Reading and comprehension presents

Reading and comprehension presents a problem to many students due to several factors. Rural secondary school students face more problems than their urban counterparts. These are due to two main factors, namely environmental factors and problems of reading and comprehension. The home, school and societal environment all influence the achievements of students. This is all the more relevant in the case of English, which to many students is a foreign, rather than a second language. The home environment is very important to the achievements of a student. There seems to be a vicious cycle. Rural secondary school students, generally come from homes with little or no exposure to the English Language. Their parents do not speak or read in English and they in turn are influenced by them. When they go to school, they are below par and are not given much attention. This in turn does not improve their capabilities. To these students, the little exposure they get is from the television. This too, only if they watch programmes in English. In some homes, students are not encouraged to speak or read in English for fear of learning and adopting a foreign culture. Students have shown that parental and teacher models do influence the reading ability and habits of learners (Wigfield and Asher 1984). The phenomenon of more adults developing into non-reading models for their children can only serve to strengthen the vicious cycle as shown by Smith and Mikulecky (1978). The school too, just like the home, plays an important part in the reading and comprehension
of English. In schools, administrators, teachers and students’ peers al
l contribute to the learning of English, either positively or negatively. Many administrators and teachers do not use the English Language within the school compound. They also refrain from speaking in English to students in the assumption that they would not be understood. Teachers of English too, sometimes set very high targets for their students. Students, who cannot meet this target get de-motivated and remain where they are. They do not improve their reading and comprehension skills. Peers, too, tend to tease students when they attempt to speak or read in English and this causes them to shy away from the language. Urban secondary school students, on the other hand, have confidence and motivation to learn on their own. The society or community where the student lives also affects his learning strategies. Murdock (1965) and London (1978) show that patterns of behaviour are learned and shared

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อ่านและทำความเข้าใจนำเสนอปัญหาแก่นักเรียนมากเนื่องจากปัจจัยหลายประการ นักเรียนมัธยมชนบทเผชิญปัญหามากขึ้นกว่าคู่ของพวกเขาเมือง เหล่านี้ได้เนื่องจากสองปัจจัยหลัก ได้แก่ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาของการอ่านและทำความเข้าใจ บ้าน โรงเรียน และสภาพแวดล้อมนิยมมีอิทธิพลต่อความสำเร็จของนักเรียน นี่คือทั้งหมดเกี่ยวข้องในกรณีของอังกฤษ นักเรียนจำนวนมากที่อยู่ต่างประเทศ แทนที่เป็นภาษาที่สอง สภาพแวดล้อมภายในบ้านมีความสำคัญต่อความสำเร็จของนักเรียน มีดูเหมือนจะ รอบทายา นักเรียนมัธยมชนบท โดยทั่วไปมาจากบ้านที่มีแสงน้อย หรือไม่มีในภาษาอังกฤษ พ่อไม่พูด หรืออ่านภาษาอังกฤษ และพวกเขาจะมีอิทธิพล โดยพวกเขา เมื่อพวกเขาไปโรงเรียน พวกเขาต่ำกว่าราคาพาร์ และจะได้รับความสนใจมาก