The Great Recession in Russia was a

The Great Recession in Russia was a crisis in the Russian financial markets as well as an economic recession that was compounded by political fears after the war with Georgia and by the plummeting price of Urals heavy crude oil, which lost more than 70% of its value since its record peak of US$147 on 4 July 2008 before rebounding moderately in 2009. According to the World Bank, Russia’s strong short-term macroeconomic fundamentals made it better prepared than many emerging economies to deal with the crisis, but its underlying structural weaknesses and high dependence on the price of a single commodity made its impact more pronounced than would otherwise be the case.[1]
In late 2008 during the onset of the crisis, Russian markets plummeted and more than $1 trillion had been wiped off the value of Russia's shares,[2] although Russian stocks rebounded in 2009 becoming the world’s best performers, with the Micex index having more than doubled in value and regaining half its 2008 losses.[3]
As the crisis progressed, Reuters and the Financial Times speculated that the crisis would be used to increase the Kremlin's control over key strategic assets in a reverse of the "loans for shares" sales of the 1990s, when the state sold off major assets to the oligarchs in return for loans.[4] In contrast to this earlier speculation, in September 2009 the Russian government announced plans to sell state energy and transport holdings in order to help plug the budget deficit and to help improve the nation's aging infrastructure. The state earmarked about 5,500 enterprises for divestment and plans to sell shares in companies that are already publicly traded, including Rosneft, the country’s biggest oil producer.[5]
From July 2008 – January 2009, Russia's foreign exchange reserves (FXR) fell by $210 billion from their peak to $386 billion as the central bank adopted a policy of gradual devaluation to combat the sharp devaluation of the ruble. The ruble weakened 35% against the dollar from the onset of the crisis in August to January 2009.[6] As the ruble stabilized in January the reserves began to steadily grow again throughout 2009, reaching a year-long high of $452 billion by year's-end.[7][8]
Russia's economy emerged from recession in the third quarter of 2009 after two quarters of record negative growth.[9] GDP contracted by 7.9% for the whole of 2009,[10] slightly less than the economic ministry's prediction of 8.5%.[11] Experts expect Russia's economy will grow modestly in 2010, with estimates ranging from 3.1% by the Russian economic ministry[12] to 2.5%, 3.6% and 4.9% by the World Bank, International Monetary Fund (IMF), and Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD) respectively.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภาวะถดถอยมากในรัสเซียถูกวิกฤตในตลาดการเงินรัสเซียรวมทั้งการถดถอยทางเศรษฐกิจที่ถูกเพิ่ม โดยความกลัวการเมืองหลังจากสงคราม กับจอร์เจีย และราคาน้ำมันดิบหนัก Urals plummeting ที่หายไปกว่า 70% ของค่าตั้งแต่จุดสูงสุดของระเบียนของสหรัฐอเมริกา $147 วันที่ 4 2551 กรกฎาคมก่อนที่จะตอบสนองปานกลางในปี 2009 เรื่องการ ตามธนาคารโลก รัสเซียแข็งแกร่งระยะสั้นเศรษฐกิจมหภาคพื้นฐานได้มันดีกว่าพร้อมกว่าประเทศเกิดใหม่ในการจัดการกับ วิกฤต แต่จุดอ่อนโครงสร้างพื้นฐาน และราคาของชุดเดียวที่ทำให้ผลกระทบที่ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่ามิฉะนั้นจะเป็นกรณีพึ่งพาสูง [1]ในปี 2008 ที่ล่าช้าในช่วงของวิกฤต รัสเซียตลาดลดลง และกว่า $1 ล้านล้านก็ถูกเช็ดออกค่าหุ้นรัสเซีย, [2] แม้ว่าหุ้นรัสเซียกระดอน 