4. DiscussionThe main purpose of th

4. Discussion
The main purpose of the present study was to examine the predictability of the teacher trainees' academic
achievement (in this study their GPA was considered) based on their self-efficacy and metacognition scores. For this
purpose, an advanced method of statistical analysis, path analysis, was used. Moreover, the difference between
males and females' self-efficacy and metacognition was investigated.

The results of the SEM indicated that both metacognition and self-efficacy affect teacher trainees' GPA.
However, metacognition was a stronger predictor of GPA. This implies that when teachers have a high active
control over the cognitive processes engaged in their learning, they have a better performance in their learning.
However, one cannot deny the role of beliefs teachers have about their capabilities for organizing the procedures to
achieve the given goals. Therefore, when teacher trainees monitor their performance, plan for the upcoming
sessions, and control over how they think about teaching and self-regulate teaching activities with respect to
students, they have a higher GPA. And its effect is more than teacher trainees' perceived competence to deal with all
demands and challenges that are implied in their professional life.
Also, the correlational path between self-efficacy and metacognition showed that these two constructs are
positively and significantly related to each other. It is consistent with previous research (Kanfer and Ackerman,
1989) who found a positive relation between these two constructs. Therefore, the higher the self-efficacy of the
teachers, the higher is their use of metacognitive strategies. Also, we can say that when teachers have a high level of
metacognition they have a higher self-efficacy.
Moreover, the results of the t-tests showed that gender does not affect teacher trainees' self-efficacy and
metacognition. It implies that there is no significant difference between male and female teacher trainees' selfefficacy
and metacognition.

The present study has some pedagogical implications. Based on the results of path analysis, metacognition
and self-efficacy are two influential factors in teacher trainees' GPA. It implies that teacher trainers should be aware
of their students' self-efficacy and metacognition. Metacognition can be taught and many strategies can be taken to
increase teacher trainees' self-efficacy.
There were also some limitations in the present study which can be addressed in the future research. First,
only two variables of metacognition and self-efficacy were examined in the present study. Other individual
difference variables like motivation and self confidence can be investigated in the future research. Second, the
present study did not use an experimental design. Some experimental procedures can also be used for examining the
effect of training on increasing the metacognition and self-efficacy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

4. สนทนาวัตถุประสงค์หลักของการศึกษาปัจจุบันคือการ ตรวจสอบแอพพลิเคชันของผู้ฝึกครูวิชาการความสำเร็จ (ในการศึกษานี้ถือเป็นเกรดเฉลี่ยของพวกเขา) ขึ้นอยู่กับคะแนนของตนเองประสิทธิภาพและ metacognition ในการนี้ใช้วัตถุประสงค์ วิธีการขั้นสูงในการวิเคราะห์ทางสถิติ การวิเคราะห์เส้นทาง ยิ่งไปกว่านั้น ความแตกต่างระหว่างชายและหญิงของตนเองประสิทธิภาพและ metacognition ถูกตรวจสอบผลลัพธ์ของ SEM ที่ระบุว่า metacognition และประสิทธิภาพตนเองมีผลต่อเกรดเฉลี่ยของครูฝึกอย่างไรก็ตาม metacognition คือ จำนวนประตูที่แข็งแกร่งของ GPA นี้หมายถึงการที่ครูมีการใช้งานสูงควบคุมกระบวนการรับรู้ร่วมในการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพดีในการเรียนรู้อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้บทบาทของครูมีความสามารถในขั้นตอนการจัดระเบียบเกี่ยวกับความเชื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนด ดังนั้น เมื่อครูฝึกตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา วางแผนการที่เกิดขึ้นรอบเวลา และควบคุมวิธีคิดสอน และควบคุมตนเองสอนกิจกรรมกับ respectนักเรียน พวกเขาได้เกรดเฉลี่ยสูง และมีผลมากกว่าความสามารถที่รับรู้ของครูฝึกการจัดการกับทั้งหมดความต้องการและความท้าทายที่มีนัยในชีวิตมืออาชีพยัง เส้นทางระหว่างตนเองประสิทธิภาพและ metacognition correlational แสดงให้เห็นโครงสร้างเหล่านี้สองบวก และอย่างมีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแต่ละอื่น ๆ จึงสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ (Kanfer และ Ackerman1989) ที่พบความสัมพันธ์ในเชิงบวกระหว่างโครงสร้างเหล่านี้สอง ดังนั้น ยิ่งตนเองประสิทธิภาพของการครู สูงจะใช้กลยุทธ์ metacognitive ยัง เราสามารถบอกว่า เมื่อครูได้ในระดับสูงmetacognition มีประสิทธิภาพตนเองสูงนอกจากนี้ ผลของการทดสอบ t พบว่า เพศไม่มีผลกับครูฝึกของตนเองประสิทธิภาพ และmetacognition มันหมายความว่า มีความไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง selfefficacy ของครูชาย และหญิงฝึกและ metacognitionการศึกษาปัจจุบันมีนัยบางอย่างสอน ตามผลการวิเคราะห์เส้นทาง metacognitionและ 2 ปัจจัยที่มีอิทธิพลใน GPA ของครูฝึกมีประสิทธิภาพตนเอง หมายถึงการที่ครูผู้ฝึกสอนควรจะตระหนักถึงนักศึกษาของตนเองประสิทธิภาพและ metacognition สามารถสอน Metacognition และกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการทำเพิ่มครูฝึกของตนเองประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดบางประการในการศึกษาปัจจุบันที่สามารถส่งงานวิจัยในอนาคต ครั้งแรกตัวแปรเพียงสอง metacognition และประสิทธิภาพตนเองถูกตรวจสอบในการศึกษาปัจจุบัน บุคคลอื่น ๆตัวแปรความแตกต่างเช่นแรงจูงใจ และตนเองมั่นใจสามารถตรวจสอบในอนาคตงานวิจัย สอง การการศึกษาปัจจุบันไม่ได้ใช้การออกแบบการทดลอง บางขั้นตอนทดลองใช้สำหรับตรวจสอบการผลของการฝึกอบรมบนเพิ่ม metacognition และประสิทธิภาพตนเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

