MilitarismMilitarism denoted a rise

Militarism
Militarism denoted a rise in military expenditure, an increase in military and naval forces, more influence of the military men upon the policies of the civilian government, and a preference for force as a solution to problems. Militarism was one of the main causes of the First World War.
Increase in military control of the civilian government
After 1907, there was an increase in military influence on policy making. This could be reflected particularly in Germany and Russia. The German Army at this period was called a "State within the State". The parliament and the politicians had to follow the General Staff. They had no say in the army's design to preserve the Fatherland. Even though the Schlieffen Plan would incur the anger of Great Britain and bring the latter into a war, it was accepted by the German civilian government as the war plan. In 1914, the Russian generals were also able to force the Czar to accept full mobilization. They threatened him with the danger of defeat if he acted contrarily.
Arms race
After 1871, the war atmosphere engendered by the secret alliances led to an armaments race among the powers. The race was particularly serious between 1900 and 1914, as the international situation became much worse than before. There was a significant rise in the army and naval estimates of the European powers in these years.
Rise in Military Expenditure
The Total Defence Expenditure of the Powers (in million £ )
(Germany, Austria-Hungary, Italy, Britain, France and Russia)
1870
1880
1890
1900
1910
1914
94
130
154
268
289
398
It is also important to take notice of the fact that from 1910 to 1914, while France increased her defence expenditure by 10%, Britain by 13%, Russia by 39%, and Germany was the most militaristic as she increased by 73%. Increased war expenditure enabled all the powers to raise more armies and improve their battleships.
Military Rivalry
Army conscription
All the Continental European powers had adopted the conscription system since 1870. France had conscription since the Revolutionary Wars, Austria-Hungary since 1868, Germany since 1870, Italy since 1873 and Russia since 1874. Only Britain did not have conscription. After 1890, the deteriorating diplomatic relations among the powers accelerated their military expansion programme.
From 1913 to July 1914, Germany increased her standing forces by 170,000 men. France lengthened her period of military service from two to three years. Russia lengthened her term of service from three to three and a half years. Britain did not introduce conscription but had prepared her armed forces for both European expedition and for home defence. In general, all the powers increased their stocks of arms, produced more modern weapons of war and built more strategic railways.
Naval Race Between Germany and Britain
Britain and Germany were the chief rivals at sea. Under Admiral Tirpitz, State Secretary of the Imperial Naval Office from 1897, a long-term shipbuilding programme began. The German Navy Law of 1898 increased the German battleships from nine cruisers to twelve. In 1900 Germany passed a Navy Law which doubled the German battle fleet.
In the meantime, Britain produced her first Dreadnought (literally, the word means fear nothing). Dreadnoughts were large, fast and heavily armed battleships with 12inch guns. They set a new standard in naval armaments and rendered all previous battleships obsolete. The naval race became intense. Between 1909 and 1911 Germany built nine Dreadnoughts while Britain completed 18 Dreadnoughts. In 1913, Germany widened the Kiel Canal to allow the easy passage of her Dreadnoughts from the Baltic to the North Sea while Britain built new naval bases for the Dreadnoughts in northern Scotland.
Effects
Increased military and naval rivalry led not only to the belief that war was coming (The German ruling group felt that only through a war could Germany become a world power. Military preparations strengthened this belief.) and increase in military control of the civilian government (particularly in Germany and Russia) also increased cooperation among the military staff of the countries of the same camp. For example, all the three Entente powers held secret military talks. The British and the French naval authorities agreed that the French navy should be concentrated in the Mediterranean and the British in the North Sea. Germany and Austria also had military agreements. When the First World War was fought, it was to be fought by all powers because they had made the military plan cooperatively.