2009 กลายเป็น โลกดีที่สุดนักแสดง ดัชนี Micex ที่มีมากกว่าสองเท่าใน และ 2008 ครึ่งความสูญเสียกลับคืน [3]เป็นวิกฤตหน้าไปเพียงใด รอยเตอร์สและเวลาทางการเงินคาดว่า จะใช้วิกฤตของเครมลินควบคุมสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์สำคัญในการย้อนกลับของการขาย "สินเชื่อสำหรับหุ้น" ของปี 1990 เมื่อขายรัฐปิดสินทรัพย์หลักการ oligarchs เพื่อแลกกับเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้น [4] ในทางตรงกันข้ามเพื่อเก็งกำไรก่อนหน้านี้ ในเดือน 2009 กันยายน รัฐบาลรัสเซียประกาศแผนขายสถานะพลังงาน และขนส่งโฮลดิ้ง เพื่อช่วยต่อการขาดดุลงบประมาณ และ เพื่อช่วยปรับปรุงโครงสร้างอายุของประเทศ รัฐ earmarked องค์กรประมาณ 5500 สำหรับ divestment และแผนการขายหุ้นในบริษัทที่มีอยู่ทั่วไปซื้อ ขาย รวมถึง Rosneft ผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ [5]จาก 2551 กรกฎาคม – 2552 มกราคม สำรองแลกเปลี่ยนเงินตราของรัสเซีย (FXR) ล้มโดย $210 ล้านจากยอดของพวกเขากับ 386 พันล้านเหรียญ ตามธนาคารกลางนำนโยบายสมดุล devaluation devaluation คมของเบิลเบลารุสต่อสู้กับ เบิลเบลารุสจะลดลง 35% ต่อดอลลาร์จากเริ่มมีอาการของวิกฤตในเดือนสิงหาคมถึงเดือน 2552 มกราคม [6] เป็นเบิลเบลารุสที่เสถียรในเดือนมกราคม เริ่มสำรองอย่างต่อเนื่องเติบโตอีกตลอด 2009 ถึงปีที่ยาวนานมากของ 452 พันล้านเหรียญ โดยปลายปี [7] [8]เศรษฐกิจของรัสเซียที่เกิดขึ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาสสามของปี 2009 หลังจากไตรมาสที่สองของระเบียนลบเจริญเติบโต [9] GDP ตีบ 7.9% สำหรับทั้งปี 2552, [10] เล็กน้อยน้อยกว่าคาดการณ์ของกระทรวงเศรษฐกิจของ 8.5% [11] ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า เศรษฐกิจของรัสเซียจะเติบโตทั้งใน 2010 มีการประเมินตั้งแต่ 3.1% โดยกระทรวงเศรษฐกิจรัสเซีย [12] 2.5%, 3.6% และ 4.9% โดยธนาคารโลก กองทุนเงินของระหว่างประเทศ (IMF), และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในรัสเซียเป็นวิกฤตในตลาดการเงินของรัสเซียเช่นเดียวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่ประกอบกับความกลัวทางการเมืองหลังสงครามกับจอร์เจียและราคาดิ่งของเทือกเขาอูราลน้ำมันดิบหนักซึ่งหายไปกว่า 70% ของค่าของมัน ตั้งแต่การบันทึกจุดสูงสุดของสหรัฐ $ 147 ใน 4 กรกฎาคม 2008 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลางในปี 2009 ตามที่ธนาคารโลกของรัสเซียปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคในระยะสั้นที่แข็งแกร่งทำให้มันเตรียมที่ดีกว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จำนวนมากที่จะจัดการกับวิกฤต แต่จุดอ่อนของโครงสร้างพื้นฐานและ การพึ่งพาสูงในราคาของสินค้าโภคภัณฑ์เดียวที่ทำผลกระทบของมันเด่นชัดมากขึ้นกว่าอย่างอื่นจะเป็นกรณี. [1]
ในช่วงปลายปี 2008 ในระหว่างการโจมตีของวิกฤตตลาดรัสเซียลดลงกว่า $ 1000000000000 ได้รับการเช็ดออกค่าของรัสเซีย หุ้น [2] ถึงแม้ว่าหุ้นรัสเซียดีดตัวขึ้นในปี 2009 กลายเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดของโลกที่มีดัชนี MICEX มีมากกว่าสองเท่าในคุณค่าและฟื้นครึ่ง 2008 สูญเสีย. [3]
ในฐานะที่เป็นวิกฤตที่ก้าวหน้าสำนักข่าวรอยเตอร์และไทม์ทางการเงินคาดการณ์ว่า วิกฤตจะนำมาใช้เพื่อเพิ่มการควบคุมของเครมลินสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการย้อนกลับของ "เงินให้กู้ยืมสำหรับหุ้น" ยอดขายของปี 1990 เมื่อรัฐขายสินทรัพย์ที่สำคัญในการ oligarchs ในการตอบแทนสำหรับเงินให้กู้ยืม. [4] ในทางตรงกันข้ามนี้ เก็งกำไรก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน 2009 รัฐบาลรัสเซียประกาศแผนการที่จะขายพลังงานของรัฐและการขนส่งในการถือครองเพื่อที่จะช่วยเชื่อมต่อการขาดดุลงบประมาณและการที่จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างอายุของประเทศ รัฐจัดสรรประมาณ 5,500 ผู้ประกอบการสำหรับการขายเงินลงทุนและมีแผนจะขายหุ้นใน บริษัท ที่มีอยู่แล้วการซื้อขายแก่สาธารณชนรวมทั้ง Rosneft ผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ [5].
