Presently, the shrimp consumers are

Presently, the shrimp consumers are afraid of the antibiotic residue problem. Because, the farmer lack the knowledge to use the antibiotics. Therefore, the by convincing exporter shrimp and the farmers were loss a lot of money. Thai government is urgently solving this problem, the farmer to use the natural products instead of the antibiotics. But the farmers are no response. Because of, the most important bacterial disease in shrimp is vibriosis (Karunasagar, et. al. 1994). The farmer used the antibiotics to kill or prevent the Vibrio spp. However,they know some natural products that can be use to control bacteria. Razdan and Pettersson (1994) reported chitosan could react with the cell wall and reduce the growth of bacteria. The chitosan is produced from chitin which is extracted from crab and shrimp shell (Roberts, 1992). Chitosan is a non-toxic, biocompatible and biodegradable natural polymer. The food, drugs, and cosmetic industry use the chitosan in a composition of their products. Therefore, chitosan should be safe for use to stop the bacterial diseases of shrimp.
The objective of this study was to

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปัจจุบัน ผู้บริโภคกุ้งจะกลัวปัญหาสารตกค้างยาปฏิชีวนะ เนื่องจาก เกษตรกรขาดความรู้ในการใช้ยาปฏิชีวนะ ดังนั้น ที่ โดยทำให้ผู้ส่งออกกุ้งและเกษตรกรมากสูญเสียของเงิน รัฐบาลไทยจะเร่งด่วนแก้ปัญหา เกษตรกรใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแทนยาปฏิชีวนะ แต่เกษตรกรไม่มีคำตอบ เนื่องจากของ เชื้อแบคทีเรียโรคสำคัญในกุ้งเป็น vibriosis (Karunasagar, et. al.: 1994) เกษตรกรใช้ยาปฏิชีวนะในการฆ่า หรือทำให้ปริมาณวิบริโอ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทราบว่า บางผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่สามารถใช้ในการควบคุมแบคทีเรีย Razdan และ Pettersson (1994) รายงานไคโตซานสามารถทำปฏิกิริยากับผนังเซลล์ และลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ไคโตซานที่ผลิตจากไคทินซึ่งเป็นสารสกัดจากเปลือกกุ้งและปู (โรเบิตส์ 1992) ไคโตซานเป็นพิษ ชีวภาพ และสลายเมอร์ธรรมชาติ อาหาร ยา และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางใช้ไคโตซานที่ในองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ของตน ดังนั้น ไคโตซานจะปลอดภัยสำหรับการใช้เพื่อหยุดโรคแบคทีเรียของกุ้ง
วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัจจุบันผู้บริโภคกุ้งมีความกลัวของปัญหาสารตกค้างของยาปฏิชีวนะ เพราะเกษตรกรขาดความรู้ในการใช้ยาปฏิชีวนะ ดังนั้นผู้ส่งออกกุ้งโดยไม่มีข้อสงสัยและเกษตรกรมีการสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก รัฐบาลไทยเร่งด่วนในการแก้ปัญหานี้เกษตรกรที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่เกษตรกรที่ไม่มีการตอบสนอง เพราะของโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงกุ้งเป็นวิบริโอ (Karunasagar, Et. al. 1994) เกษตรกรที่ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าหรือป้องกัน Vibrio spp แต่พวกเขารู้ว่าบางผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่สามารถใช้ในการควบคุมเชื้อแบคทีเรีย Razdan และ Pettersson (1994) รายงานไคโตซานสามารถทำปฏิกิริยากับผนังเซลล์และลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ไคโตซานที่ผลิตจากไคตินที่สกัดจากเปลือกปูและกุ้ง (โรเบิร์ต, 1992) ไคโตซานเป็นที่ไม่เป็นพิษชีวภาพย่อยสลายได้และพอลิเมอธรรมชาติ อาหาร, ยาเสพติดและอุตสาหกรรมเครื่องสำอางใช้ไคโตซานในองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ดังนั้นไคโตซานที่ควรจะปลอดภัยสำหรับการใช้งานที่จะหยุดโรคแบคทีเรียในกุ้ง
วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปัจจุบัน กุ้งที่ผู้บริโภคจะกลัวปัญหาสารตกค้างปฏิชีวนะ . เพราะเกษตรกรขาดความรู้ในการใช้ยาปฏิชีวนะ ดังนั้น โดยให้เกษตรกรผู้ส่งออกกุ้งและการสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก รัฐบาลไทยกำลังเร่งแก้ปัญหานี้ เกษตรกรจะใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติแทนยาปฏิชีวนะ แต่เกษตรกรก็ไม่มีการตอบสนอง เพราะของโรคแบคทีเรียที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงกุ้งเป็นเฉียบพลัน ( karunasagar , et al . 1994 ) ชาวนาใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าหรือป้องกัน Vibrio spp . อย่างไรก็ตาม , พวกเขารู้ว่าบางผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่สามารถใช้ในการควบคุมแบคทีเรีย และ razdan เพตเตอร์ ัน ( 1994 ) รายงานว่าไคโตซานสามารถทำปฏิกิริยากับเซลล์ผนังและลดการเติบโตของแบคทีเรียไคโตซานที่ผลิตจากไคตินที่สกัดจากปูและเปลือกกุ้ง ( โรเบิร์ต , 1992 ) ไคโตซานเป็นพอลิเมอร์ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และไม่เป็นพิษ ธรรมชาติ . อาหาร ยา และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางใช้ไคโตซานในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ของตน ดังนั้น ไคโตซาน จะปลอดภัยสำหรับการใช้เพื่อหยุดแบคทีเรียก่อโรคในกุ้ง
วัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