The Invention of the Transistor Sci

The Invention of the Transistor
Scientists continued to improve their understanding of electrons and electricity. In the late 1920s, Felix Bloch proposed the band theory, dis- cussed briefly in Chapter 4. The theory suggested that the electrons in materials are in energy bands. In some materials, especially metals, key bands overlap, and electrons can flow through the material to provide electrical-conduction behavior. In other materials, including most ceramics and organics, the bands are widely separated(a wide band gap), and the material is an electrical insulator(highly resistant to the flow of electrons). And in some ceramic materials the key bands(the valence band and conduction band) are close enough together(a small band gap) that a small external energy source, such as heat or light, can boost electrons from the valence band to the conduction band. These materials are semiconductors

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงความเข้าใจของอิเล็กตรอนและไฟฟ้า ในปี 1920 สาย เม็ดเลือดขาวเฟลิกซ์เสนอวงทฤษฎี หรือไม่??-cussed สั้น ๆ ในบทที่ 4 ทฤษฎีแนะนำว่า อิเล็กตรอนในวัสดุที่อยู่ในแถบพลังงาน วัสดุบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลหะ วงคีย์ทับซ้อน และอิเล็กตรอนสามารถไหลผ่านวัสดุนำไฟฟ้าทำให้ วัสดุอื่น รวมถึงเครื่องเคลือบและอินทรีย์ ส่วนใหญ่ในวงการอย่างกว้างขวางจะแยก (ช่องว่างวงกว้าง), และวัสดุเป็นฉนวนไฟฟ้า (สูงทนต่อการไหลของอิเล็กตรอน) และในวัสดุเซรามิกบาง วงคีย์ (แถบเวเลนซ์และแถบนำกระแส) อยู่ใกล้พอกัน (ช่วงเล็ก ๆ) ให้พลังงานภายนอกขนาดเล็กเป็นแหล่งที่มา เช่นความร้อนหรือแสง สามารถเพิ่มอิเล็กตรอนจากแถบเวเลนซ์ให้วงจึงได้ อิเล็กทรอนิกส์มีวัสดุเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประดิษฐ์ของทรานซิสเตอร์
นักวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงความเข้าใจของพวกเขาของอิเล็กตรอนและไฟฟ้า ในปี ค.ศ. 1920 ในช่วงปลายเฟลิกซ์โบลชเสนอทฤษฎีวงดนตรีแสดงบนสบถสั้น ๆ ในบทที่ 4 ทฤษฎีบอกว่าอิเล็กตรอนในวัสดุที่อยู่ในวงพลังงาน ในวัสดุบางอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งโลหะวงดนตรีที่สำคัญทับซ้อนและอิเล็กตรอนสามารถไหลผ่านวัสดุเพื่อให้พฤติกรรมการนำไฟฟ้า ในวัสดุอื่น ๆ รวมถึงเซรามิกส์มากที่สุดและสารอินทรีย์วงจะแยกกันอย่างแพร่หลาย (ช่องว่างวงกว้าง) และวัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้า (ทนทานต่อการไหลของอิเล็กตรอน) และในบางวัสดุเซรามิกวงที่สำคัญ (วงดนตรีจุและการนำวงดนตรี) อยู่ใกล้พอกัน (ช่องว่างแถบเล็ก) ว่าแหล่งพลังงานภายนอกขนาดเล็กเช่นความร้อนหรือแสงสามารถเพิ่มอิเล็กตรอนจากวงดนตรีจุวงการนำ . วัสดุเหล่านี้เป็นเซมิคอนดักเตอร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์
นักวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงความเข้าใจของอิเล็กตรอนและกระแสไฟฟ้า ในช่วงปี ค.ศ. 1920 , เฟลิกซ์โบลชเสนอทฤษฎีวง DIS - ด่าสั้นๆ ในบทที่ 4 ทฤษฎีเสนอว่าอิเล็กตรอนในวัสดุในแถบพลังงาน ในวัสดุบางส่วน โดยเฉพาะโลหะ , คีย์วงซ้อนกันและอิเล็กตรอนจะไหลผ่านวัสดุเพื่อให้พฤติกรรมการนำไฟฟ้า . ในวัสดุอื่น ๆรวมทั้งเซรามิกส่วนใหญ่และสารอินทรีย์ , วงอย่างกว้างขวางแยก ( กว้างช่องว่างแถบ ) , และวัสดุที่เป็นฉนวนทางไฟฟ้า ( สูงป้องกันการไหลของอิเล็กตรอน )และวัสดุเซรามิกบางวงกุญแจ ( 2 วง และนำวงดนตรี ) อยู่ใกล้กันพอ ( ช่องว่างแถบเล็ก ) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานภายนอกขนาดเล็กเช่นความร้อนหรือแสงสามารถเพิ่มเวเลนซ์อิเล็กตรอนจากวงดนตรีที่จะนำวงดนตรี . วัสดุเหล่านี้เป็นสารกึ่งตัวนำ