Albert Einstein was born at Ulm, in

Albert Einstein was born at Ulm, in Württemberg, Germany, on March 14, 1879. Six weeks later the family moved to Munich, where he later on began his schooling at the Luitpold Gymnasium. Later, they moved to Italy and Albert continued his education at Aarau, Switzerland and in 1896 he entered the Swiss Federal Polytechnic School in Zurich to be trained as a teacher in physics and mathematics. In 1901, the year he gained his diploma, he acquired Swiss citizenship and, as he was unable to find a teaching post, he accepted a position as technical assistant in the Swiss Patent Office. In 1905 he obtained his doctor's degree.

During his stay at the Patent Office, and in his spare time, he produced much of his remarkable work and in 1908 he was appointed Privatdozent in Berne. In 1909 he became Professor Extraordinary at Zurich, in 1911 Professor of Theoretical Physics at Prague, returning to Zurich in the following year to fill a similar post. In 1914 he was appointed Director of the Kaiser Wilhelm Physical Institute and Professor in the University of Berlin. He became a German citizen in 1914 and remained in Berlin until 1933 when he renounced his citizenship for political reasons and emigrated to America to take the position of Professor of Theoretical Physics at Princeton*. He became a United States citizen in 1940 and retired from his post in 1945.

After World War II, Einstein was a leading figure in the World Government Movement, he was offered the Presidency of the State of Israel, which he declined, and he collaborated with Dr. Chaim Weizmann in establishing the Hebrew University of Jerusalem.

Einstein always appeared to have a clear view of the problems of physics and the determination to solve them. He had a strategy of his own and was able to visualize the main stages on the way to his goal. He regarded his major achievements as mere stepping-stones for the next advance.

At the start of his scientific work, Einstein realized the inadequacies of Newtonian mechanics and his special theory of relativity stemmed from an attempt to reconcile the laws of mechanics with the laws of the electromagnetic field. He dealt with classical problems of statistical mechanics and problems in which they were merged with quantum theory: this led to an explanation of the Brownian movement of molecules. He investigated the thermal properties of light with a low radiation density and his observations laid the foundation of the photon theory of light.

In his early days in Berlin, Einstein postulated that the correct interpretation of the special theory of relativity must also furnish a theory of gravitation and in 1916 he published his paper on the general theory of relativity. During this time he also contributed to the problems of the theory of radiation and statistical mechanics.

In the 1920's, Einstein embarked on the construction of unified field theories, although he continued to work on the probabilistic interpretation of quantum theory, and he persevered with this work in America. He contributed to statistical mechanics by his development of the quantum theory of a monatomic gas and he has also accomplished valuable work in connection with atomic transition probabilities and relativistic cosmology.

After his retirement he continued to work towards the unification of the basic concepts of physics, taking the opposite approach, geometrisation, to the majority of physicists.

Einstein's researches are, of course, well chronicled and his more important works include Special Theory of Relativity (1905), Relativity (English translations, 1920 and 1950), General Theory of Relativity (1916), Investigations on Theory of Brownian Movement (1926), and The Evolution of Physics (1938). Among his non-scientific works, About Zionism (1930), Why War? (1933), My Philosophy (1934), and Out of My Later Years (1950) are perhaps the most important.

Albert Einstein received honorary doctorate degrees in science, medicine and philosophy from many European and American universities. During the 1920's he lectured in Europe, America and the Far East, and he was awarded Fellowships or Memberships of all the leading scientific academies throughout the world. He gained numerous awards in recognition of his work, including the Copley Medal of the Royal Society of London in 1925, and the Franklin Medal of the Franklin Institute in 1935.

Einstein's gifts inevitably resulted in his dwelling much in intellectual solitude and, for relaxation, music played an important part in his life. He married Mileva Maric in 1903 and they had a daughter and two sons; their marriage was dissolved in 1919 and in the same year he married his cousin, Elsa Löwenthal, who died in 1936. He died on April 18, 1955 at Princeton, New Jersey.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Albert Einstein เกิดที่ ulm ในwürttemberg, เยอรมนีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1879 หกสัปดาห์ต่อมาครอบครัวย้ายไปมิวนิคซึ่งเขาภายหลังเริ่มการศึกษาของเขาที่โรงยิม Luitpold ต่อมาพวกเขาย้ายไปยังอิตาลีและ albert ต่อการศึกษาของเขาที่อาเรา, วิตเซอร์แลนด์และในปี 1896 เขาเข้าโรงเรียนโปลีเทคนิคสวิสของรัฐบาลกลางในซูริคที่จะได้รับการอบรมเป็นครูในสาขาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ในปี 1901, ปีเขาได้รับประกาศนียบัตรของเขาที่เขาได้รับสัญชาติสวิสและในขณะที่เขาก็ไม่สามารถที่จะหาที่โพสต์การเรียนการสอนที่เขาได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยทางเทคนิคในสำนักงานสิทธิบัตรสวิส ในปี 1905 เขาได้รับปริญญาเอกของเขา.

