Yellow fever is an acute vaccine pr

Yellow fever is an acute vaccine preventable viral haemorrhagic
disease found mainly in tropical regions of
Africa and America. It is caused by a Flavivirus which is
transmitted by mosquito bites and has a natural reservoir
in non-human primates. The virus is endemic in
tropical areas of Africa and Latin America, with a combined
population of over 900 million people [1]. The
“yellow” in the name refers to the jaundice that affects
some patients. Approximately 200,000 cases and 30,000
deaths occur annually especially in Africa [2] where the
case-fatality rate ranges from 15–50% [3]. The yellow
fever virus can cause devastating epidemics of potentially
fatal, hemorrhagic disease. The disease can be confirmed
through, serological testing by way of ELISA for
yellow fever virus-specific IgM or isolation of the virus
from blood samples. These are the recommended standard
diagnostic tests for yellow fever although PCR tests
which detect the viral genetic material have been used
[1,4]. The number of yellow fever cases has increased
over the past two decades due to declining population
immunity to infection, deforestation, urbanization, population
movements and climate change. This disease has no
cure and treatment is symptomatic, aiming at reducing
symptoms for the comfort of the patient and mass vaccination
is the most important preventive measure [5].
Immunization of people at risk interrupts human to human
transmission of the yellow fever virus especially when
adequate vaccination coverage levels are reached. The vaccine
is safe, affordable and highly effective, and appears to
provide protection for 30–35 years or more [1]. The vaccine
provides effective immunity within one week for 95%
of persons vaccinated [6,7]. Despite mass vaccination campaigns
to prevent and control these outbreaks, the risk of
major yellow fever epidemics, especially in densely populated,
poor urban settings, both in Africa and South
America, has greatly increased [8]. Consequently, yellow
fever is considered an emerging, or reemerging disease of
considerable importance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไข้เหลืองเป็นวัคซีนเฉียบพลันโรคที่สามารถป้องกันไวรัสเลือดออกโรคที่พบส่วนใหญ่อยู่ในเขตร้อนแอฟริกาและอเมริกา เกิดจาก Flavivirus ซึ่งเป็นส่งมาจากยุงกัด และมีอ่างเก็บน้ำธรรมชาติในม้า ไวรัสเป็นถิ่นในพื้นที่เขตร้อนของแอฟริกาและละตินอเมริกา กับการรวมประชากรมากกว่า 900 ล้านคน [1] การ"สีเหลือง" ในชื่อถึงเหลืองที่มีผลต่อผู้ป่วยบางราย ประมาณ 200,000 เคสและ 30,000เสียชีวิตที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกา [2] ซึ่งการกรณีตายราคาตั้งแต่ 15-50% [3] สีเหลืองไข้สามารถก่อให้เกิดการระบาดทำลายของอาจโรคร้ายแรง เลือดออก โรคได้รับการยืนยันผ่าน การทดสอบทางวิทยาโดยวิธี ELISA สำหรับไข้เหลืองระบาดของโรคหรือการแยกไวรัสไวรัสเฉพาะจากตัวอย่างเลือด เหล่านี้เป็นมาตรฐานแนะนำทดสอบวินิจฉัยเพื่อไข้เหลืองแม้ว่า PCR ทดสอบที่ตรวจพบมีการใช้สารพันธุกรรมของไวรัส[1, 4] มีเพิ่มจำนวนของกรณีไข้เหลืองกว่าสองทศวรรษเนื่องจากประชากรลดลงภูมิคุ้มกันการติดเชื้อ การกลายเป็นเมือง ประชากร