดคงที่ของสารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์ออกจากถ้ำเพดานข้างบน หนึ่งในความนิยมมากที่สุดทฤษฎีที่เหมาะสมกับมุมมองนี้เป็นทฤษฎีสำคัญทฤษฎีการพัฒนา ( บางครั้งเรียกว่าการปลูกหรือเพาะสมมติฐานการวิเคราะห์ ) เป็นวิธีการที่พัฒนาโดยศาสตราจารย์จอร์จ เกิร์บเนอร์ คณบดี Annenberg โรงเรียนสื่อสารที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย เขาเริ่มโครงการวิจัยทางวัฒนธรรมของตัวชี้วัดในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 เพื่อศึกษาว่าและวิธีการดูโทรทัศน์อาจมีอิทธิพลต่อผู้ชม ' ความคิดของสิ่งที่โลกทุกวันเป็นแบบนี้ งานวิจัยการปลูกอยู่ในผล ' ' ประเพณี นักทฤษฎีการโต้แย้งว่า โทรทัศน์ ได้ผลระยะยาวซึ่งมีขนาดเล็ก ค่อยๆ อ้อม แต่สะสม และที่สำคัญสมมติฐานหลัก และงบและทฤษฎีในรูปแบบพื้นฐานที่สุด แสดงให้เห็นว่าโทรทัศน์เป็นผู้รับผิดชอบในการสร้าง หรือ ' ปลูก ' ผู้ชม ' แนวความคิดของความเป็นจริงทางสังคม ผลของการรวมขนาดใหญ่ โทรทัศน์โดยผู้ชมตลอดเวลารายละเอียดรูปร่างการรับรู้ของความเป็นจริงทางสังคมสำหรับบุคคลและ , ในที่สุด , สำหรับวัฒนธรรมของเราเป็นทั้ง เกิร์บเนอร์ระบุว่า สื่อมวลชนปลูกฝังทัศนคติและค่านิยมที่มีอยู่แล้วในวัฒนธรรม : สื่อรักษาและเผยแพร่ค่านิยมเหล่านี้ในหมู่สมาชิกของวัฒนธรรม จึงผูกมันเข้าด้วยกัน เขาได้แย้งว่าโทรทัศน์มีแนวโน้มที่จะปลูกกลางถนนการเมืองมุมมอง เกิร์บเนอร์เรียกว่าผล ' เด็ก ' นักทฤษฎีการแยกแยะระหว่าง ' สั่ง ' แรกผล ( ทั่วไปความเชื่อเกี่ยวกับโลก ทุกวัน เช่น เกี่ยวกับความชุกของความรุนแรง ) และ ' สั่ง ' 2 ผล ( ทัศนคติ ที่เฉพาะเจาะจง เช่น กฎหมายและสั่งซื้อ หรือเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล ) นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่างสองกลุ่มของผู้ชมโทรทัศน์ : ผู้ชมและผู้ชม หนัก เบา เน้น ' ผู้ชม ' หนัก คนที่ดูทีวีมากมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเติมอิทธิพลโดยวิธีการที่โลกเป็นกรอบโดยรายการโทรทัศน์กว่าบุคคลที่ดูน้อยลง โดยเฉพาะในหัวข้อที่ผู้ชมได้สัมผัสแรกเล็กน้อย ผู้ชมแสงอาจจะเพิ่มเติมแหล่งข้อมูลมากกว่าผู้ชมหนัก ' ' ( ( อธิบายผลกระทบต่อผู้ชม เมื่อสิ่งที่คนเห็นในโทรทัศน์เป็นสิ่งที่พวกเขาได้พบในชีวิต ในปริมาณนี้คู่ของจำนวนข้อความมีแนวโน้มที่จะขยายการเพาะผล