ระหว่างที่เขาอยู่ที่สำนักงานสิทธิบัตรและในเวลาว่างเขาผลิตมากจากการทำงานที่น่าทึ่งของเขาและในปี 1908 เขาได้รับแต่งตั้ง privatdozent ที่ในเบิร์นในปี 1909 เขาก็กลายเป็นอาจารย์พิเศษที่ซูริค, ในปี 1911 ศาสตราจารย์ฟิสิกส์ทฤษฎีที่ปรากกลับไปซูริคในปีต่อไปเพื่อเติมเต็มการโพสต์ที่คล้ายกัน ในปี 1914 เขาได้รับการแต่งตั้งผู้อำนวยการของสถ​​าบันทางกายภาพ kaiser Wilhelm และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเบอร์ลินเขากลายเป็นพลเมืองของเยอรมันในปี 1914 และยังคงอยู่ในเบอร์ลินจนถึง 1,933 เมื่อเขาสละสัญชาติของเขาสำหรับเหตุผลทางการเมืองและอพยพไปอยู่อเมริกาที่จะใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ฟิสิกส์ทฤษฎีที่พรินซ์ตัน * เขากลายเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1940 และลาออกจากตำแหน่งของเขาในปี 1945.

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง Einstein เป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวของรัฐบาลโลกเขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีของรัฐของอิสราเอลซึ่งเขาปฏิเสธและเขาร่วมมือกับดร Weizmann chaim ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยฮิบรูเยรูซาเล็ม.

Einstein เสมอดูเหมือนจะมีมุมมองที่ชัดเจนของปัญหาของฟิสิกส์และความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาได้ เขามีกลยุทธ์ของตัวเองและก็สามารถที่จะเห็นภาพขั้นตอนหลักในทางไปสู่​​เป้าหมายของเขาเขาได้รับการยกย่องความสำเร็จที่สำคัญของเขาเป็นก้าวหินเพียงสำหรับล่วงหน้าต่อไป.

จุดเริ่มต้นของงานทางวิทยาศาสตร์ของเขา Einstein ตระหนักถึงความบกพร่องของกลศาสตร์นิวตันและทฤษฎีพิเศษสัมพัทธภาพของเขาเกิดจากความพยายามที่จะเจรจาต่อรองกฎหมายของกลศาสตร์กับ กฎหมายของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเขาจัดการกับปัญหาคลาสสิกของกลศาสตร์สถิติและปัญหาที่พวกเขากำลังรวมกับทฤษฎีควอนตัม: นี้จะนำไปสู่​​คำอธิบายของการเคลื่อนไหว Brownian ของโมเลกุล เขาตรวจสอบสมบัติทางความร้อนของแสงที่มีความหนาแน่นรังสีต่ำและข้อสังเกตของเขาวางรากฐานของทฤษฎีโฟตอนของแสง.

ในวันแรกของเขาในกรุงเบอร์ลินEinstein ตั้งสมมติฐานว่าการตีความที่ถูกต้องของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษยังต้องให้ทฤษฎีของแรงโน้มถ่วงและในปี 1916 เขาตีพิมพ์กระดาษของเขาในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของ ในช่วงเวลานี้เขาก็มีส่วนทำให้ปัญหาของทฤษฎีของการฉายรังสีและกลศาสตร์สถิติ.

ในปี 1920 Einstein ลงมือก่อสร้างของทฤษฎีสนามปึกแผ่น,แม้ว่าเขาจะยังคงทำงานอยู่กับการตีความของความน่าจะเป็นของทฤษฎีควอนตัมและเขาพยายามด้วยการทำงานในอเมริกานี้ เขามีส่วนในการกลศาสตร์สถิติด้วยการพัฒนาของทฤษฎีควอนตัมของก๊าซ monatomic และเขายังได้สำเร็จงานที่มีคุณค่าในการเชื่อมต่อกับความน่าจะเปลี่ยนอะตอมและจักรวาลวิทยาความสัมพันธ์.