As a result of the armaments race, all the European powers were prepared for a war by 1914.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทหารทหารแทนการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายทางทหาร การเพิ่มขึ้นของกองกำลังทหาร และกองทัพเรือ อิทธิพลเพิ่มเติมของชายชาติทหารเมื่อนโยบายของรัฐบาลพลเรือน และมีความต้องการแรงเป็นวิธีการแก้ปัญหา ทหารเป็นสาเหตุหลักของสงครามโลกอย่างใดอย่างหนึ่งเพิ่มการควบคุมทหารของรัฐบาลพลเรือนหลังจาก 1907 ได้เพิ่มขึ้นในอิทธิพลทหารทำนโยบาย นี้อาจมีผลโดยเฉพาะในเยอรมนีและรัสเซีย กองทัพเยอรมันช่วงนี้ถูกเรียกว่าเป็น "รัฐภายในรัฐ" รัฐสภาและนักการเมืองก็ตามพนักงานทั่วไป พวกเขามีคำพูดในการออกแบบของกองทัพเพื่อรักษามาตุภูมิ แม้ว่าแผน Schlieffen จะมีค่าความโกรธของสหราชอาณาจักร และให้หลังสงคราม ก็ยอมรับ โดยรัฐบาลพลเรือนเยอรมันตามแผนการสงคราม ในปี 1914 นายพลรัสเซียก็ยังสามารถบังคับจักรพรรดิรับระดมเต็ม พวกเขาถูกคุกคามเขา ด้วยอันตรายของความพ่ายแพ้ถ้าเขาดำเนินการอาวุธหลังจาก 1871 บรรยากาศสงครามตาจากพันธมิตรลับนำไปสู่การแข่งขันอาวุธในหมู่อำนาจ การแข่งขันเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่งระหว่าง 1900 และ 1914 ขณะที่สถานการณ์กลายเป็นมากยิ่งกว่าก่อน กองทัพบกและทัพเรือประมาณการของอำนาจในยุโรปในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญได้ขึ้นในบล็อกรวมค่าใช้จ่ายป้องกันของอำนาจ (ในล้านปอนด์)(เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย)ค.ศ. 18701880189019001910191494130154268289398เป็นสิ่งที่สำคัญของความจริงที่ว่า จากปี 1910 ถึง 1914 ในขณะที่ฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นรายจ่ายเธอป้องกัน 10% สหราชอาณาจักร โดย 13%, 39% รัสเซีย และเยอรมนีเป็นที่รู้จักมากที่สุดเป็น เธอเพิ่มขึ้น 73% รายจ่ายเพิ่มขึ้นสงครามเปิดใช้อำนาจทั้งหมดเพื่อยกกองทัพเพิ่มเติม และปรับปรุงเรือรบของพวกเขาทหารแข่งขันการเกณฑ์ทหารของกองทัพอำนาจยุโรปทวีปทั้งหมดได้นำระบบการเกณฑ์ทหารตั้งแต่ค.ศ. 1870 ฝรั่งเศสมีการเกณฑ์ทหารตั้งแต่ สงครามปฏิวัติ ออสเตรีย-ฮังการีตั้งแต่ปี 1868 ประเทศเยอรมนีตั้งแต่ค.ศ. 1870 อิตาลีตั้งแต่ 1873 และรัสเซียตั้งแต่ 1874 สหราชอาณาจักรเท่านั้นไม่ได้มีการเกณฑ์ทหาร หลังจาก 1890 สัมพันธ์เสื่อมในหมู่อำนาจเร่งโครงการขยายทางทหารของพวกเขาจาก 1913 ถึง 1914 กรกฎาคม เยอรมนีเพิ่มกองกำลังของเธอยืน โดย 170,000 คน ฝรั่งเศสขยายระยะของเธอของทหารจากสองถึงสามปีเช่นเดิม รัสเซียขยายเช่นเดิมเธอดำรงจากสามถึงสาม และครึ่งปี สหราชอาณาจักรได้แนะนำเกณฑ์ทหาร แต่ได้เตรียมกองทัพของเธอ สำหรับสำรวจทั้งในยุโรป และ การป้องกันบ้าน ทั่วไป อำนาจทั้งหมดเพิ่มขึ้นคลังของแขน ผลิตอาวุธสงครามที่ทันสมัยมากขึ้น และสร้างทางรถไฟยุทธศาสตร์เพิ่มเติมการแข่งเรือระหว่างเยอรมนีและสหราชอาณาจักรและเยอรมนีถูกคู่แข่งประธานในทะเล ภายใต้พลเรือ Tirpitz เลขานุการรัฐสำนักงานเรืออิมพีเรียลจาก 1897 โครงการต่อเรือระยะยาวเริ่มต้น กฎหมายกองทัพเรือเยอรมัน 1898 เพิ่มเรือประจัญบานเยอรมันจากเรือลาดตะเวณเก้ากับสิบสอง