Obesity prevalence remains high in

Obesity prevalence remains high in the United States, affectingmore than 17% of children and teenagers and 30% of a dults (1),and rates of severe obesity continue to increase (2). About half ofadolescents with overweight or obesity are actively trying to loseweight (3). Some adolescents practice unhealthy behaviors in anattempt to lose weight, such as: severely restricting their diet;using a food substitute; skipping meals; using laxatives, diuretics,or diet pills; or inducing vomiting (4). In a recent population-basedsample, about one-quarter of adolescent girls with obesity werefound to be practicing extreme weight control behaviors like i nduc-ing vomiting or taking laxatives or diet pills (5). In addition tobeing unsafe, these strategies are typically inef fective for weightloss. A dolescents with unhealthy w eight control behaviors havegreater increases in body mass index (BMI) compared to adoles-cents of the same weight without unhealthy weight control behav-iors (6). Adolescents a re more likely to attempt weight loss thanyounger children, likely due to their increased exposure to obesitymessages, and girls are more likely t han boys to attempt w eightloss (7).The risks of eating disorders and disordered eating behaviors (bothbinge eating and restrictive eating behaviors) are higher in adoles-cents with a history of obesity. Adolescents with overweight andobesity are more likely to demonstrate disordered eating behaviorsthan their normal-weight peers (8). “Dieting” in children and adoles-cents is considered an unhealthy means of losing weight, as there isa clear relationship between severe dietary restriction and eating dis-orders (6,9). One study demonstrated that more than a third ofpatients had overweight or obesity at the time of their presentationfor treatment to a specialty eating disorder clinic (10). Regardless ofweight when diagnosed with an eating disorder, adolescents whohave overweight or obesity and develop disordered eating behaviorshave more medical complications related to their weight loss com-pared to adolescents who were initially at a healthy weigh

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความชุกของโรคอ้วนยังคงสูงในสหรัฐอเมริกา affectingmore dults (1), 30% และ 17% ของเด็กและวัยรุ่น และอัตราของโรคอ้วนรุนแรงยังคงเพิ่มขึ้น (2) Ofadolescents ครึ่งมีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนกำลังพยายามจะ loseweight (3) วัยรุ่นบางฝึกพฤติกรรมไม่แข็งแรงใน anattempt การลดน้ำหนัก เช่น: รุนแรงการจำกัดอาหาร ใช้ทดแทนอาหาร ข้ามอาหาร ใช้นาน ๆ ยาขับปัสสาวะ ยาลด ความ อ้วน หรือกระตุ้นให้เกิดการอาเจียน (4) มีประชากรล่า-basedsample เกี่ยวกับหนึ่งในสี่ของเด็กหญิงกับโรคอ้วน werefound เพื่อเป็นการฝึกน้ำหนักมากควบคุมพฤติกรรมเช่นฉัน nduc-ing อาเจียน หรือถ่ายนาน ๆ หรือยา (5) ใน tobeing นี้ไม่ปลอดภัย กลยุทธ์เหล่านี้จะมักจะ fective inef สำหรับลดน้ำหนักเห็นจริง Dolescents กับ havegreater พฤติกรรมควบคุม 8 w ไม่แข็งแรงเพิ่มดัชนีมวลกาย (BMI) เมื่อเทียบกับเยาวชนเซ็นต์น้ำหนักเดียวกันโดยน้ำหนักไม่แข็งแรงควบคุมจรรยาบรรณใน-iors (6) วัยรุ่นมักจะพยายามน้ำหนักสูญเสีย thanyounger เด็ก เพราะความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น obesitymessages และสาวอีกครั้งจะโน้ม t ชายฮั่นพยายาม eightloss w (7) ความเสี่ยงของพฤติกรรมการกินและพฤติกรรมกิน disordered (bothbinge กินและพฤติกรรมการรับประทานอาหารจำกัด) สูงกว่าในเยาวชนเซ็นต์มีประวัติของโรคอ้วน วัยรุ่นกับ andobesity ที่มีน้ำหนักเกินมีแนวโน้มแสดงให้เห็นถึง behaviorsthan กิน disordered เพื่อนปกติน้ำหนัก (8) "ลดน้ำหนัก" ในเด็กและเยาวชนเซนต์ถือเป็นวิธีไม่แข็งแรงการลดน้ำหนัก ที่มี isa ชัดเจนสัมพันธ์ระหว่างจำกัดอาหารอย่างรุนแรงและสั่งลดรับประทานอาหาร (6,9) หนึ่งการศึกษาแสดงให้เห็นว่าได้มากกว่า ofpatients สามได้มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนในขณะการรักษา presentationfor คลินิกยี่ห้อพิเศษ (10) ไม่ ofweight เมื่อวินิจฉัยว่า มียี่ห้อ whohave วัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน และพัฒนา disordered กิน behaviorshave เพิ่มเติมแทรกซ้อนทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียน้ำหนัก com สุขภาพกับวัยรุ่นที่เริ่มต้นที่น้ำหนักเพื่อสุขภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรคอ้วนชุกยังคงสูงในประเทศสหรัฐอเมริกา, affectingmore กว่า 17% ของเด็กและวัยรุ่นและ 30% ของ dults A (1) และอัตราของโรคอ้วนรุนแรงยังคงเพิ่มขึ้น (2) เกี่ยวกับ ofadolescents ครึ่งน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมีความกระตือรือร้นในการพยายามที่จะ loseweight (3) วัยรุ่นบางคนปฏิบัติพฤติกรรมที่ไม่แข็งแรงใน anattempt ในการลดน้ำหนักเช่น: อย่างรุนแรงก​​าร จำกัด อาหารของพวกเขาโดยใช้แทนอาหาร กระโดดข้ามมื้ออาหาร การใช้ยาระบายยาขับปัสสาวะหรือยาเม็ดอาหาร; หรือกระตุ้นให้เกิดการอาเจียน (4) ในที่ผ่านมาประชากร basedsample ประมาณหนึ่งในสี่ของสาววัยรุ่นที่มีข้อบกพร่องในเรื่องโรคอ้วนจะได้รับการฝึกพฤติกรรมการควบคุมน้ำหนักมากเหมือนฉัน nduc ไอเอ็นจีอาเจียนหรือการยาระบายหรือยาเม็ดอาหาร (5) นอกจาก tobeing ไม่ปลอดภัยกลยุทธ์เหล่านี้มักจะ INEF fective สำหรับน้ำหนัก dolescents กับพฤติกรรมการควบคุมที่ไม่แข็งแรง W แปด havegreater การเพิ่มขึ้นของดัชนีมวลกาย (BMI) เมื่อเทียบกับ adoles เซ็นต์ของน้ำหนักเดียวกันโดยไม่ต้องควบคุมน้ำหนักไม่แข็งแรง behav-iors A (6) วัยรุ่นอีกครั้งมีแนวโน้มที่จะพยายามที่สูญเสียน้ำหนัก thanyounger เด็กน่าจะเกิดจากการสัมผัสที่เพิ่มขึ้นของพวกเขาเพื่อ obesitymessages และหญิงมีแนวโน้มมากขึ้น T ชายฮันจะพยายาม W eightloss (7) ความเสี่ยงของการรับประทานอาหารผิดปกติและพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เป็นระเบียบ (รับประทานอาหารได้โดยง่ายและ bothbinge พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีข้อ จำกัด ) สูงกว่าใน adoles เซ็นต์ที่มีประวัติของโรคอ้วน วัยรุ่นที่มีน้ำหนักเกิน andobesity มีแนวโน้มที่จะแสดงให้เห็นถึงการรับประทานอาหารที่ไม่เป็นระเบียบ behaviorsthan เพื่อนปกติน้ำหนักของพวกเขา (8) "อดอาหาร" ในเด็กและ adoles เซ็นต์ถือว่าเป็นวิธีการที่ไม่แข็งแรงของการสูญเสียน้ำหนักที่มี ISA ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างการ จำกัด การบริโภคอาหารและการรับประทานอาหารที่รุนแรงนี้คำสั่งซื้อ (6,9) ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ามากกว่าหนึ่งในสาม ofpatients มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนในช่วงเวลาของการรักษา presentationfor ของพวกเขาที่คลินิกพิเศษรับประทานอาหารผิดปกติ (10) โดยไม่คำนึงถึง ofweight เมื่อการวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติของการรับประทานอาหารที่วัยรุ่น whohave น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนและการรับประทานอาหารที่พัฒนาระเบียบ behaviorshave ภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียน้ำหนักของพวกเขาดอทคอมเทียบกับวัยรุ่นที่อยู่ในขั้นต้นที่มีสุขภาพดีมีน้ำหนัก