หลังจากเกษียณเขายังคงทำงานต่อการผสมผสานของแนวคิดพื้นฐานของฟิสิกส์การวิธีการที่ตรงข้าม geometrisation, ส่วนใหญ่ของนักฟิสิกส์.

ของ Einstein งานวิจัยที่แน่นอนลงมือดีและผลงานที่สำคัญมากขึ้นของเขารวมถึงทฤษฎีพิเศษ สัมพัทธภาพ (1905) สัมพัทธภาพ (ภาษาอังกฤษแปล 1920 และ 1950) ทฤษฎีทั่วไปของความสัมพันธ์ (1916)การตรวจสอบเกี่ยวกับทฤษฎีของการเคลื่อนไหว Brownian (1926) และวิวัฒนาการของฟิสิกส์ (1938) ในงานที่ไม่ทางวิทยาศาสตร์ของเขาเกี่ยวกับ Zionism (1930) ทำไมสงคราม (1933), ปรัชญา (1934) และจากปีต่อมาฉัน (1950) ของฉันที่อาจจะสำคัญที่สุด.

Albert Einstein ได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์และปรัชญาจากมหาวิทยาลัยในยุโรปและอเมริกาจำนวนมากในช่วงปี 1920 เขาสอนในยุโรปอเมริกาและตะวันออกห่างไกลและเขาได้รับรางวัลทุนหรือสมาชิกของทุกสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำทั่วโลก เขาได้รับรางวัลมากมายในการรับรู้ของการทำงานรวมทั้งเหรียญเพลย์ของราชสมาคมแห่งลอนดอนในปี 1925 และเหรียญของแฟรงคลินแฟรงคลินสถาบันในปี 1935 ของเขา.

ของขวัญของ Einstein ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ในที่อยู่อาศัยของเขามากในความสันโดษทางปัญญาและการผ่อนคลายเพลงที่เล่นเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา เขาแต่งงานกับ mileva Maric ในปี 1903 และพวกเขามีลูกสาวคนหนึ่งและบุตรชายสอง; การแต่งงานของพวกเขาถูกกลืนหายไปในปี 1919 และในปีเดียวกันเขาได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขา, Elsa Löwenthalผู้ที่เสียชีวิตในปี 1936 เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 เมษายน 1955 ที่ Princeton, เสื้อใหม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อัลเบิร์ตไอน์สไตน์เกิดใน Ulm เทมแบร์ก เยอรมนี บน 14 มีนาคม 1879 สัปดาห์ที่ 6 หลังจากครอบครัวย้ายไปมิวนิค ที่เขาในภายหลังเริ่มศึกษาของเขาที่โรงยิมลุคโพล ภายหลัง พวกเขาย้ายไปอิตาลี และอัลเบิร์ตยังคงศึกษาที่ Aarau สวิตเซอร์แลนด์ และ 1896 เขาป้อนสวิสกลางโรงเรียนสารพัดช่างโรงเรียนในซูริกจะได้รับการอบรมเป็นครูในวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ใน 1901 ปีที่เขาได้รับประกาศนียบัตรของเขา เขาได้รับสัญชาติสวิส แล้ว ตามเขาไม่พบสอน เขายอมรับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยทางเทคนิคในสวิสสิทธิบัตรสำนัก ปีพ.ศ. 2448 สมัย ที่เขารับปริญญาแพทย์ของเขา

เขาพัก ที่สำนักงานสิทธิบัตร และ ในเวลาว่างของเขา เขาผลิตงานของเขาน่าทึ่งมาก และใน 1908 เขาได้รับ Privatdozent ในบารน์ ในปี 1909 เขาได้เป็นอาจารย์ใหญ่วิสามัญในซูริก 1911 ศาสตราจารย์ของฟิสิกส์ทฤษฎีที่ปราก พบในปีต่อไปนี้เติมลงคล้ายซูริก ใน 1914 เขาถูกแต่งตั้งกรรมการสถาบันจริงวิลเฮล์มนิคมและศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เขากลายเป็น พลเมืองเยอรมันใน 1914 และยังคงเหลืออยู่ในปี 1933 เมื่อเขา renounced สัญชาติของเขาด้วยเหตุผลทางการเมือง และได้อพยพไปอเมริกาจะใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ของฟิสิกส์ทฤษฎีที่ปรินซ์ตัน * เขากลายเป็น พลเมืองสหรัฐอเมริกาใน ๒๔๘๓ และออกจากตำแหน่งของเขาในปีค.ศ. 1945

