ลักษณะงาน1) รู้จิตวิทยาการศึกษา หรื

ลักษณะงาน

1) รู้จิตวิทยาการศึกษา หรือจิตวิทยาการเรียนรู้ของมนุษย์เรานี่ล่ะ โดยสามารถเข้าใจและประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้ รู้สาเหตุของพฤติกรรม รู้ว่ามนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไร มนุษย์หาความรู้อย่างไร เจตคติ ทักษะต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดได้ โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรม

2) สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและงาน แยกแยะแนวคิด และกระบวนการจัดการในการทำงานให้ง่ายขึ้น จัดลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ใหม่ วิเคราะห์ และสังเคราะห์ทักษะต่าง ๆ ได้

3) รู้จักการสอนแบบสอนผู้ใหญ่ และการสอนแบบสอนเด็ก มีความสามารถในการสอนแบบผู้ใหญ่สอนผู้ใหญ่ ใช้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นแหล่งความรู้มากกว่าทำหน้าที่แบบพ่อแม่สอนเด็ก ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมพึ่งพาผู้สอน มิใช่พึ่งพาซึ่งกันและกัน

4) มีความสามารถในการเป็นผู้กระตุ้นเร่งเร้า และนักบรรยาย ทำหน้าที่เป็นผู้กระตุ้น จัดประสบการณ์การเรียนรู้ และอำนวยความสะดวกมากกว่าผู้บรรยายที่เป็นผู้ให้ข้อมูลอย่างมาก

5) ใช้โสตทัศนูปกรณ์สนับสนุนได้ โดยสามารถเลือกใช้โสตทัศนูปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (สไลด์ เครื่องฉายข้ามศีรษะ ฟลิปชาร์ท กระดานไวท์บอร์ด วีดีทัศน์ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การเรียนรู้แบบโปรแกรม)

6) สอนเป็น ทั้งการสอนแบบดันและการสอนแบบดึง สามารถสอนแบบดันผลักดันข้อมูลให้ผู้เรียน (การสอนแบบบรรยาย) และการสอนแบบดึง ดึงความรู้จากผู้เรียนโดยวิธีการของโสกราตีส เลือกใช้แต่ละวิธีการให้เหมาะสม

7) ใช้กระบวนการกระตุ้น – ตอบสนอง – ข้อมูลย้อนกลับ สามารถให้ข้อมูลในลักษณะ มีปฏิสัมพันธ์ การมีส่วนร่วม ดึงให้มีการตอบสนองบ่อย ๆ วิธีการง่ายก็คือลำดับขั้นการเรียนรู้ จะเป็นห่วงโซ่แบบกระตุ้น – การตอบสนอง – ข้อมูลย้อนกลับ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

8) ให้หลักการแล้วยกตัวอย่างในระหว่างการสอนหรืออบรมได้ สามารถใช้อุปมาอุปมัย เปรียบเทียบมีเกร็ดความรู้ อธิบาย กรณีศึกษา และทำเป็นแบบอย่าง แสดงให้เห็นภาพ รูปแบบการให้ความรู้แบบมีชีวิตชีวา เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ยกตัวอย่างที่สามารถจำได้แม่นยำ

9) มีทักษะในการจัดระบบความคิดเป็นขั้นตอนของผู้เรียนรู้ โดยสามารถจัดระบบความคิดสื่อเป็นไปตามลำดับได้อย่างดีที่สุด (ตามหลักเหตุผล – หลักจิตวิทยา – และเป็นไปตามลำดับขั้นตอน) ตรงกับความต้องการของผู้เรียน ความสนใจและความสามารถที่จะจดจำได้

10) มีทักษะในการการสอนงานและการให้คำปรึกษา สามารถยอมรับความต้องการ การเรียนรู้ ค่านิยมปัญหาต่าง ๆ และสนองตอบช่วยเหลือแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม ให้คำปรึกษา ใช้ระบบเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นคู่ ๆ หรือมอบหมายงานพิเศษให้ทำ

11) สามารถจัดสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถจัดสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม และดูแลความสะดวกทางกายภาพตอบสนองการเรียนรู้ของผู้รับการฝึกอบรม

12) สามารถที่จะบริหารจัดการกับการบันทึกต่าง ๆ สามารถเก็บรักษาบันทึกความก้าวหน้าของผู้เรียน รวมทั้งการปฏิบัติการ จัดเป็นแฟ้มอย่างเป็นระบบตลอดทั้งวัสดุการเรียนรู้ต่าง ๆ (แบบฝึกหัด แบบทดสอบ สถานการณ์จำลอง ขอบข่ายวัตถุประสงค์การเรียนรู้ต่าง ๆ)

13) สามารถวิจัยเพื่อความรู้ที่ทันสมัย สามารถติดตามเพื่อความต้องการใหม่ ๆ และโอกาสสำหรับผู้เรียนและการเปลี่ยนแปลงองค์การ โดยการวิจัยหาข้อมูลใหม่ ๆ และนำผลมาใช้เป็นแบบฝึกปฏิบัติ ในชั้นเรียน

14) ตระหนักสำนึกและรักองค์การ ทั้งองค์การของตนเอง และองค์การของลูกค้าที่เชิญไปเป็นวิทยากร โดยสามารถตีความและแปรเปลี่ยนเนื้อหาวิชาให้ตรงกับกลยุทธ์ บรรทัดฐาน โครงสร้าง วัฒนธรรม เครือข่ายอำนาจ (การเมือง) และเป้าหมายขององค์การ เพื่อมุ่งให้บรรลุภารกิจขององค์การ

15) สามารถกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม สามารถเตรียมการและสื่อความให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเข้าใจวัตถุประสงค์ของแต่ละรายวิชาได้อย่างชัดเจน เชิงพฤติกรรม (มุ่งผลลัพธ์) ผลลัพธ์ที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับจากการสังเกต หรือวิธีวัดผลด้วยวิธีการต่าง ๆ

16) มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ สามารถใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องช่วยสอนในการดำเนินการสอนให้ผู้เรียนเกิดความก้าวหน้าทั้งปัจเจกบุคคลและกลุ่ม รวมทั้งการดำเนินการการปฏิบัติการ ของกลุ่มก้าวหน้า

17) มีทักษะการเขียน โดยสามารถเขียนเอกสารประกอบรายวิชา แบบทดสอบง่าย ๆ รายงานโปรแกรมและโครงการ บทคัดย่อ ใช้ภาษาจูงใจ ตอบสนองความต้องการของผู้อ่าน
18) มีทักษะการนำเสนอด้วยวัจนะภาษา คือ ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดว่างั้นเถอะ โดยสามารถพูดได้อย่างน่าฟังสร้างความสนใจ ใช้ภาษาดี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ชัดเจน สร้างบทสนทนา บทพูด ใช้ภาษามีสีสัน อารมณ์ขัน ใช้ภาษาท่าทางประกอบได้อย่างเหมาะสม

19) มีทักษะการตั้งคำถาม สามารถใช้รูปแบบของคำถามต่าง ๆ ได้อย่างดี (ทางตรง ทางอ้อม แบบประเมินตนเอง สะท้อนความคิด, วาทศิลป์) เพื่อดึงข้อเท็จจริง และความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย

20) สามารถในการทดสอบตามเกณฑ์ สามารถสร้างและใช้แบบทดสอบเพื่อวัดความก้าวหน้าของผู้เรียน เพื่อวินิจฉัยพฤติกรรม วัดผลแต่ละคนตามความเหมาะสม

21) มีทักษะการฟังและการให้ข้อมูลย้อนกลับ สามารถในการฟังได้อย่างมีประสิทธิผล วิเคราะห์วัตถุประสงค์ ความหมาย คำพูดและเนื้อหาของผู้พูด ย้ำและให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน

22) มีทักษะการมอบหมายงาน สามารถมอบหมายงานหรือมอบความรับผิดชอบ อำนาจหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมสำหรับผู้เรียนและคณะเพื่อสนับสนุนการทำงานที่มีประสิทธิผลของแต่ละคน
ต้องการขององค์การ และผู้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อกำหนดกรอบเวลาของรายวิชา