ตัดไม้ทำลายป่าเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคนี้ไม่มีรักษาและการรักษามีอาการ เล็งลดอาการของผู้ป่วยและฉีดวัคซีนรวมสำหรับมีมาตรการป้องกันสำคัญที่สุด [5]สร้างภูมิคุ้มกันของคนที่มีความเสี่ยงรบกวนมนุษย์เพื่อมนุษย์ส่งไวรัสไข้เหลืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระดับความครอบคลุมวัคซีนเพียงพอกำลังมาถึง วัคซีนปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง ราคาไม่แพง และปรากฏให้การป้องกันสำหรับ 30-35 ปีหรือมากกว่า [1] วัคซีนให้มีประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันภายในหนึ่งสัปดาห์ 95%คนฉีดวัคซีน [6, 7] แม้ มีวัคซีนป้องกันมวลชนส่งเสริมการขายการป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคเหล่านี้ ความเสี่ยงของหลักระบาดไข้เหลือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนาแน่นมีประชากรยากจนในเมืองการตั้งค่า ทั้งในแอฟริกาใต้อเมริกา มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก [8] ดังนั้น สีเหลืองไข้เป็นโรคเกิดขึ้น หรืออุบัติซ้ำของสำคัญมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไข้เหลืองเป็นวัคซีนเฉียบพลันป้องกันไวรัสไข้เลือดออก
เป็นโรคที่พบส่วนใหญ่ในภูมิภาคเขตร้อนของ
แอฟริกาและอเมริกา มันเกิดจาก Flavivirus ซึ่งเป็น
ที่ส่งมาจากยุงกัดและมีอ่างเก็บน้ำธรรมชาติ
ในบิชอพที่ไม่ใช่มนุษย์ ไวรัสเป็นโรคประจำถิ่นใน
เขตร้อนของทวีปแอฟริกาและลาตินอเมริการวมกับ
ประชากรกว่า 900 ล้านคน [1]
"สีเหลือง" ในชื่อหมายถึงโรคดีซ่านที่ส่งผลกระทบต่อ
ผู้ป่วยบางราย ประมาณ 200,000 รายและ 30,000
เสียชีวิตเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกา [2] ที่
อัตราการเสียชีวิตในช่วง 15-50% [3] สีเหลือง
ไข้ไวรัสสามารถทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น
ร้ายแรงโรคไข้เลือดออก โรคนี้สามารถได้รับการยืนยัน
ผ่านการทดสอบภูมิคุ้มกันโดยวิธี ELISA สำหรับ
ไข้เหลืองไวรัสเฉพาะ IgM หรือการแยกเชื้อไวรัส
จากตัวอย่างเลือด เหล่านี้เป็นที่แนะนำมาตรฐาน
การตรวจวินิจฉัยโรคไข้เหลืองแม้ว่าการทดสอบ PCR
ที่ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสได้ถูกนำมาใช้
[1,4] จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เหลืองได้เพิ่มขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมาสองทศวรรษที่ผ่านมาเนื่องจากการลดลงของประชากร
ภูมิคุ้มกันการติดเชื้อตัดไม้ทำลายป่ากลายเป็นเมืองที่มีประชากร
เคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคนี้ไม่มี
ยารักษาโรคและการรักษาอาการเล็งไปที่การลด
อาการเพื่อความสะดวกสบายของผู้ป่วยและมวลฉีดวัคซีน
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดมาตรการป้องกัน [5].
การสร้างภูมิคุ้มกันของผู้คนที่มีความเสี่ยงขัดจังหวะคนสู่คน
ส่งของไวรัสไข้เหลืองเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ
เพียงพอระดับความครอบคลุมการฉีดวัคซีนจะมาถึง วัคซีน
มีความปลอดภัยและราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพสูงและดูเหมือนจะ
ให้ความคุ้มครองสำหรับ 30-35 ปีหรือมากกว่า [1] วัคซีน
ให้ภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพภายในหนึ่งสัปดาห์สำหรับ 95%
ของผู้ที่ฉีดวัคซีน [6,7] แม้จะมีแคมเปญการฉีดวัคซีน
เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคเหล่านี้มีความเสี่ยงของการ
ที่สำคัญการระบาดของโรคไข้เหลืองโดยเฉพาะในประชากรหนาแน่น
การตั้งค่าเมืองที่ยากจนทั้งในแอฟริกาและ
อเมริกาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก [8] ดังนั้นสีเหลือง
ไข้ถือว่าเป็นอุบัติใหม่หรือโฉมโรค
สำคัญมาก