t has been said that the first reco

t has been said that the first recorded use of early Tympanum was in "ancient times when it is known that they were used in religious ceremonies by Hebrews."[13]

The Moon of Pejeng, also known as the Pejeng Moon,[18] in Bali, the largest single-cast bronze kettle drum in the world,[19] is more than two thousand years old.[20] The Moon of Pejeng is "the largest known relic from Southeast Asia's Bronze Age period. According to Balinese legend, the Pejeng Moon was a wheel of the chariot that pulled the real moon through the night sky. One night, as the chariot was passing over Pejeng, the wheel detached and fell to earth, landing in a tree, where it glowed nearly as brightly as the real moon. This light disturbed a thief who, annoyed, climbed the tree and urinated on it; the thief paid for his sacrilege with his life. The moon eventually cooled and has been preserved as a sacred relic by the local villagers.[21] The drum is in the Pura Penataran Asih temple."[22]
A naqareh from Rajasthan, India

In 1188, Cambro-Norman chronicler Gerald of Wales wrote, "Ireland uses and delights in two instruments only, the harp namely, and the tympanum."[23]

Arabian nakers, the direct ancestors of most timpani, were brought to 13th-century Continental Europe by Crusaders and Saracens.[7] These drums, which were small (with a diameter of about 20–22 cm or 8–8½ in) and mounted to the player's belt, were used primarily for military ceremonies. This form of timpani remained in use until the 16th century.

In 1457, a Hungarian legation sent by King Ladislaus V carried larger timpani mounted on horseback to the court of King Charles VII in France. This variety of timpani had been used in the Middle East since the 12th century. These drums evolved together with trumpets to be the primary instruments of the cavalry. This practice continues to this day in sections of the British Army, and timpani continued to be paired with trumpets when they entered the classical orchestra.