4.
การอภิปรายวัตถุประสงค์หลักของการศึกษาครั้งนี้คือการตรวจสอบการคาดการณ์ของนักวิชาการการฝึกอบรมครูสัมฤทธิ์ทางการ
(ในการศึกษานี้เกรดเฉลี่ยของพวกเขาได้รับการพิจารณา) ตามการรับรู้ความสามารถตนเองและคะแนนอภิปัญญาของพวกเขา สำหรับเรื่องนี้วัตถุประสงค์วิธีการขั้นสูงของการวิเคราะห์ทางสถิติการวิเคราะห์เส้นทางที่ถูกนำมาใช้
นอกจากนี้ความแตกต่างระหว่างเพศชายและหญิง 'ตัวเองประสิทธิภาพและอภิปัญญาถูกตรวจสอบ. ผลของการ SEM แสดงให้เห็นว่าทั้งสองอภิปัญญาและความรู้ความสามารถส่งผลกระทบต่อการฝึกอบรมครูเกรดเฉลี่ย. แต่อภิปัญญาเป็นปัจจัยบ่งชี้ที่แข็งแกร่งของเกรดเฉลี่ย นี่ก็หมายความว่าเมื่อครูมีการใช้งานสูงควบคุมกระบวนการทางปัญญามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของพวกเขาพวกเขามีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการเรียนรู้ของพวกเขา. แต่หนึ่งไม่สามารถปฏิเสธบทบาทของครูผู้สอนความเชื่อเกี่ยวกับความสามารถของพวกเขาสำหรับการจัดระเบียบวิธีการที่จะประสบความสำเร็จที่ได้รับเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อการฝึกอบรมครูในการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานสำหรับแผนของพวกเขาที่จะเกิดขึ้นการประชุมและควบคุมวิธีที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนและตนเองควบคุมกิจกรรมการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับนักเรียนที่พวกเขามีเกรดเฉลี่ยที่สูงขึ้น และผลของมันเป็นมากกว่าการฝึกอบรมครูการรับรู้ความสามารถที่จะจัดการกับทุกความต้องการและความท้าทายที่มีนัยในชีวิตมืออาชีพของพวกเขา. นอกจากนี้เส้นทางการหาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถตนเองและอภิปัญญาแสดงให้เห็นว่าทั้งสองโครงสร้างที่มีการความสัมพันธ์ทางบวกกับแต่ละอื่น ๆ . มันมีความสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้า (Kanfer และ Ackerman, 1989) ที่พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างทั้งสองสร้าง ดังนั้นที่สูงกว่าการรับรู้ความสามารถตนเองของครูผู้สอนที่สูงกว่าของพวกเขาคือการใช้กลยุทธ์อภิปัญญา นอกจากนี้เราสามารถพูดได้ว่าเมื่อครูมีระดับสูงของอภิปัญญาพวกเขามีประสิทธิภาพสูงกว่าตัวเอง. นอกจากนี้ผลของเสื้อทดสอบแสดงให้เห็นว่าเพศไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ความสามารถตนเองรับการฝึกอบรมครูและอภิปัญญา มันแสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างชายและการฝึกอบรมครูหญิงรู้ความสามารถและอภิปัญญา. การศึกษาครั้งนี้มีผลกระทบต่อการเรียนการสอนบางส่วน ขึ้นอยู่กับผลของการวิเคราะห์เส้นทางอภิปัญญาและการรับรู้ความสามารถตนเองเป็นสองปัจจัยที่มีอิทธิพลในการฝึกอบรมเกรดเฉลี่ยของครู มันแสดงให้เห็นว่าการฝึกอบรมครูควรตระหนักของนักเรียน 'รับรู้ความสามารถของตนเองและอภิปัญญา อภิปัญญาสามารถสอนและกลยุทธ์จำนวนมากสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในตัวเองรับการฝึกอบรมครู. นอกจากนั้นยังมีข้อ จำกัด บางอย่างในการศึกษาในปัจจุบันที่สามารถได้รับการแก้ไขในการวิจัยในอนาคต ครั้งแรกเพียงสองตัวแปรอภิปัญญาและการรับรู้ความสามารถตนเองได้รับการตรวจสอบในการศึกษาปัจจุบัน ของแต่ละบุคคลอื่น ๆตัวแปรที่แตกต่างกันเช่นแรงจูงใจและความมั่นใจในตนเองสามารถตรวจสอบในการวิจัยในอนาคต ประการที่สองการศึกษาครั้งนี้ไม่ใช้การออกแบบการทดลอง บางขั้นตอนการทดลองนอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้สำหรับการตรวจสอบผลของการฝึกอบรมเกี่ยวกับการเพิ่มอภิปัญญาและการรับรู้ความสามารถตนเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

