Casagrande views cities as complex

Casagrande views cities as complex energy organisms in which different overlapping layers of energy flows are determining the actions of the citizens as well as the development of the city. By mixing environmentalism and urban design Casagrande is developing methods of punctual manipulation of the urban energy flows in order to create an ecologically sustainable urban development towards the so-called 3rd Generation City (post industrial city).[14]

Casagrande utilized the tenets of acupuncture: treat the points of blockage and let relief ripple throughout the body. More immediate and sensitive to community needs than traditional institutional forms of large scale urban renewal interventions would not only respond to localized needs, but do so with a knowledge of how city-wide systems operated and converged at that single node. Release pressure at strategic points, release pressure for the whole city. [15]

The theory of the Third Generation City views the post industrial urban condition as a machine ruined by nature including human nature and architects as design shamans merely interpreting what the bigger nature of the shared mind is transmitting.[16] This organic machine is kept alive through continuous and spontaneous ruining processes performed by citizens, to whom Casagrande refers to as 「anarchist gardeners」 by means of urban farming,[17] illegal architecture [18] and urban acupuncture.[19] The element of Ruin is viewed as something man-made having become part of nature.[20] The theory is developed in the independent multidisciplinary research centre Ruin Academy (2010-).[21]

Third Generation City follows the first generation where humans' peacefully coexisted with nature and the second generation built walls and stone structures everywhere in an attempt to shut out nature. In the third generation however, nature, which can never be truly shut out, grows back through the ruins, through the cracks in the wall, sucking human nature back into the wider nature. Third Generation City concentrates on local knowledge and urban acupuncture rather than on centrally governed urban planning.[22] Casagrande describes urban acupuncture as:
[a] cross-over architectural manipulation of the collective sensuous intellect of a city. City is viewed as multi-dimensional sensitive energy-organism, a living environment. Urban acupuncture aims into a touch with this nature.[23] and Sensitivity to understand the energy flows of the collective chi beneath the visual city and reacting on the hot-spots of this chi. Architecture is in the position to produce the acupuncture needles for the urban chi.[24] and A weed will root into the smallest crack in the asphalt and eventually break the city. Urban acupuncture is the weed and the acupuncture point is the crack. The possibility of the impact is total, connecting human nature as part of nature. The theory opens the door for uncontrolled creativity and freedom. Each citizen is enabled to join the creative process, feel free to use city space for any purpose and develop his environment according to his will.[25] The agents of the Third Generation City are sensitive citizens who feel the calling of a sustainable co-operation with the rest of the nature, sensitive citizen who are aware of the destruction that the insensitive modern machine is causing to nature including human nature.[26] Urban acupuncture produces small-scale but socially catalytic interventions into the urban fabric. [27]

Architects’ and designers’ position about organic knowledge is tricky. We are not the ones who carry this collective genetic memory on, but we are in a better position to interpret and negotiate with it, step by step, like a shaman getting answers from the organic side. This can easily go very wrong, when architect starts copyrighting fragments of local knowledge under his ego. I guess often it would be enough to create a platform of accidents for the organic knowledge to surface, start cooking, and finding its own forms and dynamics. Design is not necessarily needed in here, and design should not replace reality – while organic knowledge is close to reality, nature. [28]