ใน 1900 เยอรมนีผ่านกฎหมายกองทัพเรือซึ่งกองเรือรบเยอรมันเป็นสองเท่าในระหว่างนี้ สหราชอาณาจักรผลิตตามจต์ครั้งแรกของเธอ (อักษร คำแปลว่า กลัวอะไร) Dreadnoughts มีขนาดใหญ่ รวดเร็ว และหนักอาวุธเรือรบ ด้วยปืน 12 นิ้ว พวกเขาตั้งมาตรฐานใหม่ในเรืออาวุธ และแสดงเรือรบก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่ล้าสมัย การแข่งขันเรือกลายเป็นรุนแรง ระหว่างปี 1909 และ 1911 เยอรมนีสร้างเก้า Dreadnoughts ในขณะที่สหราชอาณาจักรเสร็จ 18 Dreadnoughts ในปี 1913 เยอรมนีถึงเวลาให้เนื้อเรื่องง่ายของเธอ Dreadnoughts จากทะเลบอลติกกับทะเลเหนือในขณะที่สหราชอาณาจักรสร้างฐานทัพเรือใหม่สำหรับ Dreadnoughts ในสกอตแลนด์เหนือคลองคีลผลทหาร และกองทัพเรือไม่เพียงแต่ให้ความเชื่อว่า สงครามกำลังแข่งขันที่เพิ่มขึ้น (กลุ่มปกครองเยอรมันรู้สึกว่า เพียงผ่านสงคราม เยอรมนีอาจกลายเป็น พลังงานโลก เตรียมทหารเข้มแข็งความเชื่อนี้) และเพิ่มความร่วมมือควบคุมทหารของรัฐบาลพลเรือน (โดยเฉพาะในเยอรมนีและรัสเซีย) เพิ่มขึ้นในหมู่พนักงานทหารของประเทศของค่ายเดียวกัน ตัวอย่างเช่น สามอองตองอำนาจทั้งหมดจัดเจรจาลับทางทหาร เจ้าหน้าที่กองทัพเรือฝรั่งเศสและอังกฤษยอมรับว่า กองทัพเรือฝรั่งเศสควรเข้มข้นในอังกฤษในทะเลเหนือและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประเทศเยอรมนีและออสเตรียยังมีสัญญาทางทหาร เมื่อสงครามโลกถูกต่อสู้ มันเป็นการต่อสู้ โดยอำนาจทั้งหมดเนื่องจากพวกเขาได้ทำแผนการทหารร่วมกันผลการแข่งขันอาวุธ อำนาจยุโรปทั้งหมดถูกเตรียมไว้สำหรับทำสงคราม โดย 1914

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทหาร
ทหารแสดงการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการทหาร, การเพิ่มขึ้นของทหารและกองทัพเรือที่มีอิทธิพลมากขึ้นของทหารเมื่อนโยบายของรัฐบาลพลเรือนและการตั้งค่าสำหรับแรงแก้ปัญหาได้ ทหารเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง.
เพิ่มขึ้นในการควบคุมของทหารของรัฐบาลพลเรือน
หลังจากปี 1907 มีการเพิ่มขึ้นในอิทธิพลทางทหารในการกำหนดนโยบาย นี้อาจจะสะท้อนให้เห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเยอรมนีและรัสเซีย กองทัพเยอรมันในช่วงเวลานี้ที่เรียกว่า "รัฐภายในรัฐ" รัฐสภาและนักการเมืองก็ต้องทำตามพนักงานทั่วไป พวกเขาไม่มีการพูดในการออกแบบของกองทัพเพื่อรักษามาตุภูมิ แม้ว่า Schlieffen แผนจะก่อให้เกิดความโกรธของสหราชอาณาจักรและนำหลังเข้าสู่สงครามที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลพลเรือนเยอรมันแผนสงคราม ในปี 1914 นายพลรัสเซียก็มีความสามารถที่จะบังคับให้จักรพรรดิที่จะยอมรับการชุมนุมอย่างเต็มรูปแบบ เขาขู่เขาด้วยอันตรายของความพ่ายแพ้ถ้าเขาทำหน้าที่ตรงกันข้าม.
แข่งแขน
หลังจากปี 1871 บรรยากาศสงครามที่พรั่งพรูออกมาจากพันธมิตรลับนำไปสู่การแข่งขันในหมู่มวลชนอำนาจ การแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่าง 1,900 และ 1,914 ขณะที่สถานการณ์ระหว่างประเทศกลายเป็นมากยิ่งกว่าก่อน มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกองทัพบกและกองทัพเรือประมาณการของอำนาจของยุโรปในปีนี้คือ.