Over the next two centuries, a number of technical improvements were made to timpani. Originally, the head was nailed directly to the shell of the drum. In the 15th century, heads began to be attached and tensioned by a counterhoop that was tied directly to the shell. In the early 16th century, the bindings were replaced by screws. This allowed timpani to become tunable instruments of definite pitch.[5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่ได้กล่าวว่า ครั้งแรกที่ใช้บันทึกของต้นหน้าบันคือ "โบราณครั้งเมื่อเป็นที่รู้จักกันว่า พวกเขาใช้ในพิธีทางศาสนา โดยฮีบรู" [13]มูนอุ หรือที่เรียกว่าอุจันทร์, [18] ในบาหลี กลองเดียวหล่อกาต้มน้ำทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก, [19] มีอายุกว่าสองพันปี [20] พระจันทร์อุอยู่ "ใหญ่ที่สุดรู้จักระลึกจากรอบระยะเวลาของยุคสำริดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตำนานบาหลี มูนอุถูกล้อของราชรถที่ดึงดวงจันทร์จริงผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน คืนหนึ่ง เป็นราชรถผ่านไปมีอุ ล้อเดี่ยว และให้โลก ขนย้ายสินค้าในต้นไม้ ที่มัน glowed เกือบเป็นสดใสเป็นดวงจันทร์จริง แสงนี้รบกวนขโมยที่ รำคาญ ปีนต้นไม้ และ urinated ในนั้น ขโมยชำระสำหรับ sacrilege ของเขาด้วยชีวิตของเขา ดวงจันทร์ก็ระบายความร้อนด้วย และได้เก็บรักษาไว้เป็นความศักดิ์สิทธิ์ โดยชาวบ้านในท้องถิ่น [21] กลองคือวัดปุระรานอะชิ" [22]Naqareh จากราชสถาน อินเดียใน 1188 นอร์แมน Cambro chronicler เจอรัลด์เวลส์เขียน, "ไอร์แลนด์ใช้ และสุขใจในเครื่องมือสองเท่านั้น ฮาร์ปได้แก่ และหน้าบัน" [23]Nakers อาหรับ บรรพบุรุษโดยตรงของกลองทิมปานีมากที่สุด ถูกนำไปยุโรปยุโรปราว ๆ ศตวรรษที่ 13 โดย Crusaders และ Saracens [7] กลองเหล่านี้ ซึ่งมีขนาดเล็ก (มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-22 ซม.หรือใน 8 – 8½) และติดกับของเล่นเข็มขัด ถูกใช้สำหรับพิธีทหาร แบบฟอร์มนี้ของกลองทิมปานียังคงใช้จนถึงศตวรรษ 16ใน 1457, legation ฮังการีที่ส่ง โดยกษัตริย์ Ladislaus V ทำกลองทิมปานีมีขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนหลังม้าการ VII ชาร์ลส์คอร์ทกษัตริย์ในฝรั่งเศส กลองทิมปานีที่หลากหลายนี้ได้ถูกใช้ในตะวันออกกลางตั้งแต่ศตวรรษ 12 กลองเหล่านี้พัฒนากับ trumpets เป็น เครื่องมือหลักของกองพลทหารม้า แบบฝึกหัดนี้ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ในส่วนของกองทัพอังกฤษ และกลองทิมปานียังคงจะจับคู่กับ trumpets ลงวงดนตรีคลาสสิกกว่าสองศตวรรษถัดไป หมายเลขของการปรับปรุงทางด้านเทคนิคได้ทำกับกลองทิมปานี เดิม หัวถูก nailed กับเปลือกของกลองโดยตรง ในศตวรรษ 15 หัวเริ่มจะแนบ และ tensioned โดย counterhoop ที่ถูกเชื่อมโยงโดยตรงกับ shell ในศตวรรษ 16 ก่อน รวมการถูกแทนที่ ด้วยสกรู นี้กลองทิมปานีเป็น tunable เครื่องมือระยะห่างที่แน่นอนได้ [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทีได้รับการกล่าวว่าบันทึกแรกที่ใช้ต้นแก้วหูอยู่ใน "สมัยโบราณเมื่อมันเป็นที่รู้จักกันว่าพวกเขาถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาโดยฮีบรู." [13] ดวงจันทร์ของ Pejeng ยังเป็นที่รู้จักในฐานะ Pejeng ดวงจันทร์ [18] ในบาหลีบรอนซ์เดียวโยนกลองกาต้มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก [19] เป็นกว่าสองพันปี. [20] ดวงจันทร์ของ Pejeng คือ "ของที่ระลึกที่รู้จักกันที่ใหญ่ที่สุดจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระยะเวลาที่ยุคสำริด. ตามตำนานบาหลี ดวงจันทร์ Pejeng เป็นล้อของรถม้าที่ดึงดวงจันทร์จริงผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน. คืนหนึ่งขณะที่รถม้าที่ถูกผ่าน Pejeng ล้อเดี่ยวและตกลงสู่พื้นโลกเชื่อมโยงไปถึงในต้นไม้ที่ส่องแสงเกือบเป็นสดใส . ในขณะที่ดวงจันทร์จริงแสงนี้รบกวนโจรที่เป็นรำคาญปีนขึ้นต้นไม้และฉี่รดมันขโมยเงินสำหรับการล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขาด้วยชีวิตของเขาดวงจันทร์เย็นในที่สุดและได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นที่ระลึกอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านในท้องถิ่น [.. 21] กลองที่อยู่ในวัดปุระ Penataran Asih. "[22] กลองชาตรีจากรัฐราชสถานอินเดียใน 1188, Cambro-นอร์แมนเหตุการณ์เจอราลด์แห่งเวลส์เขียน" ไอร์แลนด์ใช้และพอพระทัยในเครื่องดนตรีทั้งสองเท่านั้นพิณคือและ เยื่อแก้วหู. "[23] อาหรับ nakers ที่บรรพบุรุษโดยตรงของกลองส่วนใหญ่ถูกนำไปยังศตวรรษที่ 13 ทวีปยุโรปโดยแซ็กซอนและซาราเซนส์. [7] กลองเหล่านี้ซึ่งมีขนาดเล็ก (มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-22 ซม. หรือ 8 -8½ใน) และติดกับเข็มขัดของผู้เล่นที่ถูกนำมาใช้เป็นหลักสำหรับพิธีทางทหาร รูปแบบของกลองนี้ยังคงใช้อยู่จนถึงศตวรรษที่ 16. ใน 1457 เป็นทูตฮังการีส่งโดยกษัตริย์ลาดีสเล้า V ดำเนินกลองขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนหลังม้าไปที่ศาลสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวชาร์ลส์ในฝรั่งเศส ความหลากหลายของกลองนี้ได้ถูกนำมาใช้ในตะวันออกกลางตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 กลองเหล่านี้พัฒนามาพร้อมกับเสียงแตรที่จะเป็นเครื่องมือหลักของทหารม้า การปฏิบัตินี้ยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ในส่วนของกองทัพอังกฤษและกลองยังคงถูกจับคู่กับแตรเมื่อพวกเขาเข้าไปวงคลาสสิก. ต่อมาอีกสองศตวรรษจำนวนของการปรับปรุงทางเทคนิคทำให้กลอง แต่เดิมหัวที่ถูกตอกโดยตรงกับเปลือกของกลอง ในศตวรรษที่ 15, หัวเริ่มที่จะแนบและแรงโดย counterhoop ที่ถูกเชื่อมโยงโดยตรงกับเปลือก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 16, ผูกถูกแทนที่ด้วยสกรู กลองนี้ได้รับอนุญาตให้เป็นตราสารพริ้งของสนามแน่นอน. [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไม่ได้มีการกล่าวว่า บันทึกแรกใช้ก่อนแก้วหูใน " สมัยโบราณเมื่อมันเป็นที่รู้จักกันว่าพวกเขาใช้ในพิธีทางศาสนาโดยฮีบรู " [ 13 ]

พระจันทร์เปเจ็ง เรียกว่าเปเจ็งดวงจันทร์ [ 18 ] ในบาหลีที่ใหญ่ที่สุดเดียวหล่อสำริดกาต้มน้ำกลองใน โลก , [ 19 ] เป็นเวลากว่าสองพันปี[ 20 ] พระจันทร์เปเจ็ง " ที่ใหญ่ที่สุดที่รู้จักกัน ของที่ระลึกจากเอเชียตะวันออกยุคสำริดยุค ตามสไตล์บาหลี ตำนาน , เปเจ็งดวงจันทร์เป็นล้อของรถม้าที่ดึงดวงจันทร์จริงผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน คืนหนึ่ง ขณะที่รถม้ากำลังผ่านไปเปเจ็ง ล้อเดี่ยว และล้มลงในดิน ต้นไม้ ซึ่งมันเรืองแสงเกือบอย่างดวงจันทร์จริง