1ความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ

1ความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ การทำหน้าที่รักษาสันติภาพของสันนิบาตชาติ ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะสันนิบาต ไม่มีกองทหารและ ไม่มีอำนาจยับยั้งข้อพิพาทระหว่างประเทศได้อีกทั้งสหรัฐอเมริกา ไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกจึงทำให้สันนิบาตชาติ อ่อนแอ

2การเติบโตของลัทธินิยมทางทหาร มีผู้นำหลายประเทศได้สร้างความเข้มแข็งทางทหารและสะสมอาวุธร้ายแรงต่าง ๆ ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น เพื่อขยายอำนาจทางการเมืองโดยใช้กำลังเข้ายึดครองดินแดนต่าง ๆ และใช้กองทัพปกป้องผล ประโยชน์ของชาติตน

3ความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญาสันติภาพ ได้แก่ สนธิสัญญาแวร์ซายส์และสัญญาสันติภาพฉบับอื่น ๆ ภายหลังเมื่อสงคราม โลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ซึ่งเยอรมนีและชาติผู้แพ้สงครามถูกบังคับให้สงนามในสัญญาที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เช่น การสูญเสีย ดินแดน อาณานิคมและจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล จึงต้องการล้มเลิกเงื่อนไขข้อตกลงตามสัญญาฉบับนี้

4การแข่งขันทางเศรษฐกิจ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษและฝรั่งเศสยังคงเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ แต่เยอรมนี ซึ่งเป็นฝ่ายปราชัยในสงครามและต้องสูญเสียดินแดนอารานิคมให้แก่ชาติมหาอำนาจทั้งสองไปจนเกือบหมดรวมทั้ง อิตาลี และญี่ปุ่น ซึ่งมีอาณานิคมน้อยกว่า จึงอยู่ในฐานะประเทศที่มีกำลังทางเศรษฐกิจไม่เข้มแข็ง ประเทศดังกล่าว จึงต้องการ เร่งพัฒนา ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศตนเป็นผลให้เกิดการแข่งขันกับประเทศมหาอำนาจ ทางเศรษฐกิจ ดิมโดยเฉพาะด้าน การค้าระหว่างประเทศและการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบ จึงนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างประเทศในที่สุด

5ความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมือง แนวความคิดของผู้นำประเทศที่นิยมลัทธิทางทหารได้แก่ ฮิตเลอร์ ผู้นำลัทธินาซี (Nazism) ของเยอรมนี และมุสโสลินี ผู้นำลัทธิฟาสต์ซิสม์ (Fascism) ของอิตาลีทั้งสองต่อต้านแนวความคิดเสรีนิยมและ ระบบการเมือง แบบรัฐสภาของชาติยุโรป แต่ให้ความสำคัญกับพลังของลัทธิชาตินิยม ความเข้มแข็งทางทหาร และอำนาจของ ผู้นำมากกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1ความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ การทำหน้าที่รักษาสันติภาพของสันนิบาตชาติไม่ประสบผลสำเร็จเพราะสันนิบาตไม่มีกองทหารและไม่มีอำนาจยับยั้งข้อพิพาทระหว่างประเทศได้อีกทั้งสหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกจึงทำให้สันนิบาตชาติอ่อนแอ 2การเติบโตของลัทธินิยมทางทหาร มีผู้นำหลายประเทศได้สร้างความเข้มแข็งทางทหารและสะสมอาวุธร้ายแรงต่างๆ ได้แก่เยอรมนีอิตาลีและญี่ปุ่นเพื่อขยายอำนาจทางการเมืองโดยใช้กำลังเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ และใช้กองทัพปกป้องผลประโยชน์ของชาติตน 3ความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญาสันติภาพ ได้แก่สนธิสัญญาแวร์ซายส์และสัญญาสันติภาพฉบับอื่นๆ ภายหลังเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงซึ่งเยอรมนีและชาติผู้แพ้สงครามถูกบังคับให้สงนามในสัญญาที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นการสูญเสียดินแดนอาณานิคมและจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลจึงต้องการล้มเลิกเงื่อนไขข้อตกลงตามสัญญาฉบับนี้ 4การแข่งขันทางเศรษฐกิจ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษและฝรั่งเศสยังคงเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแต่เยอรมนีซึ่งเป็นฝ่ายปราชัยในสงครามและต้องสูญเสียดินแดนอารานิคมให้แก่ชาติมหาอำนาจทั้งสองไปจนเกือบหมดรวมทั้งอิตาลีและญี่ปุ่นซึ่งมีอาณานิคมน้อยกว่าจึงอยู่ในฐานะประเทศที่มีกำลังทางเศรษฐกิจไม่เข้มแข็งประเทศดังกล่าวจึงต้องการเร่งพัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศตนเป็นผลให้เกิดการแข่งขันกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจดิมโดยเฉพาะด้านการค้าระหว่างประเทศและการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบจึงนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศในที่สุด5ความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมือง แนวความคิดของผู้นำประเทศที่นิยมลัทธิทางทหารได้แก่ฮิตเลอร์ (ซี) ผู้นำลัทธินาซีของเยอรมนีและมุสโสลินีผู้นำลัทธิฟาสต์ซิสม์ (ฟาสซิสต์) ของอิตาลีทั้งสองต่อต้านแนวความคิดเสรีนิยมและระบบการเมืองแบบรัฐสภาของชาติยุโรปแต่ให้ความสำคัญกับพลังของลัทธิชาตินิยมความเข้มแข็งทางทหารและอำนาจของผู้นำมากกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1 ความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะสันนิบาตไม่มีกองทหารและ ๆ ได้แก่ เยอรมนีอิตาลีและญี่ปุ่น ๆ และใช้กองทัพปกป้องผล ได้แก่ ๆ ภายหลังเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง เช่นการสูญเสียดินแดน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่เยอรมนี อิตาลีและญี่ปุ่นซึ่งมีอาณานิคมน้อยกว่า ประเทศดังกล่าวจึงต้องการเร่งพัฒนา ทางเศรษฐกิจดิมโดยเฉพาะด้าน จึงนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง ฮิตเลอร์ผู้นำลัทธินาซี (นาซี) ของเยอรมนีและมุสโสลินีผู้นำลัทธิฟาสต์ซิสม์ (ลัทธิฟาสซิสต์) ระบบการเมืองแบบรัฐสภาของชาติยุโรป ความเข้มแข็งทางทหารและอำนาจของผู้นำมากกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 ความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติการทำหน้าที่รักษาสันติภาพของสันนิบาตชาติไม่ประสบผลสำเร็จเพราะสันนิบาตไม่มีกองทหารและไม่มีอำนาจยับยั้งข้อพิพาทระหว่างประเทศได้อีกทั้งสหรัฐอเมริกาอ่อนแอ

2 การเติบโตของลัทธินิยมทางทหารมีผู้นำหลายประเทศได้สร้างความเข้มแข็งทางทหารและสะสมอาวุธร้ายแรงต่างจะได้แก่เยอรมนีอิตาลีและญี่ปุ่นเพื่อขยายอำนาจทางการเมืองโดยใช้กำลังเข้ายึดครองดินแดนต่างไม่มีประโยชน์ของชาติตน

3 ความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญาสันติภาพได้แก่สนธิสัญญาแวร์ซายส์และสัญญาสันติภาพฉบับอื่นจะภายหลังเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงเช่นการสูญเสียดินแดนอาณานิคมและจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลจึงต้องการล้มเลิกเงื่อนไขข้อตกลงตามสัญญาฉบับนี้

4 การแข่งขันทางเศรษฐกิจภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษและฝรั่งเศสยังคงเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแต่เยอรมนีอิตาลีและญี่ปุ่นซึ่งมีอาณานิคมน้อยกว่าจึงอยู่ในฐานะประเทศที่มีกำลังทางเศรษฐกิจไม่เข้มแข็งประเทศดังกล่าวจึงต้องการเร่งพัฒนาทางเศรษฐกิจดิมโดยเฉพาะด้านการค้าระหว่างประเทศและการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบจึงนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศในที่สุด

5 ความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมืองแนวความคิดของผู้นำประเทศที่นิยมลัทธิทางทหารได้แก่ฮิตเลอร์ผู้นำลัทธินาซี ( พรรคนาซี ) ของเยอรมนีและมุสโสลินีผู้นำลัทธิฟาสต์ซิสม์ ( ลัทธิฟาสซิสต์ )ระบบการเมืองแบบรัฐสภาของชาติยุโรปแต่ให้ความสำคัญกับพลังของลัทธิชาตินิยมความเข้มแข็งทางทหารและอำนาจของผู้นำมากกว่า