เพิ่มขึ้นในการใช้จ่ายทางทหาร
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดกลาโหมของผู้มีอำนาจ (ล้าน£)
(เยอรมนี, ออสเตรีย, ฮังการี, อิตาลี, อังกฤษ, ฝรั่งเศสและรัสเซีย)
ปี 1870
1880
ปี 1890
1900
ปี 1910
ปี 1914
94
130
154
268
289
398
นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะแจ้งให้ทราบความจริงที่ว่า 1910-1914 ในขณะที่ฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายในการป้องกันของเธอโดย 10% อังกฤษ 13% รัสเซีย 39% และเยอรมนี เป็นทหารมากที่สุดในขณะที่เธอเพิ่มขึ้น 73% ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสงครามเปิดการใช้อำนาจทั้งหมดจะยกกองทัพมากขึ้นและปรับปรุงเรือรบของพวกเขา.
ทหารตีเสมอ
กองทัพทหาร
ทั้งหมดอำนาจทวีปยุโรปได้นำระบบการเกณฑ์ทหารตั้งแต่ 1870 ฝรั่งเศสมีทหารนับตั้งแต่สงครามปฏิวัติออสเตรียฮังการีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1868 ประเทศเยอรมนีตั้งแต่ปี 1870 อิตาลีตั้งแต่ปี 1873 และรัสเซียตั้งแต่ปี 1874 สหราชอาณาจักรเท่านั้นไม่ได้มีการเกณฑ์ทหาร หลังจากที่ 1890 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นความสัมพันธ์ทางการทูตในหมู่อำนาจเร่งโปรแกรมการขยายตัวทางทหาร.
จาก 1913 ถึงเดือนกรกฎาคม 1914 เยอรมนีเพิ่มขึ้นกองกำลังยืนของเธอโดย 170,000 คน ฝรั่งเศสยาวระยะเวลาของการรับราชการทหารของเธอ 2-3 ปีที่ผ่านมา รัสเซียยาวระยะของเธอในการให้บริการจากสามถึงสามปีและครึ่งหนึ่ง สหราชอาณาจักรไม่ได้นำทหาร แต่ได้เตรียมกองกำลังติดอาวุธของเธอสำหรับการเดินทางทั้งในยุโรปและสำหรับการป้องกันบ้าน โดยทั่วไปแล้วอำนาจทั้งหมดเพิ่มขึ้นหุ้นของพวกเขาแขนผลิตอาวุธที่ทันสมัยมากขึ้นของสงครามและการสร้างทางรถไฟเชิงกลยุทธ์มากขึ้น.
แข่งเรือระหว่างเยอรมนีและสหราชอาณาจักร
อังกฤษและเยอรมนีเป็นคู่แข่งหัวหน้าในทะเล ภายใต้พลเรือเอก Tirpitz, เลขานุการรัฐของสำนักงานทหารเรือจากอิมพีเรียล 1897 โปรแกรมการต่อเรือในระยะยาวเริ่ม กฎหมายกองทัพเรือเยอรมัน 1898 เพิ่มขึ้นจากเรือรบเยอรมันเก้าคันสิบสอง ในปี 1900 เยอรมนีผ่านกฎหมายกองทัพเรือซึ่งเป็นคู่รบเยอรมันอย่างรวดเร็ว.
ในขณะที่สหราชอาณาจักรผลิตจต์ครั้งแรกของเธอ (ตัวอักษรคำว่าหมายถึงอะไรกลัว) dreadnoughts มีขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและเรือรบด้วยปืน 12inch อาวุธหนัก พวกเขาตั้งมาตรฐานใหม่ในอาวุธยุทโธปกรณ์เรือและเรือรบแสดงผลก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้าสมัย การแข่งขันเรือกลายเป็นความรุนแรง ระหว่าง 1909 และ 1911 เยอรมนีสร้างเก้า Dreadnoughts ขณะที่สหราชอาณาจักรแล้วเสร็จ 18 Dreadnoughts ในปี 1913 เยอรมนีกว้างคลองคีลเพื่อให้เดินง่าย Dreadnoughts เธอจากทะเลบอลติกไปเหนือทะเลในขณะที่สหราชอาณาจักรสร้างฐานทัพเรือใหม่สำหรับ Dreadnoughts ในภาคเหนือของสกอตแลนด์.