Casagrande's works have been selected three times to the Venice Architecture Biennale; years 2000, 2004 and 2006.[29]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Casagrande มุมมองการเมืองเป็นสิ่งมีชีวิตพลังงานซับซ้อนชั้นต่าง ๆ ทับซ้อนกันของกระแสพลังงานกำลังพิจารณาการกระทำของประชาชนตลอดจนการพัฒนาเมือง โดยผสม environmentalism และออกแบบชุมชนเมือง Casagrande จะพัฒนาวิธีการจัดการช้าของกระแสพลังงานเมืองเพื่อสร้างการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนทางนิเวศวิทยาต่อเรียกว่า 3 สร้างเมือง (ไปรษณีย์เมืองอุตสาหกรรม)[14]Tenets ของการฝังเข็มใช้ Casagrande: รักษาจุดของอุดตัน และให้บรรเทา ripple ทั่วร่างกาย ขึ้นทันที และไวต่อความต้องการชุมชนมากกว่ารูปแบบสถาบันดั้งเดิมของการแทรกแซงต่อเออร์ขนาดใหญ่จะไม่เพียงตอบสนองความต้องการท้องถิ่น แต่ทำเพื่อให้ความรู้เป็น ระบบการเมืองดำเนินการ และ converged ที่โหนเดียว ปล่อยความดันที่จุดยุทธศาสตร์ ปล่อยความดันสำหรับเมืองทั้งหมด [15]ทฤษฎีของซิตี้รุ่นสามมุมมองสภาพเมืองอุตสาหกรรมลงเป็นเครื่องเจ๊งตามธรรมชาติรวมถึงธรรมชาติมนุษย์และสถาปนิกเป็น shamans ออกเพียงทำนายสิ่งธรรมชาติใหญ่ใจร่วมส่งผ่าน[16] เครื่องนี้อินทรีย์อยู่ชีวิตผ่านอย่างต่อเนื่อง และขาดให้กระบวนดำเนินการ โดยประชาชน ซึ่ง Casagrande ถึงเป็น 「anarchist gardeners」 โดยนาเมือง การ [17] [18] กฎหมายสถาปัตยกรรม และฝังเข็มเมือง[19] องค์ประกอบปรักดูเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่กลายเป็น ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ[20] ทฤษฎีพัฒนาในศูนย์วิจัย multidisciplinary ปรักออสการ์ครั้ง (2010-)[21]เมืองสามรุ่นดังต่อไปนี้รุ่นแรกที่สงบ coexisted ของมนุษย์กับธรรมชาติ และรุ่นที่สองสร้างผนังและโครงสร้างหินทุกความพยายามที่จะปิดออกธรรมชาติ ในรุ่นที่สาม อย่างไร ตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถไม่สามารถอย่างแท้จริงพรม ขยายกลับผ่านโบราณสถาน ผ่านรอยแตกผนัง ดูดธรรมชาติมนุษย์กลับเป็นลักษณะกว้าง ซิตี้รุ่นที่สามมุ่งเน้นความเป็นท้องถิ่นและการฝังเข็มที่เมือง มากกว่าใจกลางเมืองภายใต้การวางผังเมือง[22] Casagrande อธิบายการฝังเข็มเป็นเมือง:[a] ขนมากกว่าสถาปัตยกรรมการจัดการสติปัญญาเมนท์บนใบรวมของเมือง เมืองดูเป็นหลายมิติสำคัญพลังงานสิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย การฝังเข็มที่เมืองมีวัตถุประสงค์ในการสัมผัสกับธรรมชาตินี้[23] และความไวเข้าใจพลังงานไหลของชีรวมใต้เมืองภาพ และปฏิกิริยาในร้อนจุดนี้ด้วยสถาปัตยกรรมที่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องผลิตเข็มฝังเข็มในการเมืองด้วย [24] และเป็นวัชพืชจะรากเข้าไปในรอยแตกน้อยที่สุดในยางมะตอย และทำลายเมืองในที่สุด วัชพืชมีการฝังเข็มที่เมือง และจุดฝังเข็มอยู่รอยแตก ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด เชื่อมต่อธรรมชาติของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ทฤษฎีเปิดประตูทางความคิดสร้างสรรค์และอิสระ ประชาชนทุกคนได้เข้าร่วมกระบวนการสร้างสรรค์ รู้สึกฟรีเพื่อใช้พื้นที่เมืองเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ และพัฒนาสภาพแวดล้อมของเขาตามเขาจะ[25] ตัวแทนของเมืองรุ่นที่สามเป็นพลเมืองสำคัญที่รู้สึกเรียกความร่วมมือที่ยั่งยืนส่วนเหลือของธรรมชาติ พลเมืองสำคัญที่ตระหนักถึงการทำลายที่ก่อให้เกิดเครื่องจักรทันสมัยซ้อนกับธรรมชาติรวมถึงธรรมชาติมนุษย์[26] ฝังเข็มเมืองก่อให้เกิดงานวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยาสังคม แต่ระบุเป็นผ้าเมือง [27]ตำแหน่งของสถาปนิกและดีไซเนอร์เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ความรู้หากินได้ เราไม่ใช่คนที่มีหน่วยความจำทางพันธุกรรมนี้รวมบน แต่เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าการตี และการเจรจาต่อรองกับมัน ขั้นตอน เช่นหมอได้รับคำตอบจากด้านเกษตรอินทรีย์ นี้สามารถเดินไปผิด ๆ เมื่อสถาปนิกเริ่ม copyrighting ชิ้นส่วนของความรู้ท้องถิ่นภายใต้อาตมาเขา ผมคิดว่า บ่อยครั้งมันจะพอที่จะสร้างแพลตฟอร์มของอุบัติเหตุรู้อินทรีย์ผิว เริ่มต้นปรุงอาหาร และค้นหาตัวเองฟอร์มและพลศาสตร์ ออกแบบไม่จำเป็นต้องที่นี่ และออกแบบควรแทนความเป็นจริง – ในขณะที่อินทรีย์ความรู้เป็นความจริง ธรรมชาติ [28]ผลงานของ Casagrande มีแล้วสามครั้งกับ Biennale สถาปัตยกรรมแบบเวนิส ปี 2000, 2004 และ 2006[29]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คาซาแกรนด์วิวเมืองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนพลังงานที่แตกต่างกันที่ทับซ้อนกันของชั้นไหลพลังงานกำหนด การกระทำของประชาชน ตลอดจนการพัฒนาเมืองโดยการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการออกแบบชุมชนเมืองการพัฒนาวิธีการจัดการพลังงานไหลช้าของเมืองเพื่อสร้างระบบนิเวศน์อย่างยั่งยืน การพัฒนาเมือง เรียกว่าเมืองรุ่นที่ 3 ( หลังอุตสาหกรรมเมือง ) [ 14 ]

