เมื่อมีเกาะร้าง ก็มักจะตามมาด้วยบรรยากาศวังเวง และเรื่องราวลึกลับต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอาถรรพ์ลึกลับ มันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว และหนึ่งเกาะร้างสุดหลอนที่ว่านี้ คือ ฮาชิมะ
ในอดีตเคยรุ่งเรื่องมาก่อน และได้รับชื่อว่า Battleship Island
มีความโดดเด่นเรื่องทรัพยากรถ่านหิน บริษัทมิตซูบิชิ ได้นำกำลังพลพนักงานเข้าไปทำอุตสาหกรรมถ่านหินบนเกาะนี้ ทางบริษัทสร้างที่พักอย่างมีมาตรฐานให้กับพนักงาน เรียกว่า เกาะนี้เจริญมากๆ ในช่วงปี ค.ศ. 1887-1974 กรรมสิทธิ์ของเกาะแห่งนี้ เป็นของบริษัทมิตซูบิชิทางบริษัทลงทุนซื้อเกาะไว้ทั้งหมด ก่อนที่ความนิยมในการใช้ถ่านหินจะน้อยลง เนื่องจากมีการใช้น้ำมันเข้ามาทดแทน
บนเกาะมีครบทุกอย่างที่เมืองใหญ่มี แต่ว่าเมื่อถึงเวลาถ่านหินหมดความนิยมไป ทำไปทำมา มีทีท่าว่าไม่มีกำไร มิตซูบิชิก็จำต้องเลิกกิจการ เมื่อบนเกาะไม่มีงาน ประชาชนก็ต่างเริ่มทยอยออกไปทีละกลุ่มจนหมดเกาะ ทิ้งไว้เพียงอาคาร รกร้าง ว่างเปล่า นานวันผ่านไปต้นไม้ ต้นหญ้าก็รกครึ้ม เสียงที่ทำให้เกาะนี้ไม่เงียบจนเกินไปก็มีเพียงเสียงคลื่นซัดฝั่ง เสียงลมหวีดหวิว เสียงนกกาและสัตว์เล็กๆ น้อยๆ บนเกาะ ความเงียบวังเวงเปลี่ยนชื่อเกาะนี้ให้กลายเป็น “เกาะผี”
ค.ศ. 2003 เกาะฮาชิมะ ได้รับเลือกให้เป็นlocationในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Battle Royale ทั้งทีมงาน และดารานักแสดงต่างสัมผัสได้ถึงความลี้ลับต่างๆ
และเกาะแห่งนี้ยังเป็นเหมือนกับสถานที่คุมขังนักโทษด้วยเช่นกัน เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่น ได้เกณฑ์แรงงานชาวจีนและเกาหลีใต้ ที่เป็นจำเลยในช่วงสงครามโลก มาทำงานในเหมืองถ่านหิน ทำให้ในสายตาของชาวจีนและเกาหลีใต้ มอง เกาะฮาชิมะ เป็นเหมือนกับสถานที่ที่ทำให้พวกเขาพบกับฝันร้าย แต่ในปัจจุบัน ทางการญี่ปุ่นพยายามที่จะผลักดันให้ เกาะฮาชิมะ เป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องไปยังองค์การยูเนสโก แต่กลับถูกทางการเกาหลีใต้คัดค้าน เพราะมองว่าเกาะฮาชิมะ คือ บาดแผลสงครามที่ยังหลงเหลืออยู่
เกาะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เกาะฮาชิมะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเมื่อ 4 ปีก่อน แต่จนถึงตอนนี้ มีนักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวสุดเวิ้งว้าง บรรยากาศหลอนแห่งนี้ เพราะทางการญี่ปุ่นจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้แต่ละปีมีผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาเที่ยวที่นี่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น