24) เป็นแบบอย่างของผู้มีบารมี สามารถทำให้ผู้เรียนเอาแบบอย่างซึ่งผู้เรียนจะเคารพ นับถือ และต้องการแข่งดี (เรียนรู้จากพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างและจากกระบวนการเรียนรู้)

25) มีทักษะการออกแบบการสอน สามารถพัฒนาวิธีการสอนสื่อ และวัสดุการตามหลักการการออกแบบและระบบการสอนที่กำหนดเพื่อให้เนื้อหาวิชาทันสมัยและมีผลกระทบต่อผู้เรียนสูง

26) นิยมในการเครือข่ายการติดต่อ สามารถรักษาสัมพันธ์การติดต่อกับผู้สอนคนอื่น ๆ และแหล่งความรู้ในองค์การ (เครือข่ายที่มีอิทธิพล มีเวลา มีความสามารถพิเศษ และมีความทันสมัย)

27) รู้และเข้าใจโมเดลการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน โดยสามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จาก 3 ขั้นตอน (บอก –

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ลักษณะงาน1) รู้จิตวิทยาการศึกษาหรือจิตวิทยาการเรียนรู้ของมนุษย์เรานี่ล่ะโดยสามารถเข้าใจและประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้รู้สาเหตุของพฤติกรรมรู้ว่ามนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไรมนุษย์หาความรู้อย่างไรเจตคติทักษะต่างๆ ที่สามารถถ่ายทอดได้โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรม 2 สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและงานแยกแยะแนวคิดและกระบวนการจัดการในการทำงานให้ง่ายขึ้นจัดลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ใหม่วิเคราะห์และสังเคราะห์ทักษะต่างๆ ได้ 3) รู้จักการสอนแบบสอนผู้ใหญ่และการสอนแบบสอนเด็กมีความสามารถในการสอนแบบผู้ใหญ่สอนผู้ใหญ่ใช้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นแหล่งความรู้มากกว่าทำหน้าที่แบบพ่อแม่สอนเด็กซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมพึ่งพาผู้สอนมิใช่พึ่งพาซึ่งกันและกัน 4 มีความสามารถในการเป็นผู้กระตุ้นเร่งเร้าและนักบรรยายทำหน้าที่เป็นผู้กระตุ้นจัดประสบการณ์การเรียนรู้และอำนวยความสะดวกมากกว่าผู้บรรยายที่เป็นผู้ให้ข้อมูลอย่างมาก 5) ใช้โสตทัศนูปกรณ์สนับสนุนได้โดยสามารถเลือกใช้โสตทัศนูปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (สไลด์เครื่องฉายข้ามศีรษะฟลิปชาร์ทกระดานไวท์บอร์ดวีดีทัศน์คอมพิวเตอร์ช่วยสอนการเรียนรู้แบบโปรแกรม) 6 สอนเป็นทั้งการสอนแบบดันและการสอนแบบดึง (การสอนแบบบรรยาย) สามารถสอนแบบดันผลักดันข้อมูลให้ผู้เรียนและการสอนแบบดึงดึงความรู้จากผู้เรียนโดยวิธีการของโสกราตีสเลือกใช้แต่ละวิธีการให้เหมาะสม 