to make indentations of different d

to make indentations of different dimensions. Thus, Vickers hard-
ness was considered. The Vickers pyramid has a square base with an
angle between opposite faces of 1361, so a correlation between the
side length of the square (L) and the depth (d) can be computed and
is approximately equal to 5 (L¼d  2  tg(1361/2)) (Fig. 3).
Fig. 4 shows the matrix of defects produced in steel, aluminium
and copper as shown in micrographs presented in Fig. 4b–d,
respectively. Distance between indentations was equal to 300 mm

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การจัดย่อหน้าของมิติต่าง ๆ ดังนั้น วิกเกอร์สยาก-สบาย ๆ ไม่ถือ วิกเกอร์สพีระมิดมีฐานสี่เหลี่ยมมีการมุมระหว่างหน้าตรงข้ามของ 1361 ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างการสามารถคำนวณความยาวด้านของสี่เหลี่ยม (L) และความลึก (d) และประมาณเท่ากับ 5 (L¼d  2  tg(1361/2)) (Fig. 3) Fig. 4 แสดงเมตริกซ์ความบกพร่องในการผลิตเหล็ก อลูมิเนียมและทองแดงมากใน Fig. 4b-d, micrographsตามลำดับ ระยะห่างระหว่างย่อหน้าเท่ากับ 300 mm

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อให้รอยบุ๋มของขนาดที่แตกต่างกัน ดังนั้นวิคเกอร์ยาก
Ness ได้รับการพิจารณา ปิรามิดวิคเกอร์มีฐานสี่เหลี่ยมที่มี
มุมระหว่างใบหน้าตรงข้ามของ 1361 เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่าง
ความยาวด้านของตาราง (L) และความลึก (ง) สามารถคำนวณและ
จะประมาณเท่ากับ 5 (L¼d A 2 TG (1361/2)) (รูปที่. 3).
รูป 4 แสดงเมทริกซ์ของข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในเหล็ก, อลูมิเนียม
และทองแดงตามที่แสดงในไมโครนำเสนอในรูป 4b-D
ตามลำดับ ระยะห่างระหว่างรอยบุ๋มเท่ากับ 300 มม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

to make indentations of different dimensions. Thus, Vickers hard-
ness was considered. The Vickers pyramid has a square base with an
angle between opposite faces of 1361, so a correlation between the
side length of the square (L) and the depth (d) can be computed and
is approximately equal to 5 (L¼d  2  tg(1361/2)) (Fig. 3).
Fig. 4 shows the matrix of defects produced in steel, aluminium
และทองแดง ดังแสดงในรูปที่แสดงใน micrographs 4B – D
ตามลำดับ ระยะห่างระหว่างเยื้องเท่ากับ 300 มิลลิเมตร