The cases (n
2111) were survivors

The cases (n
2111) were survivors of a first acute MI and were
matched to randomly selected population controls (n
2111). Dietary intake was assessed with a validated
semiquantitative FFQ. Adipose tissue profiles of essential fatty acids were assessed to validate cooking oil intake
and found to be consistent with self-reported major oils used for cooking. The data were analyzed using conditional
logistic regression. Palm oil users were more likely to have an MI than users of soybean oil [odds ratio (OR)
1.33;
95% CI: 1.08–1.63] or other cooking oils (OR
1.23; CI: 0.99–1.52), but they did not differ from users of soybean
oil with a high trans-fatty acid content (OR
1.14; CI: 0.84–1.56). These data suggest that as currently used in
Costa Rica, and most likely in many other developing countries, the replacement of palm oil with a polyunsaturated
nonhydrogenated vegetable oil would reduce the risk of MI. J. Nutr. 135: 2674–2679, 2005.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

(N 2111) กรณีมีผู้รอดชีวิตของ MI เฉียบพลันเป็นครั้งแรก และถูก
ตรงกับตัวควบคุมประชากรที่เลือกสุ่ม (n 2111) มีประเมินการบริโภคอาหารกับการตรวจ
semiquantitative FFQ เปลวส่วนกำหนดค่าของกรดไขมันจำเป็นได้ถูกประเมินเพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำมันทำอาหาร
และพบจะสอดคล้องกับรายงานด้วยตนเองน้ำมันหลักใช้ทำอาหาร มีวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เงื่อนไข
ถดถอยโลจิสติก ผู้ใช้น้ำมันปาล์มมีแนวโน้มที่จะมีการ MI มากกว่าผู้ใช้น้ำมันถั่วเหลือง [อัตราส่วนราคา (OR) 1.33;
95% CI: 1.08-1.63] หรือน้ำมันปรุงอาหารอื่น ๆ (OR 1.23 CI: 0.99 – 1.52), แต่พวกเขาไม่ได้แตกต่างจากผู้ใช้กากถั่วเหลือง
น้ำมัน ด้วยทรานส์ไขมันกรดสูง (1.14 หรือ CI: 0.84-1.56) แนะนำข้อมูลเหล่านี้ที่ใช้ในปัจจุบันใน
คอสตาริกา และมีแนวโน้มในการพัฒนาประเทศอื่น ๆ ทดแทนน้ำมันปาล์มมีความไม่อิ่มตัวมากที่สุด
nonhydrogenated น้ำมันพืชจะช่วยลดความเสี่ยงของ MI. J. Nutr 135:2674-2679, 2005

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรณี (n? 2111) เป็นผู้รอดชีวิตจากครั้งแรกเฉียบพลัน MI และได้รับการ
จับคู่เพื่อสุ่มเลือกตัวควบคุมประชากร (n? 2111) การบริโภคอาหารที่มีการประเมินการตรวจสอบ
FFQ เชิงกึ่งปริมาณ โปรไฟล์เนื้อเยื่อไขมันของกรดไขมันจำเป็นได้รับการประเมินในการตรวจสอบปริมาณน้ำมันปรุงอาหาร
และพบว่าเพื่อให้สอดคล้องกับน้ำมันที่สำคัญตนเองรายงานที่ใช้สำหรับการปรุงอาหาร วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เงื่อนไข
การถดถอยโลจิสติก ผู้ใช้ปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มที่จะมี MI กว่าผู้ใช้น้ำมันถั่วเหลือง [อัตราส่วนราคาต่อรอง (หรือ)? 1.33;
95% CI: 1.08-1.63] หรือน้ำมันปรุงอาหารอื่น ๆ (หรือ 1.23, CI: 0.99-1.52) แต่พวกเขาไม่ได้แตกต่างจากผู้ใช้ถั่วเหลือง
? น้ำมันที่มีปริมาณกรดสูงไขมันทรานส์ (หรือ 1.14, CI : 0.84-1.56) ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าใช้เป็นอยู่ในปัจจุบัน
คอสตาริกาและมีแนวโน้มมากที่สุดในหลายประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ แทนน้ำมันปาล์มที่มีการอิ่มตัว
น้ำมันพืช nonhydrogenated จะช่วยลดความเสี่ยงของการ MI เจ Nutr 135: 2674-2679, 2005

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรณี ( N
2111 ) เป็นผู้รอดชีวิตของแรก และแหลมมิ
จับคู่เพื่อสุ่มประชากรควบคุม ( N
2111 ) การบริโภคอาหารที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ffq
. เนื้อเยื่อไขมันโปรไฟล์ของกรดไขมันที่จำเป็นจะถูกประเมินเพื่อตรวจสอบน้ำมันพืชบริโภค
และพบว่ามีความสอดคล้องกับ self-reported สาขาน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกแบบ

ผู้ใช้น้ำมันปาล์มมีแนวโน้มที่จะมี มีมากกว่าใช้น้ำมันถั่วเหลือง [ อัตราเดิมพัน ( หรือ )

1.33 ; 95% CI : 1.08 ( 1.63 ) หรือน้ำมันปรุงอาหารอื่น ๆ ( หรือ
1.23 ; CI : 0.99 – 1.52 ) , แต่พวกเขาไม่ได้แตกต่างจากผู้ใช้น้ำมันถั่วเหลือง
ด้วยสูงทรานส์ กรดไขมัน ( หรือ
1.14 ; CI : 0.84 ( 1.56 ) ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันใช้ใน
คอสตาริกา และส่วนใหญ่ในประเทศที่พัฒนาอื่น ๆอีกมากมาย การแทนที่ของน้ำมันปาล์มกับไม่อิ่มตัว
nonhydrogenated น้ำมันพืช จะลดความเสี่ยงของมิ เจ NUTR . 135 : 2674 – 2229 , 2005