7) ใช้กระบวนการกระตุ้น –ตอบสนอง –ข้อมูลย้อนกลับสามารถให้ข้อมูลในลักษณะมีปฏิสัมพันธ์การมีส่วนร่วมดึงให้มีการตอบสนองบ่อยๆ วิธีการง่ายก็คือลำดับขั้นการเรียนรู้จะเป็นห่วงโซ่แบบกระตุ้น – การตอบสนอง – ข้อมูลย้อนกลับได้เป็นอย่างดีทีเดียว 8) ให้หลักการแล้วยกตัวอย่างในระหว่างการสอนหรืออบรมได้สามารถใช้อุปมาอุปมัยเปรียบเทียบมีเกร็ดความรู้อธิบายกรณีศึกษาและทำเป็นแบบอย่างแสดงให้เห็นภาพรูปแบบการให้ความรู้แบบมีชีวิตชีวาเกี่ยวข้องสัมพันธ์ยกตัวอย่างที่สามารถจำได้แม่นยำ 9) มีทักษะในการจัดระบบความคิดเป็นขั้นตอนของผู้เรียนรู้โดยสามารถจัดระบบความคิดสื่อเป็นไปตามลำดับได้อย่างดีที่สุด (ตามหลักเหตุผล –หลักจิตวิทยา – และเป็นไปตามลำดับขั้นตอน) ตรงกับความต้องการของผู้เรียนความสนใจและความสามารถที่จะจดจำได้ 10) มีทักษะในการการสอนงานและการให้คำปรึกษาสามารถยอมรับความต้องการการเรียนรู้ค่านิยมปัญหาต่างๆ และสนองตอบช่วยเหลือแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมให้คำปรึกษาใช้ระบบเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นคู่ๆ หรือมอบหมายงานพิเศษให้ทำ 11) สามารถจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถจัดสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมและดูแลความสะดวกทางกายภาพตอบสนองการเรียนรู้ของผู้รับการฝึกอบรม 12) สามารถที่จะบริหารจัดการกับการบันทึกต่างๆ สามารถเก็บรักษาบันทึกความก้าวหน้าของผู้เรียนรวมทั้งการปฏิบัติการจัดเป็นแฟ้มอย่างเป็นระบบตลอดทั้งวัสดุการเรียนรู้ต่างๆ (แบบฝึกหัดแบบทดสอบสถานการณ์จำลองขอบข่ายวัตถุประสงค์การเรียนรู้ต่างๆ) 13) สามารถวิจัยเพื่อความรู้ที่ทันสมัยสามารถติดตามเพื่อความต้องการใหม่ๆ และโอกาสสำหรับผู้เรียนและการเปลี่ยนแปลงองค์การโดยการวิจัยหาข้อมูลใหม่ๆ และนำผลมาใช้เป็นแบบฝึกปฏิบัติในชั้นเรียน 14 ตระหนักสำนึกและรักองค์การทั้งองค์การของตนเองและองค์การของลูกค้าที่เชิญไปเป็นวิทยากรโดยสามารถตีความและแปรเปลี่ยนเนื้อหาวิชาให้ตรงกับกลยุทธ์บรรทัดฐานโครงสร้างวัฒนธรรมเครือข่ายอำนาจ (การเมือง) และเป้าหมายขององค์การเพื่อมุ่งให้บรรลุภารกิจขององค์การ 15) สามารถกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสมสามารถเตรียมการและสื่อความให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเข้าใจวัตถุประสงค์ของแต่ละรายวิชาได้อย่างชัดเจนเชิงพฤติกรรม (มุ่งผลลัพธ์) ผลลัพธ์ที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับจากการสังเกตหรือวิธีวัดผลด้วยวิธีการต่างๆ 16) มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์สามารถใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องช่วยสอนในการดำเนินการสอนให้ผู้เรียนเกิดความก้าวหน้าทั้งปัจเจกบุคคลและกลุ่มรวมทั้งการดำเนินการการปฏิบัติการของกลุ่มก้าวหน้า 17) มีทักษะการเขียนโดยสามารถเขียนเอกสารประกอบรายวิชาแบบทดสอบง่ายๆ รายงานโปรแกรมและโครงการบทคัดย่อใช้ภาษาจูงใจตอบสนองความต้องการของผู้อ่าน18 มีทักษะการนำเสนอด้วยวัจนะภาษาคือภาษาที่ไม่ใช่คำพูดว่างั้นเถอะโดยสามารถพูดได้อย่างน่าฟังสร้างความสนใจใช้ภาษาดีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจนสร้างบทสนทนาบทพูดใช้ภาษามีสีสันอารมณ์ขันใช้ภาษาท่าทางประกอบได้อย่างเหมาะสม 19) มีทักษะการตั้งคำถามสามารถใช้รูปแบบของคำถามต่างๆ ได้อย่างดี (ทางตรงทางอ้อมแบบประเมินตนเองสะท้อนความคิด วาทศิลป์) เพื่อดึงข้อเท็จจริงและความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย 20 สามารถในการทดสอบตามเกณฑ์สามารถสร้างและใช้แบบทดสอบเพื่อวัดความก้าวหน้าของผู้เรียนเพื่อวินิจฉัยพฤติกรรมวัดผลแต่ละคนตามความเหมาะสม 21 มีทักษะการฟังและการให้ข้อมูลย้อนกลับสามารถในการฟังได้อย่างมีประสิทธิผลวิเคราะห์วัตถุประสงค์ความหมายคำพูดและเนื้อหาของผู้พูดย้ำและให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน 22 มีทักษะการมอบหมายงานสามารถมอบหมายงานหรือมอบความรับผิดชอบอำนาจหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมสำหรับผู้เรียนและคณะเพื่อสนับสนุนการทำงานที่มีประสิทธิผลของแต่ละคน ต้องการขององค์การและผู้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อกำหนดกรอบเวลาของรายวิชา 24) และต้องการแข่งดีนับถือสามารถทำให้ผู้เรียนเอาแบบอย่างซึ่งผู้เรียนจะเคารพเป็นแบบอย่างของผู้มีบารมี (เรียนรู้จากพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างและจากกระบวนการเรียนรู้) 25) มีทักษะการออกแบบการสอนสามารถพัฒนาวิธีการสอนสื่อและวัสดุการตามหลักการการออกแบบและระบบการสอนที่กำหนดเพื่อให้เนื้อหาวิชาทันสมัยและมีผลกระทบต่อผู้เรียนสูง 26) และแหล่งความรู้ในองค์การๆ สามารถรักษาสัมพันธ์การติดต่อกับผู้สอนคนอื่นนิยมในการเครือข่ายการติดต่อ (เครือข่ายที่มีอิทธิพลมีเวลามีความสามารถพิเศษและมีความทันสมัย) 27) รู้และเข้าใจโมเดลการเรียนรู้ 3 ขั้นตอนโดยสามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จาก 3 ขั้นตอน (บอก –