นี้จะไม่พัฒนาความสามารถของตน เพื่อนักเรียน เปิดรับแสงน้อยที่พวกเขาได้รับมาจากโทรทัศน์ นี้มากเกินไป เมื่อพวกเขาดูโปรแกรมในภาษาอังกฤษ ในบางบ้าน นักเรียนจะไม่ให้พูด หรืออ่านภาษาอังกฤษ for fear of การเรียนรู้ และใช้วัฒนธรรมต่างประเทศ นักเรียนมีแสดงที่ผู้ปกครอง และครูรุ่นมีผลกระทบต่อความสามารถในการอ่านและนิสัยของผู้เรียน (Wigfield และ 1984 เชอร์) ปรากฏการณ์ของผู้ใหญ่เพิ่มเติมพัฒนาเป็นรุ่นไม่ใช่อ่านให้เด็กสามารถทำให้กระชับรอบทายาตามที่แสดง โดยสมิธและ Mikulecky (1978) โรงเรียนมากเกินไป เหมือนบ้าน เล่นเป็นส่วนสำคัญในการอ่านและทำความเข้าใจภาษาอังกฤษ ในโรงเรียน ผู้ดูแล ครู และนักเรียนเพื่อนอัลl สนับสนุนการเรียนภาษาอังกฤษ บวก หรือลบ ผู้ดูแลระบบและอาจารย์จำนวนมากไม่ใช้ภาษาอังกฤษภายในบริเวณโรงเรียน นอกจากนี้พวกเขายังละเว้นการพูดภาษาอังกฤษนักเรียนอัสสัมชัญที่ว่า พวกเขาจะไม่เข้าใจ ครูผู้สอนภาษาอังกฤษมากเกินไป บางครั้งได้เป้าหมายสูงมากสำหรับนักศึกษา นักเรียน ที่ไม่สามารถตอบสนองเป้าหมายนี้ได้รับแรงจูงใจยกเลิก และยังคง นอกจากนี้พวกเขาไม่ปรับปรุงการอ่านและทักษะความเข้าใจ เพื่อน เกินไป มักจะ หยอกนักเรียนเมื่อพวกเขาพยายามที่จะพูด หรืออ่านภาษาอังกฤษ และทำให้พวกเขาอายจากภาษา นักเรียนมัธยมศึกษาเมือง ในทางกลับกัน มีความมั่นใจและแรงจูงใจในการเรียนรู้ด้วยตนเอง สังคมหรือชุมชนที่นักเรียนอยู่ยังส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การเรียนรู้ของเขา Murdock (1965) และลอนดอน (1978) แสดงว่า รูปแบบของพฤติกรรมเรียนรู้ และร่วมกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การอ่านและเข้าใจปัญหาที่มีการจัดให้กับนักเรียนจำนวนมากเนื่องจากปัจจัยหลายประการ นักเรียนในโรงเรียนชนบทรองเผชิญกับปัญหามากขึ้นกว่าคู่เมืองของพวกเขา เหล่านี้เนื่องจากมีสองปัจจัยหลักคือปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาของการอ่านและความเข้าใจ บ้านโรงเรียนและสภาพแวดล้อมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อทุกความสำเร็จของนักเรียน นี่คือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องมากขึ้นในกรณีของภาษาอังกฤษที่นักเรียนหลายคนเป็นชาวต่างชาติมากกว่าภาษาที่สอง สภาพแวดล้อมที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะประสบความสำเร็จของนักเรียน ดูเหมือนจะมีวงจร ชนบทนักเรียนชั้นมัธยมศึกษามาจากบ้านโดยทั่วไปที่มีความเสี่ยงน้อยหรือไม่มีการใช้ภาษาอังกฤษ พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้พูดหรืออ่านภาษาอังกฤษและในทางกลับกันพวกเขาได้รับอิทธิพลจากพวกเขา เมื่อพวกเขาไปโรงเรียนพวกเขาจะต่ำกว่าหุ้นและจะไม่ได้รับความสนใจมาก นี้ในทางกลับไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถของพวกเขา เพื่อให้นักเรียนเหล่านี้สัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาได้รับจากโทรทัศน์ นี้ก็มีเพียงว่าพวกเขาดูโปรแกรมในภาษาอังกฤษ ในบ้านบางส่วนนักเรียนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนที่จะพูดหรืออ่านภาษาอังกฤษเพื่อความกลัวของการเรียนรู้และการนำวัฒนธรรมต่างประเทศ นักเรียนได้แสดงให้เห็นว่ารูปแบบของผู้ปกครองและครูที่ทำมีผลต่อความสามารถในการอ่านและนิสัยของผู้เรียน (Wigfield และแอช 1984) ปรากฏการณ์ของผู้ใหญ่มากขึ้นการพัฒนาในรูปแบบที่ไม่ใช่การอ่านสำหรับเด็กของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถทำหน้าที่ในการเสริมสร้างวงจรที่แสดงโดยสมิ ธ และ Mikulecky (1978) โรงเรียนเกินไปเหมือนอยู่บ้านที่มีบทบาทสำคัญในการอ่านและเข้าใจ
ภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนผู้บริหารครูและเพื่อนนักเรียนอั
ลมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษทั้งบวกหรือลบ ผู้บริหารหลายคนและครูที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษภายในบริเวณโรงเรียน พวกเขายังละเว้นจากการพูดภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนในสมมติฐานที่ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ ครูภาษาอังกฤษมากเกินไปบางครั้งกำหนดเป้าหมายสูงมากสำหรับนักเรียนของพวกเขา นักเรียนที่ไม่สามารถตอบสนองเป้าหมายนี้ได้รับ de-แรงบันดาลใจและยังคงอยู่ที่พวกเขาอยู่ พวกเขาไม่ได้ปรับปรุงการอ่านและทักษะความเข้าใจของพวกเขา เพื่อนร่วมงานมากเกินไปมีแนวโน้มที่จะหยอกล้อนักเรียนเมื่อพวกเขาพยายามที่จะพูดหรืออ่านภาษาอังกฤษและนี้ทำให้พวกเขาอายห่างจากภาษา เมืองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในมืออื่น ๆ ที่มีความเชื่อมั่นและแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง สังคมหรือชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อกลยุทธ์การเรียนรู้ของเขา เมอร์ (1965) และลอนดอน (1978) แสดงให้เห็นว่ารูปแบบของพฤติกรรมจะเรียนรู้และใช้ร่วมกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การอ่านและความเข้าใจ แสดงถึงปัญหาที่นักเรียนจำนวนมาก เนื่องจากหลายปัจจัย นักเรียนโรงเรียนมัธยมในชนบทเผชิญปัญหามากขึ้นกว่า counterparts เมืองของพวกเขา เหล่านี้เกิดจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และปัญหาในการอ่านและความเข้าใจ บ้าน สภาพแวดล้อมของโรงเรียนและสังคมทั้งหมดมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนนี่คือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในกรณีของภาษาอังกฤษ ซึ่งนักเรียนมากเป็นต่างประเทศ แทนที่จะเป็นภาษาที่สอง สภาพแวดล้อมภายในบ้านเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของนักเรียน ดูเหมือนจะเป็นวงจรอุบาทว์ นักเรียนโรงเรียนมัธยมในชนบทโดยทั่วไปมาจากบ้านที่มีแสงน้อย หรือ ไม่มีภาษาอังกฤษพ่อแม่ไม่พูดหรืออ่านในภาษาอังกฤษและพวกเขาจะได้รับอิทธิพลจากพวกเขา เมื่อพวกเขาไปโรงเรียน พวกเขาด้านล่างที่ตราไว้หุ้นและจะไม่ได้รับความสนใจมากนัก นี้ในการเปิดจะไม่ปรับปรุงความสามารถของตน นักศึกษาเหล่านี้ เล็ก ๆน้อย ๆพวกเขาได้รับเป็นแสงจากโทรทัศน์ นี้ด้วย แต่ถ้าจะดูรายการภาษาอังกฤษ ในบางบ้านนักเรียนไม่ควรพูดหรืออ่านภาษาอังกฤษในความกลัวของการเรียนรู้และยอมรับวัฒนธรรมต่างชาติ นักเรียนได้แสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองและครูรุ่นมีอิทธิพลต่อความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษและพฤติกรรมของผู้เรียน ( wigfield อาเชอร์ 1984 )ปรากฏการณ์มากกว่าผู้ใหญ่ที่พัฒนาเป็นรูปแบบการอ่านบนสำหรับเด็กของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถใช้เพื่อสร้างวงจรอุบาทว์ที่แสดงโดย สมิธ และ mikulecky ( 1978 ) โรงเรียนเหมือนบ้าน เล่นเป็นส่วนสำคัญในการอ่านและความเข้าใจ
ภาษาอังกฤษ ในโรงเรียน ผู้บริหาร ครู และนักเรียนเพื่อนอัล
ฉันมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษทั้งทางบวกหรือทางลบ ผู้บริหารและครูหลายคนไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษภายในบริเวณโรงเรียน พวกเขายังละเว้นจากการพูดภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนในสมมติฐานที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจได้ ครูภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน บางครั้งกำหนดเป้าหมายสูงมากสำหรับนักเรียนของพวกเขา นักศึกษาที่ไม่สามารถตอบสนองเป้าหมายนี้ได้รับการ de motivated และยังคงอยู่ที่พวกเขาอยู่พวกเขาไม่ปรับปรุงการอ่านและทักษะความเข้าใจ เพื่อนก็มักจะแกล้งนักเรียนเมื่อพวกเขาพยายามที่จะพูดหรืออ่านภาษาอังกฤษและนี้ทำให้พวกเขาอายไปจากภาษา นักเรียนในโรงเรียนมัธยมในมืออื่น ๆมีความเชื่อมั่นและแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง สังคมหรือชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่ ยังส่งผลต่อยุทธศาสตร์การเรียนรู้ของเขาเมอร์ด็อก ( 1965 ) และลอนดอน ( 1978 ) พบว่ารูปแบบพฤติกรรมจะเรียนรู้ และแบ่งปัน