คาซ่าแกรนด์ใช้หลักการของการฝังเข็ม : รักษาจุดอุดตัน และให้โล่งอกที่กระเพื่อมไปตามร่างกายเพิ่มเติมได้ทันทีและมีความไวต่อความต้องการของชุมชนกว่ารูปแบบดั้งเดิมของสถาบันชุมชนเมืองขนาดใหญ่การแทรกแซงจะไม่เพียง แต่ตอบสนองความต้องการท้องถิ่น แต่ทำเพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับระบบกว้างว่าเมืองดำเนินการแปรสภาพที่โหนดเดียว . ปล่อยความดันที่จุดกลยุทธ์ปล่อยความดันสำหรับเมืองทั้ง [ 15 ]

ทฤษฎีของเมืองรุ่นที่ 3 มุมมองโพสต์อุตสาหกรรม สภาพเมืองเป็นเครื่องทำลายโดย ธรรมชาติ รวมทั้งธรรมชาติของมนุษย์และสถาปนิกเป็นหมอผีออกแบบเพียงการตีความสิ่งที่ใหญ่กว่าธรรมชาติของจิตใจคือการแบ่งปัน [ 16 ] เครื่องนี้อินทรีย์จะมีชีวิตอยู่ผ่านอย่างต่อเนื่องและธรรมชาติทำลายกระบวนการดำเนินการโดยประชาชนซึ่งเปลี่ยนแปลงหมายถึงเป็น「อนาธิปไตยชาวสวน」โดยวิธีการของการเกษตรในเมือง [ 17 ] สถาปัตยกรรม [ 18 ] และการฝังเข็มเมืองผิดกฎหมาย [ 19 ] องค์ประกอบที่ทำให้ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมีเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ [ 20 ] ทฤษฎีพัฒนาขึ้นโดยอิสระโดยศูนย์วิจัยสถาบัน ( 2010 - ทำลาย [ 21 ]