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลักษณะงาน1) รู้จิตวิทยาการศึกษา รู้สาเหตุของพฤติกรรมรู้ว่ามนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไรมนุษย์หาความรู้อย่างไรเจตคติทักษะต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดได้โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรม 2) สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและงานแยกแยะแนวคิด จัดลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ใหม่วิเคราะห์และสังเคราะห์ทักษะต่าง ๆ ได้ 3) รู้จักการสอนแบบสอนผู้ใหญ่และการสอนแบบสอนเด็ก มิใช่พึ่งพาซึ่งกันและกัน4) และนักบรรยายทำหน้าที่เป็นผู้กระตุ้นจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ใช้โสตทัศนูปกรณ์สนับสนุนได้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (สไลด์เครื่องฉายข้ามศีรษะฟลิปชาร์ทกระดานไวท์บอร์ดวีดีทัศน์คอมพิวเตอร์ช่วยสอนการเรียนรู้แบบโปรแกรม) 6) สอนเป็นทั้งการสอนแบบดันและการสอนแบบดึง (การสอนแบบบรรยาย) และการสอนแบบดึง เลือกใช้แต่ละวิธีการให้เหมาะสม7) ใช้กระบวนการกระตุ้น - ตอบสนอง - ข้อมูลย้อนกลับสามารถให้ข้อมูลในลักษณะมีปฏิสัมพันธ์การมีส่วนร่วมดึงให้มีการตอบสนองบ่อย ๆ จะเป็นห่วงโซ่แบบกระตุ้น - การตอบสนอง - ข้อมูลย้อนกลับได้เป็นอย่างดีทีเดียว8) สามารถใช้อุปมาอุปมัยเปรียบเทียบมีเกร็ดความรู้อธิบายกรณีศึกษาและทำเป็นแบบอย่างแสดงให้เห็นภาพรูปแบบการให้ความรู้แบบมีชีวิตชีวาเกี่ยวข้องสัมพันธ์ยกตัวอย่างที่สามารถจำได้แม่นยำ9) (ตามหลักเหตุผล - หลักจิตวิทยา - และเป็นไปตามลำดับขั้นตอน) ตรงกับความต้องการของผู้เรียน สามารถยอมรับความต้องการการเรียนรู้ค่านิยมปัญหาต่าง ๆ ให้คำปรึกษาใช้ระบบเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นคู่ ๆ หรือมอบหมายงานพิเศษให้ทำ 11) สามารถจัดสิ่งอำนวยความสะดวก ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม ๆ รวมทั้งการปฏิบัติการ ๆ (แบบฝึกหัดแบบทดสอบสถานการณ์จำลอง ๆ ) 13) สามารถวิจัยเพื่อความรู้ที่ทันสมัยสามารถติดตามเพื่อความต้องการใหม่ ๆ โดยการวิจัยหาข้อมูลใหม่ ๆ และนำผลมาใช้เป็นแบบฝึกปฏิบัติในชั้นเรียน14) ตระหนักสำนึกและรักองค์การทั้งองค์การของตนเอง บรรทัดฐานโครงสร้างวัฒนธรรมเครือข่ายอำนาจ (การเมือง) และเป้าหมายขององค์การ เชิงพฤติกรรม (มุ่งผลลัพธ์) หรือวิธีวัดผลด้วยวิธีการต่าง ๆ16) มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทั้งการดำเนินการการปฏิบัติการของกลุ่มก้าวหน้า17) มีทักษะการเขียนโดยสามารถเขียนเอกสารประกอบรายวิชาแบบทดสอบง่าย ๆ รายงานโปรแกรมและโครงการบทคัดย่อใช้ภาษาจูงใจตอบสนองความต้องการของผู้อ่าน 18) มีทักษะการนำเสนอด้วยวัจนะภาษา คือภาษาที่ไม่ใช่คำพูดว่างั้นเถอะ ใช้ภาษาดีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจนสร้างบทสนทนาบทพูดใช้ภาษามีสีสันอารมณ์ขัน มีทักษะการตั้งคำถามสามารถใช้รูปแบบของคำถามต่าง ๆ ได้อย่างดี (ทางตรงทางอ้อมแบบประเมินตนเองสะท้อนความคิด, วาทศิลป์) เพื่อดึงข้อเท็จจริงและความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย20) สามารถในการทดสอบตามเกณฑ์ เพื่อวินิจฉัยพฤติกรรมวัดผลแต่ละคนตามความเหมาะสม21) วิเคราะห์วัตถุประสงค์ความหมายคำพูดและเนื้อหาของผู้พูด มีทักษะการมอบหมายงาน เป็นแบบอย่างของผู้มีบารมี นับถือและต้องการแข่งดี มีทักษะการออกแบบการสอนสามารถพัฒนาวิธีการสอนสื่อ นิยมในการเครือข่ายการติดต่อ ๆ และแหล่งความรู้ในองค์การ (เครือข่ายที่มีอิทธิพลมีเวลามีความสามารถพิเศษและมีความทันสมัย) 27) รู้และเข้าใจโมเดลการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน 3 ขั้นตอน (บอก -