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 - เดือนมกราคม 2009 ของรัสเซียทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ (FXR) ลดลง 210 $ พันล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดของพวกเขาเพื่อ $ 386,000,000,000 เป็นธนาคารกลางนโยบายของการลดค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการต่อสู้กับการลดค่าความคมชัดของเงินรูเบิล เงินรูเบิลลดลง 35% เมื่อเทียบกับดอลลาร์จากการโจมตีของวิกฤตในเดือนสิงหาคมถึงเดือนมกราคมปี 2009 [6] ในขณะที่เงินรูเบิลที่มีความเสถียรในเดือนมกราคมสำรองเริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเติบโตอีกครั้งตลอดปี 2009 ถึงสูงระยะยาวรายปี $ 452,000,000,000 โดยปี -End. [7] [8]
เศรษฐกิจของรัสเซียโผล่ออกมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสที่สามของปี 2009 หลังจากที่สองในสี่ของการเติบโตติดลบบันทึก. [9] จีดีพีหดตัวลง 7.9% สำหรับทั้งปี 2009 [10] น้อยกว่าทางเศรษฐกิจ การคาดการณ์ของกระทรวง 8.5%. [11] ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเศรษฐกิจของรัสเซียจะเติบโตอย่างสุภาพในปี 2010 ด้วยการประเมินตั้งแต่ 3.1% โดยกระทรวงเศรษฐกิจที่รัสเซีย [12] ถึง 2.5%, 3.6% และ 4.9% โดยธนาคารโลกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เศรษฐกิจที่ดีในประเทศรัสเซียเป็นวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินของรัสเซีย รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ประกอบจากความหวาดกลัวทางการเมืองหลังสงครามกับจอร์เจียและโดย plummeting ราคาของเทือกเขายูแร็ลสหนักน้ำมันดิบซึ่งหายไปมากกว่า 70% ของค่าของมันตั้งแต่การบันทึกสูงสุดที่ US $ 147 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2551 ก่อนดีดกลับปานกลางในปี 2009 ตามที่ธนาคารโลกรัสเซียที่แข็งแกร่งระยะสั้นเศรษฐกิจพื้นฐานทำให้ดีขึ้นเตรียมกว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มากมาย เพื่อจัดการกับวิกฤต แต่พื้นฐานของโครงสร้างจุดอ่อนและการพึ่งพาสูงในราคาของสินค้าเดี่ยวทำให้ผลกระทบที่เด่นชัดกว่า มิฉะนั้นจะเป็นกรณี [ 1 ]
ในปลายปี 2008 ในระหว่างการโจมตีของวิกฤตตลาดรัสเซียลดลงและมากกว่า $ 1 ล้านได้ถูกลบออกจากค่าหุ้นของรัสเซีย [ 2 ] แม้ว่าหุ้นรัสเซีย ดีดตัวขึ้นในปี 2009 เป็นนักแสดงที่ดีที่สุดของโลก , กับดัชนีไมเซ็กซ์มีมากกว่าสองเท่าในมูลค่าและฟื้นครึ่งหนึ่งของปี 2551 ขาดทุน [ 3 ]
เป็นวิกฤตขึ้นรอยเตอร์และเวลาทางการเงินคาดการณ์ว่าวิกฤตจะถูกใช้เพื่อเพิ่มเครมลินควบคุมสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการย้อนกลับของ " สินเชื่อเพื่อการขายหุ้น " ของปี 1990 เมื่อรัฐขายสินทรัพย์หลักของ oligarchs เพื่อแลกกับเงินกู้ [ 4 ] ในทางตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้เก็งในเดือนกันยายน 2552 รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศแผนการที่จะขายหุ้นพลังงานและการขนส่งของรัฐเพื่อช่วยอุดการขาดดุลงบประมาณ และช่วยปรับปรุงโครงสร้างอายุของประเทศ สภาพโดยรวมประมาณ 5 , 500 กิจและมีแผนจะขายหุ้นใน บริษัท ที่ซื้อขายสาธารณะแล้ว , รวมทั้ง Rosneft , ผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ [ 5 ]
จากเดือนกรกฎาคม 2551 - มกราคม 2552 ขอสงวนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของรัสเซีย ( fxr ) ที่ลดลงโดย $ 210 ล้านบาท จากยอดถึง $ 386 พันล้านเป็นธนาคารกลางนโยบายลดค่าทีละส่วน เพื่อต่อสู้กับการลดค่าความคมของเงินรูเบิล รูเบิลลดลง 35% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากการโจมตีของวิกฤตในเดือนมกราคม 2009[ 6 ] เป็นรูเบิล ความเสถียรในเดือนมกราคมสำรองเริ่มมั่นคงขึ้นอีกตลอด 2009 , เข้าถึงได้นานเป็นปีสูงของ $ 452 ล้านบาท โดยในปี 's-end [ 7 ] [ 8 ]
รัสเซียเป็นเศรษฐกิจเกิดขึ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาส 3 ของปี 2009 หลังจากที่สองในสี่ของการบันทึกลบ . [ 9 ] GDP หดตัวโดย 7.9% สำหรับทั้งหมดของปี 2009 [ 10 ] น้อยกว่าการคาดการณ์เศรษฐกิจของกระทรวง 8.5 %[ 11 ] ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า เศรษฐกิจของรัสเซียจะเติบโตดีขึ้นใน 2010 , กับประมาณการตั้งแต่ 3.1% โดยรัสเซียกระทรวงทางเศรษฐกิจ [ 12 ] 2.5 % , 3.6 % และ 4.9% โดยธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ( โออีซีดี ) ตามลำดับ