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ไอน์สไตน์รูปชั้นนำในความเคลื่อนไหวรัฐบาลโลก เขาเสนอให้ประธานาธิบดีรัฐอิสราเอล ซึ่งเขาปฏิเสธ และเขาได้ร่วมมือกับดร. Chaim Weizmann ในการสร้างบรูมหาวิทยาลัยของเยรูซาเล็ม

ไอน์สเสมอปรากฏให้ มีมุมมองที่ชัดเจนของปัญหาของฟิสิกส์และความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา เขามีกลยุทธ์ของตนเอง และสามารถมองเห็นภาพขั้นตอนหลักการทำให้เป้าหมายของเขา เขาถือว่าความสำเร็จสำคัญของเขาเป็นเพียง stepping-stones ในการต่อล่วงหน้า

ที่เริ่มต้นของงานทางวิทยาศาสตร์ของเขา ไอน์ส inadequacies กลศาสตร์ทฤษฎีความสัมพันธ์ของทฤษฎีพิเศษของเขาดังจากความพยายามในการกระทบยอดกฎของกลศาสตร์กับกฎหมายของฟิลด์แม่เหล็กไฟฟ้าที่รับรู้ เขาจัดการกับปัญหาคลาสสิกของควอนตัมและปัญหาที่พวกเขาได้รวมกับทฤษฎีควอนตัม: นี้นำไปสู่การอธิบายการเคลื่อนที่แบบบราวน์ของโมเลกุล เขาตรวจสอบคุณสมบัติความร้อนของน้ำมีความหนาแน่นของรังสีต่ำ และการสังเกตของเขาวางรากฐานของทฤษฎีโฟตอนของแสง

ในวันแรก ๆ ของเขาในกรุงเบอร์ลิน ไอน์ส postulated ว่า ตีความถูกต้องของทฤษฎีสัมพัทธภาพของทฤษฎีพิเศษยังต้องเฟอร์ทฤษฎีของแรงโน้มถ่วง และใน 1916 เขาเผยแพร่กระดาษของเขาในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ระหว่างนี้ เขายังส่วนปัญหาของทฤษฎีของรังสีและกลศาสตร์สถิติ

ใน 1920 ไอน์สเริ่มต้นในการก่อสร้างโดยฟิลด์ทฤษฎี ถึงแม้ว่าเขายังคงทำงานในการตีความทฤษฎีควอนตัม probabilistic และเขา persevered กับงานนี้ในอเมริกา เขาส่วนการควอนตัม โดยเขาพัฒนาทฤษฎีควอนตัมของก๊าซ monatomic และเขายังได้ทำงานมีคุณค่าในการเชื่อมต่อกับกิจกรรมเปลี่ยนอะตอมและ relativistic จักรวาล

หลังเกษียณของเขาเขายังคงทำงานต่อรวมกันของแนวคิดพื้นฐานของฟิสิกส์ ข้างวิธีตรงกันข้าม geometrisation ส่วนใหญ่ของ physicists

งานวิจัยของไอน์ส แน่นอน ดี chronicled และผลงานที่สำคัญได้แก่ทฤษฎีสัมพัทธพิเศษทฤษฎีของภาพ (1905), ทฤษฎีสัมพัทธภาพ (แปลเป็นภาษาอังกฤษ 1920 และ 1950) ทฤษฎีทั่วไปของทฤษฎีสัมพัทธภาพ (1916), ตรวจสอบในทฤษฎีของการเคลื่อนที่แบบบราวน์ (1926), และวิวัฒนาการของวิชาฟิสิกส์ (1938) นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ผลงาน ขบวนการไซออเกี่ยวกับนิสต์ (1930), สงครามทำไม (1933), ปรัชญาของฉัน (1934), และของฉันในภายหลังปี (1950) อาจจะสำคัญสุด

อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์องศาในวิทยาศาสตร์ แพทย์ และปรัชญาจากมหาวิทยาลัยในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ในระหว่าง 1920 เขา lectured ในยุโรป อเมริกา และตะวันออกไกล และเขาได้รับรางวัลทุนหรือสมาชิกของทั้งหมดนำวิทยาศาสตร์ทหารทั่วโลก เขาได้รับรางวัลจำนวนมากรับงานของเขา เหรียญทโคบเลย์ของรอยัลโซไซตี้ของลอนดอนใน 1925 และเหรียญแฟรงคลินสถาบันแฟรงคลินในปี 1935