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลักษณะงาน

1 ) รู้จิตวิทยาการศึกษาหรือจิตวิทยาการเรียนรู้ของมนุษย์เรานี่ล่ะโดยสามารถเข้าใจและประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้รู้สาเหตุของพฤติกรรมรู้ว่ามนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไรมนุษย์หาความรู้อย่างไรเจตคติทักษะต่างที่สามารถถ่ายทอดได้โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรม

2 ) สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและงานแยกแยะแนวคิดและกระบวนการจัดการในการทำงานให้ง่ายขึ้นจัดลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ใหม่วิเคราะห์และสังเคราะห์ทักษะต่างจะได้

3 ) รู้จักการสอนแบบสอนผู้ใหญ่และการสอนแบบสอนเด็กมีความสามารถในการสอนแบบผู้ใหญ่สอนผู้ใหญ่ใช้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นแหล่งความรู้มากกว่าทำหน้าที่แบบพ่อแม่สอนเด็กซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมพึ่งพาผู้สอน
4 ) มีความสามารถในการเป็นผู้กระตุ้นเร่งเร้าและนักบรรยายทำหน้าที่เป็นผู้กระตุ้นจัดประสบการณ์การเรียนรู้และอำนวยความสะดวกมากกว่าผู้บรรยายที่เป็นผู้ให้ข้อมูลอย่างมาก

5 ) ใช้โสตทัศนูปกรณ์สนับสนุนได้โดยสามารถเลือกใช้โสตทัศนูปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ( สไลด์เครื่องฉายข้ามศีรษะฟลิปชาร์ทกระดานไวท์บอร์ดวีดีทัศน์คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
6 ) สอนเป็นทั้งการสอนแบบดันและการสอนแบบดึงสามารถสอนแบบดันผลักดันข้อมูลให้ผู้เรียน ( การสอนแบบบรรยาย ) และการสอนแบบดึงดึงความรู้จากผู้เรียนโดยวิธีการของโสกราตีสเลือกใช้แต่ละวิธีการให้เหมาะสม

7 ) ใช้กระบวนการกระตุ้น–ตอบสนอง–ข้อมูลย้อนกลับสามารถให้ข้อมูลในลักษณะมีปฏิสัมพันธ์การมีส่วนร่วมดึงให้มีการตอบสนองบ่อยจะวิธีการง่ายก็คือลำดับขั้นการเรียนรู้จะเป็นห่วงโซ่แบบกระตุ้นการตอบสนอง––ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

8 ) ให้หลักการแล้วยกตัวอย่างในระหว่างการสอนหรืออบรมได้สามารถใช้อุปมาอุปมัยเปรียบเทียบมีเกร็ดความรู้อธิบายกรณีศึกษาและทำเป็นแบบอย่างแสดงให้เห็นภาพรูปแบบการให้ความรู้แบบมีชีวิตชีวาเกี่ยวข้องสัมพันธ์
9 ) มีทักษะในการจัดระบบความคิดเป็นขั้นตอนของผู้เรียนรู้โดยสามารถจัดระบบความคิดสื่อเป็นไปตามลำดับได้อย่างดีที่สุด ( ตามหลักเหตุผล–หลักจิตวิทยา–และเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ) ตรงกับความต้องการของผู้เรียน
10 ) มีทักษะในการการสอนงานและการให้คำปรึกษาสามารถยอมรับความต้องการการเรียนรู้ค่านิยมปัญหาต่างจะและสนองตอบช่วยเหลือแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมให้คำปรึกษาใช้ระบบเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นคู่ไม่มี
11 ) สามารถจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถจัดสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมและดูแลความสะดวกทางกายภาพตอบสนองการเรียนรู้ของผู้รับการฝึกอบรม

12 ) สามารถที่จะบริหารจัดการกับการบันทึกต่างจะสามารถเก็บรักษาบันทึกความก้าวหน้าของผู้เรียนรวมทั้งการปฏิบัติการจัดเป็นแฟ้มอย่างเป็นระบบตลอดทั้งวัสดุการเรียนรู้ต่างไม่มี ( แบบฝึกหัดแบบทดสอบสถานการณ์จำลองไม่มี )

13 ) สามารถวิจัยเพื่อความรู้ที่ทันสมัยสามารถติดตามเพื่อความต้องการใหม่จะและโอกาสสำหรับผู้เรียนและการเปลี่ยนแปลงองค์การโดยการวิจัยหาข้อมูลใหม่จะและนำผลมาใช้เป็นแบบฝึกปฏิบัติในชั้นเรียน