ผลกระทบ
เพิ่มทหารและการแข่งขันเรือนำไม่เพียง แต่เพื่อความเชื่อที่ว่าสงคราม ได้มา (กลุ่มปกครองเยอรมันรู้สึกว่าเพียงผ่านสงครามเยอรมนีอาจจะกลายเป็นพลังงานโลก. เตรียมการทหารมีความเข้มแข็งความเชื่อนี้.) และเพิ่มขึ้นในการควบคุมของทหารของรัฐบาลพลเรือน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเยอรมนีและรัสเซีย) ความร่วมมือยังเพิ่มขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ทหาร ของประเทศในค่ายเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นทั้งสามอำนาจตกลงเจรจาลับทางทหาร อังกฤษและเจ้าหน้าที่กองทัพเรือฝรั่งเศสเห็นพ้องกันว่ากองทัพเรือฝรั่งเศสควรจะกระจุกตัวอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอังกฤษในทะเลเหนือ เยอรมนีและออสเตรียยังมีข้อตกลงทางทหาร เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งคือการต่อสู้มันก็จะต่อสู้โดยอำนาจทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาได้ทำแผนความร่วมมือทางทหาร.
อันเป็นผลมาจากการแข่งขันอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอำนาจยุโรปกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสงคราม 1914

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทหารทหารแสดงเพิ่มขึ้นในค่าใช้จ่ายทางทหาร การเพิ่มกองกำลังทหารเรือและทหารมากขึ้น อิทธิพลของทหารต่อนโยบายของรัฐบาลพลเรือน และการบังคับ เช่น การแก้ไขปัญหา ทหารเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพิ่มการควบคุมทหารของรัฐบาลพลเรือนหลังจาก ค.ศ. 1907 มีเพิ่มขึ้นในอำนาจทางทหารในนโยบาย นี้อาจจะสะท้อนให้เห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยอรมนีและรัสเซีย กองทัพเยอรมันในช่วงเวลานี้ถูกเรียกว่า " รัฐภายในรัฐ " รัฐสภาและนักการเมืองต้องปฏิบัติตามพนักงานทั่วไป พวกเขาไม่เคยพูดในกองทัพออกแบบเพื่อปกป้องมาตุภูมิ . แม้ว่าแผน schlieffen จะทำให้ความโกรธของสหราชอาณาจักรและนำหลังเข้าสู่สงคราม มันได้รับการยอมรับโดยรัฐบาลพลเรือนที่ เยอรมัน เป็นแผนสงคราม ในปี 1914 , นายพลรัสเซียยังสามารถบังคับให้จักรพรรดิยอมรับเต็มระดม . พวกเขาข่มขู่เขาด้วยอันตรายของความพ่ายแพ้ ถ้าเขาแสดงอุปสงค์ .การแข่งขันอาวุธหลังจากเห็น สงครามบรรยากาศ engendered โดยพันธมิตรลับนำไปสู่การแข่งขันอาวุธยุทโธปกรณ์ของพลัง การแข่งขันเป็นเรื่องร้ายแรงระหว่าง 1900 และ 2457 เป็นสถานการณ์ระหว่างประเทศก็แย่กว่าเดิม มีการเพิ่มขึ้นที่สำคัญในกองทัพและประมาณการของเรืออำนาจยุโรปในปีนี้เพิ่มขึ้นในค่าใช้จ่ายทางทหารรวมการป้องกันค่าใช้จ่ายของพลัง ( ล้านกว่า )( เยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี อิตาลี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซีย )18701880189019001910191494130154268289398นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะสังเกตุว่าจาก 1910 2457 ขณะที่ฝรั่งเศสเพิ่มการป้องกันค่าใช้จ่ายของเธอโดย 10% , อังกฤษ โดย 13% , รัสเซีย โดย 39 เปอร์เซ็นต์ เยอรมนีเป็นทหารมากที่สุดขณะที่เธอเพิ่มขึ้น 73% สงครามการใช้พลังทั้งหมดเพิ่มขึ้นเพื่อยกกองทัพมากขึ้น และปรับปรุงเรือประจัญบานของการแข่งขันทางทหารกองทัพทหารทุกทวีปยุโรปอำนาจได้ใช้ระบบการเกณฑ์ทหารเนื่องจาก 1870 ฝรั่งเศสมีการเกณฑ์ทหารเนื่องจากสงครามปฏิวัติ ออสเตรีย ฮังการี ตั้งแต่ปี 1868 , เยอรมนีตั้งแต่ 1870 , อิตาลีตั้งแต่ 1873 และรัสเซียตั้งแต่ 1874 . มีแต่อังกฤษไม่มีการเกณฑ์ทหาร หลังจากปี 1890 ที่เสื่อมสภาพความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างพลังเร่งของการขยายตัวทางทหาร )จาก 2456 ถึงกรกฎาคม 1914 เยอรมนีเพิ่มขึ้นบังคับเธอยืนอยู่โดย 170 , 000 คน ฝรั่งเศสยืดระยะเวลาของการรับราชการทหารจากสองถึงสามปี รัสเซียยืดของเธอในระยะของบริการจากสามถึงสามปีครึ่ง อังกฤษไม่แนะนำการเกณฑ์ทหาร แต่ได้เตรียมกองกำลังของเธอทั้งยุโรปเร่งป้องกันบ้าน โดยทั่วไปแล้ว อำนาจทั้งหมดของหุ้นที่เพิ่มขึ้นของแขนที่ทันสมัยอาวุธของสงครามและสร้างยุทธศาสตร์มากขึ้นรถไฟการแข่งขันทางทะเลระหว่างเยอรมนีและอังกฤษอังกฤษและเยอรมนีมีหัวหน้าคู่แข่งในทะเล ภายใต้นายพลเทอร์ปิทซ , รัฐเลขานุการสำนักงานทหารเรือหลวงจาก 1897 โครงการต่อเรือในระยะเริ่มต้น กองทัพเรือเยอรมันกฎหมาย 1898 เพิ่มขึ้นเรือรบเยอรมันจากเก้าคันถึงสิบสอง ในปี 1900 เยอรมนีผ่านกฎหมายซึ่งเป็นสองเท่า กองเรือยุทธการ กองทัพเรือเยอรมันขณะเดียวกัน อังกฤษผลิตเดรดนอตครั้งแรกของเธอ ( หมาย หมายถึงกลัวอะไร ) dreadnoughts มีขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและมี 12inch เรือรบติดอาวุธปืน พวกเขาตั้งค่ามาตรฐานใหม่ในเรือและเรือรบอาวุธยุทธภัณฑ์ให้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่ล้าสมัย การแข่งขันเรือกลายเป็นรุนแรง และระหว่าง 1909 1911 เยอรมนีสร้างเก้า dreadnoughts ในขณะที่อังกฤษเสร็จ 18 dreadnoughts . ในปี 1913 , เยอรมันกว้างคลองคีลเพื่อให้ผ่านง่าย dreadnoughts ของเธอจากทะเลบอลติกกับทะเลเหนือ ในขณะที่อังกฤษสร้างฐานทัพเรือใหม่สำหรับ dreadnoughts ในภาคเหนือของสกอตแลนด์ผลเพิ่มทหารและทหารเรือตีเสมอ LED ไม่เพียงความเชื่อว่า สงครามมา ( กลุ่มปกครองเยอรมัน รู้สึกว่าต้องผ่านสงครามเยอรมนีกลายเป็นพลังงานโลก การเตรียมทหารเสริมกำลังความเชื่อนี้ และเพิ่มการควบคุมทหารของรัฐบาลพลเรือน ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยอรมนี และรัสเซีย ) ยังเพิ่มความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารของประเทศในค่ายเดียวกัน ตัวอย่างเช่นทั้งหมดสามความสัมพันธ์อำนาจการเจรจาลับทางทหาร อังกฤษและฝรั่งเศสกองทัพเรือเจ้าหน้าที่ตกลงที่กองทัพเรือฝรั่งเศสควรจะเข้มข้นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอังกฤษในทะเลเหนือ เยอรมนีและออสเตรียยังมีข้อตกลงทางทหาร เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสู้ ก็จะสู้ด้วยพลังทั้งหมด เพราะพวกเขาได้สร้างแผนทางทหารร่วมกัน .ผลของอาวุธยุทโธปกรณ์เชื้อชาติยุโรปทั้งหมดพลังเตรียมทำสงครามโดย 1914 .