ของขวัญของไอน์สย่อมเกิดในที่อยู่อาศัยของเขามากในทางปัญญาความสันโดษ และ ผ่อนคลาย เพลงที่เล่นเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขา เขาสมรส Mileva Maric ใน 1903 และมีบุตรสาวและบุตรชายสองคน งานแต่งงานของพวกเขาถูกละลายในค.ศ. 1919 และในปีเดียวกัน เขาแต่งงานก. Löwenthal, Elsa ที่เสียชีวิตในค.ศ. 1936 เขาตายบน 18 เมษายน 1955 ที่พรินซ์ตัน นิวเจอร์ซีย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ก็เกิดขึ้นที่ ulm ใน württemberg เยอรมนีในวันที่ 14 มีนาคม 1879 หกสัปดาห์ต่อมาครอบครัวได้ย้ายไปเพื่อไปยัง Munich สถานที่ซึ่งต่อมาเขาก็เริ่มในโรงเรียนของเขาที่ luitpold ยิมเนเซียม ต่อมาพวกเขาก็ย้ายไปอิตาลีและอัลเบิร์ตการศึกษาต่อของเขาที่อาเราสวิตเซอร์แลนด์และในปี 1896 เขาเข้าไปสวิสกลาง(โรงเรียนโรงเรียนในเมืองซูริกที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นครูในวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ในปี 1901 ที่เขาได้รับปริญญาของเขาเขาได้รับการเป็นพลเมืองของโลกชาวสวิสและเขาก็ไม่สามารถหาที่ทำการไปรษณีย์การเรียนการสอนซึ่งเขาได้รับการยอมรับตำแหน่งที่เป็นผู้ช่วยด้านเทคนิคในสวิสสิทธิบัตร ในปี 1905 เขาได้รับปริญญาของหมอ.

ในระหว่างการเข้าพักของท่านในสิทธิบัตรและในเวลาสำรองของเขาเขาผลิตมากในการทำงานที่โดดเด่นของเขาและในปี 1908 เขาได้รับการแต่งตั้งใน privatdozent :สมาพันธรัฐในปี 1909 เขาได้กลายเป็นศาสตราจารย์พิเศษที่เมืองซูริกใน 1911 ศาสตราจารย์ของระบบฟิสิกส์ในทางทฤษฎีใน Prague เดินทางกลับสู่ Zurich ในปีต่อไปนี้ในการเติมน้ำลงในที่ทำการไปรษณีย์ที่คล้ายคลึงกัน ในปี 1914 เขาได้รับการแต่งตั้งกรรมการของ Kaiser Wilhelm ทาง กายภาพ และศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยของเบอร์ลินเขากลายเป็นพลเมืองชาวเยอรมันในปี 1914 และยังอยู่ในเกณฑ์ดีในกรุงเบอร์ลินจนกระทั่งปี 1933 เมื่อเขายกเลิกการเป็นพลเมืองของโลกของเขาด้วยเหตุผลทางการเมืองและโรนัลด์ในอเมริกาในตำแหน่งของศาสตราจารย์ของระบบฟิสิกส์ในทางทฤษฎีที่ Princeton * เขากลายเป็นประเทศสหรัฐอเมริกาประชาชนในปี 1940 และเกษียณจากหลังของเขาในปีค.ศ. 1945 .

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองไอน์สไตน์เป็นรูปที่ผู้นำในโลกของรัฐบาลการเคลื่อนไหวได้เขาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีของรัฐของอิสราเอลที่เขาปฏิเสธและเขาได้ร่วมกับดร. chaim weizmann ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยฮิบรูของเยรูซาเล็ม.

ไอน์สไตน์เสมอจะได้ ภาพ ที่ชัดเจนของปัญหาของระบบฟิสิกส์และมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ เขาเป็นกลยุทธ์หนึ่งของเขาและก็สามารถแสดง ภาพ ขั้นตอนหลักที่อยู่บนทางที่จะทำให้เป้าหมายของเขาเขาถือว่าประสบความสำเร็จที่สำคัญของเขาเป็นเพียงก้าว - หินสำหรับการล่วงหน้าถัดไปที่.

ที่เริ่มที่จะใช้ในงานทางด้านวิทยาศาสตร์ของเขาไอน์สไตน์ก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ของกลไกของนิวตันและทฤษฎีพิเศษของความเข้าใจของเขามาจากความพยายามที่จะปรับกฎหมายของกลศาสตร์พร้อมด้วยกฎหมายของฟิลด์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้จัดการกับปัญหาในแบบคลาสสิกของกลไกทางสถิติและปัญหาในซึ่งพวกเขาจะนำมารวมกับทฤษฎีควอนตัมนี้นำไปสู่คำอธิบายของการเคลื่อนไหว brownian ของโมเลกุลของ เขาได้ตรวจสอบคุณสมบัติของความร้อนของแสงที่มีความหนาแน่นต่ำรังสีและการสังเกตการณ์ของเขาวางรากฐานของทฤษฎีโฟตอนของแสง.