14 ) ตระหนักสำนึกและรักองค์การทั้งองค์การของตนเองและองค์การของลูกค้าที่เชิญไปเป็นวิทยากรโดยสามารถตีความและแปรเปลี่ยนเนื้อหาวิชาให้ตรงกับกลยุทธ์บรรทัดฐานโครงสร้างวัฒนธรรมเครือข่ายอำนาจ ( การเมือง )เพื่อมุ่งให้บรรลุภารกิจขององค์การ

15 ) สามารถกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสมสามารถเตรียมการและสื่อความให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเข้าใจวัตถุประสงค์ของแต่ละรายวิชาได้อย่างชัดเจนเชิงพฤติกรรม ( มุ่งผลลัพธ์ )ไม่มีหรือวิธีวัดผลด้วยวิธีการต่าง

16 ) มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์สามารถใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องช่วยสอนในการดำเนินการสอนให้ผู้เรียนเกิดความก้าวหน้าทั้งปัจเจกบุคคลและกลุ่มรวมทั้งการดำเนินการการปฏิบัติการของกลุ่มก้าวหน้า

17 ) มีทักษะการเขียนโดยสามารถเขียนเอกสารประกอบรายวิชาแบบทดสอบง่ายจะรายงานโปรแกรมและโครงการบทคัดย่อใช้ภาษาจูงใจตอบสนองความต้องการของผู้อ่าน
18 ) มีทักษะการนำเสนอด้วยวัจนะภาษาความภาษาที่ไม่ใช่คำพูดว่างั้นเถอะโดยสามารถพูดได้อย่างน่าฟังสร้างความสนใจใช้ภาษาดีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจนสร้างบทสนทนาบทพูดใช้ภาษามีสีสันอารมณ์ขัน
19 ) มีทักษะการตั้งคำถามสามารถใช้รูปแบบของคำถามต่างจะได้อย่างดี ( ทางตรงทางอ้อมแบบประเมินตนเองสะท้อนความคิดวาทศิลป์เพื่อดึงข้อเท็จจริงและความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย

, )20 ) สามารถในการทดสอบตามเกณฑ์สามารถสร้างและใช้แบบทดสอบเพื่อวัดความก้าวหน้าของผู้เรียนเพื่อวินิจฉัยพฤติกรรมวัดผลแต่ละคนตามความเหมาะสม

21 ) มีทักษะการฟังและการให้ข้อมูลย้อนกลับสามารถในการฟังได้อย่างมีประสิทธิผลวิเคราะห์วัตถุประสงค์ความหมายคำพูดและเนื้อหาของผู้พูดย้ำและให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน

22 ) มีทักษะการมอบหมายงานสามารถมอบหมายงานหรือมอบความรับผิดชอบอำนาจหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมสำหรับผู้เรียนและคณะเพื่อสนับสนุนการทำงานที่มีประสิทธิผลของแต่ละคน
ต้องการขององค์การและผู้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อกำหนดกรอบเวลาของรายวิชา

24 ) เป็นแบบอย่างของผู้มีบารมีสามารถทำให้ผู้เรียนเอาแบบอย่างซึ่งผู้เรียนจะเคารพนับถือและต้องการแข่งดี ( เรียนรู้จากพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างและจากกระบวนการเรียนรู้ )

25 ) มีทักษะการออกแบบการสอนสามารถพัฒนาวิธีการสอนสื่อและวัสดุการตามหลักการการออกแบบและระบบการสอนที่กำหนดเพื่อให้เนื้อหาวิชาทันสมัยและมีผลกระทบต่อผู้เรียนสูง

26 ) นิยมในการเครือข่ายการติดต่อสามารถรักษาสัมพันธ์การติดต่อกับผู้สอนคนอื่นจะและแหล่งความรู้ในองค์การ ( เครือข่ายที่มีอิทธิพลมีเวลามีความสามารถพิเศษและมีความทันสมัย )

27 ) รู้และเข้าใจโมเดลการเรียนรู้ 3 แนะนำและอำนวยโดยสามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จาก 3 แนะนำและอำนวย ( บอกจำกัด