4 . การอภิปราย
วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาครั้งนี้ เพื่อศึกษาความสามารถในการทำนายของครูผู้เข้ารับการอบรมทางวิชาการ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ( ในการศึกษาเกรดเฉลี่ยของพวกเขาคือการพิจารณา ) ตามความสามารถและคะแนนการประเมินผล สำหรับวัตถุประสงค์นี้
, ขั้นสูงโดยใช้สถิติการวิเคราะห์เส้นทาง , ใช้ นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่าง
ชายและหญิง ' การรับรู้ความสามารถของตนเองและการสอบสวน .

ผลของ SEM พบว่าทั้งสองแบบและการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อผู้เข้ารับการอบรมครู GPA .
แต่แบบเป็น Predictor แข็งแกร่งของเกรดเฉลี่ยสะสม นอกจากนี้ เมื่อครูมีสูงปราดเปรียว
ควบคุมกระบวนการการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของพวกเขา พวกเขาจะมีประสิทธิภาพดีกว่า
ในการเรียนรู้ของตนเองอย่างไรก็ตาม , หนึ่งไม่สามารถปฏิเสธบทบาทของครูมีคติความเชื่อเกี่ยวกับความสามารถของตนเพื่อการจัดกระบวนการเพื่อ
บรรลุตามเป้าหมายที่ได้รับ ดังนั้น เมื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมครูตรวจสอบประสิทธิภาพของพวกเขา วางแผนสำหรับการประชุมที่จะเกิดขึ้น
, และควบคุมวิธีการที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับการสอนด้วยตนเอง และควบคุมกิจกรรมการสอนด้วยความเคารพ
นักศึกษามีเกรดเฉลี่ยที่สูงขึ้นและผลกระทบมากกว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมครูการรับรู้ความสามารถที่จะจัดการกับความต้องการและความท้าทายที่

) ในชีวิตของพวกเขา นอกจากนี้ เส้นทางสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถของตนเองและการประเมินผล พบว่า ทั้งสองมี
สร้างสัมพันธ์กับแต่ละอื่น ๆ มันสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ และ แอคเคอร์แมน ( kanfer
,1989 ) ที่พบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างเหล่านี้สองโครงสร้าง . ดังนั้น การรับรู้ความสามารถของตนเองสูงกว่า
ครู ยิ่งมีการใช้กลวิธีเมตาคอคนิชัน นอกจากนี้เรายังสามารถพูดได้ว่า เมื่อครูได้ในระดับสูงของการมีสมรรถนะสูงกว่า
.
และผลลัพธ์ของแบบ พบว่า เพศไม่มีผลต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความสามารถ
ครูการประเมินผล มันแสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างชายและหญิง เข้ารับการฝึกอบรมครู selfefficacy

และการประเมินผล การศึกษามีการผล . จากผลของการวิเคราะห์เส้นทางแบบ
แรงเป็นสองปัจจัยที่มี อิทธิพลในการฝึกอบรมครู เกรดเฉลี่ยสะสม มันหมายถึงว่า ครูผู้ฝึกสอนควรจะทราบ
การรับรู้สมรรถนะในตนเองของนักเรียน และการประเมินผล อภิปัญญา สามารถสอนและกลยุทธ์มากมายที่สามารถนำมาเพื่อเพิ่มความสามารถของผู้รับการฝึกครู
.
ยังมีข้อจำกัดในการวิจัยซึ่งสามารถ addressed ในการวิจัยในอนาคต ครั้งแรกเพียงสองตัวแปรแบบ
แรงตรวจสอบในการศึกษาปัจจุบัน
บุคคลอื่น ๆ