ในวันเวลาของเขาในกรุงเบอร์ลินไอน์สไตน์ human utilization of the Earth ' s photosynthetic ว่าการตีความที่ถูกต้องของทฤษฎีพิเศษของความเข้าใจต้องจัดให้ทฤษฎีของความโน้มถ่วงและอยู่ใน 1916 เขาเผยแพร่เอกสารข้อมูลของเขาในทฤษฎีทั่วไปที่มีความเข้าใจ ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวนี้เขายังมีส่วนทำให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวกับทฤษฎีของรังสีและกลไกทางสถิติ.

ในช่วงทศวรรษที่ 1920 ' sthe ไอน์สไตน์ลงมือในการก่อสร้างของทฤษฎีฟิลด์แบบครบวงจรแม้ว่าเขาจะยังทำงานในการตีความ probabilistic ของทฤษฎีควอนตัมและเขาก็เพียรพยายามยืนกรานพร้อมด้วยงานนี้ในอเมริกาเหนือ เขามีส่วนทำให้กลไกทางสถิติโดยการพัฒนาการของเขาในเรื่องทฤษฎีควอนตัมของก๊าซ monatomic ได้และเขาก็มีงานทำมีคุณค่าในการเชื่อมต่อด้วยความน่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านปรมาณูและจักรวาลวิทยามัน,จะยัง.

หลังจากเกษียณอายุของเขาเขายังคงทำงานต่อที่ทำให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันซึ่งของที่แนวคิดพื้นฐานของวิชาฟิสิกส์,การที่อยู่ตรงข้ามกับแนวทาง, geometrisation ,การที่คนส่วนใหญ่ของนักฟิสิกส์.

ไอน์สไตน์ของการวิจัยการของหลักสูตรที่เขียนบันทึกเล่าถึงความพยายามของเขาและความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีกการทำงานรวมถึงข้อเสนอพิเศษทฤษฎีของความเข้าใจ( 1905 ),ความเข้าใจ(คำแปล ภาษาอังกฤษ , 1920 และ 1950 ),ทั่วไปทฤษฎีของความเข้าใจ( 1916 ),การสอบสวนในเชิงทฤษฎีของ brownian การเคลื่อนไหว( 1926 )และการพัฒนาของระบบฟิสิกส์(ค.ศ. 1938 ) ในบรรดาผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเขาเกี่ยวกับแต่( 1930 )ว่าทำไมสงครามหรือไม่? ( 1933 )ปรัชญา( 1934 )ของฉันและออกมาของปีต่อมาของฉัน( 1950 )มีบางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือที่.

อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในปรัชญาและวิทยาศาสตร์การแพทย์จากมหาวิทยาลัยในยุโรปและอเมริกาจำนวนมาก.ในช่วงทศวรรษที่ 1920 เขาไปบรรยายเรื่องนี้อย่างละเอียดลออทั้งในยุโรปอเมริกาเหนือและตะวันออกไกลและเขาได้รับรางวัล Departments of Rhetoric and Comparative Literature หรือการเป็นสมาชิกของขยายขอบข่ายกว้างขึ้นเรื่อยๆทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำได้ทั้งหมดตลอดทั่วทั้งโลก เขาได้รับรางวัลจำนวนมากในการยอมรับในการทำงานของเขารวมถึงโรงแรม Copley คว้าเหรียญทองของสมาคมที่ London ในปี 1925 และ Franklin คว้าเหรียญทองของ Franklin Institute ในเมื่อปี 1935 .

ของขวัญของไอน์สไตน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ส่งผลให้อยู่ในบ้านของเขามากอยู่คนเดียวทางปัญญาและสำหรับการผ่อนคลายดนตรีเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของเขา เขาแต่งงานกับ mileva maric ในปี 1903 และเขามีบุตรสาวและบุตรชายทั้งสองการแต่งงานของเขาก็ละลายได้ในเมื่อปี 1919 และในปีเดียวกันนั้นเขาแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขาแบบ löwenthal ผู้ซึ่งเสียชีวิตในปี 1936 เขาเสียชีวิตในวันวันที่ 18 เมษายน 1955 ที่ New Jersey