)เมืองสามรุ่นดังนี้ รุ่นแรก ของมนุษย์กับธรรมชาติที่ coexisted อย่างสงบและรุ่นที่สองสร้างผนังและโครงสร้างหินทุกที่ในความพยายามที่จะปิดธรรมชาติออก ในรุ่นที่สาม อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติซึ่งไม่สามารถอย่างแท้จริง ปิดออก เติบโตกลับผ่านซากปรักหักพังผ่านรอยแตกในผนังดูดมนุษย์กลับสู่ที่กว้าง ธรรมชาติเมืองรุ่นที่สาม มุ่งเน้นความรู้ท้องถิ่นและการฝังเข็มในเมืองมากกว่าในส่วนกลางควบคุมการวางผังเมือง [ 22 ] เปลี่ยนแปลงอธิบายการฝังเข็มเมือง :
[ ] ข้ามสถาปัตยกรรมการจัดการของสติปัญญา วิษณุรวมของเมือง เป็นเมืองที่ดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหลายมิติมีชีวิตพลังงาน , สิ่งแวดล้อมการฝังเข็มในเมืองจุดมุ่งหมายในสัมผัสกับธรรมชาตินี้ [ 23 ] และความเข้าใจพลังงานไหลของไคกลุ่มใต้เมืองภาพและตอบสนองต่อความฮอตของ ชิ นี้ สถาปัตยกรรมในตำแหน่งผลิตการฝังเข็มเข็มสำหรับชิเมือง [ 24 ] และวัชพืชจะรากแตกเล็กที่สุดในยางมะตอย และในที่สุดทำลายเมืองการฝังเข็มเมืองคือวัชพืช และจุดฝังเข็มที่เป็นรอยแตก ความเป็นไปได้ของผลกระทบทั้งหมด เชื่อมต่อธรรมชาติของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ทฤษฎีเปิดประตูสำหรับความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีการควบคุม และอิสรภาพ พลเมืองแต่ละคนเปิดให้เข้าร่วมกระบวนการที่สร้างสรรค์ , รู้สึกฟรีที่จะใช้เมืองอวกาศเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ และพัฒนาสิ่งแวดล้อมตามความต้องการของเขา[ 25 ] ตัวแทนของเมืองรุ่นที่ 3 มีความไวของประชาชนที่รู้สึกว่าเรียกของความร่วมมือที่ยั่งยืน พักผ่อนกับธรรมชาติ มีความละเอียดอ่อน เป็นผู้ที่ทราบถึงการทำลายที่เครื่องจักรที่ทันสมัย ไร้ความรู้สึก ทำให้ธรรมชาติ รวมทั้งธรรมชาติของมนุษย์ . [ 26 ] เมืองการฝังเข็มผลิตขนาดเล็กแต่สังคมการเมืองแทรกแซงเข้าไปในผ้า . [ 27 ]

สถาปนิกและนักออกแบบความรู้เกี่ยวกับตำแหน่งอินทรีย์เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เราไม่ได้เป็นคนที่นำหน่วยความจำทางพันธุกรรมร่วมกัน แต่เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าที่จะตีความและเจรจากับมันทีละขั้นตอนเหมือนหมอผี ได้รับคำตอบจากทางอินทรีย์ นี้ได้อย่างง่ายดายสามารถไปผิดมาก เมื่อสถาปนิกเริ่ม copyrighting การกระจายตัวของความรู้ท้องถิ่นภายใต้อัตตาของตัวเองผมเดาว่า บ่อยครั้งที่มันจะเพียงพอที่จะสร้างแพลตฟอร์มของการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับความรู้เกษตรอินทรีย์ พื้นผิว ทำอาหาร และหารูปแบบของตัวเองและพลศาสตร์ การออกแบบที่ไม่ได้ต้องการมาที่นี่ และการออกแบบไม่ควรเปลี่ยนความเป็นจริง–ในขณะที่ความรู้เกษตรอินทรีย์ ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ธรรมชาติ [ 28 ]

เปลี่ยนแปลงผลงานที่ได้รับการคัดเลือก 3 ครั้งไปเวนิส Biennale สถาปัตยกรรมศาสตร์ ;ปี 2000 , 2004 และ 2006 [ 29 ]