Abstract. The purpose of the study

Abstract. The purpose of the study was to test the hypothesis that infants with higher levels of prenatal exposure to polycyclic aromatic hydrocarbons (PAHs) from fossil fuel combustion may be at greater risk of developing respiratory symptoms. The study was carried out in a cohort of 333 newborns in Krakow, Poland, followed over the first year of life, for whom data from prenatal personal air monitoring of mothers in the second trimester of pregnancy were available. The relative risks of respiratory symptoms due to prenatal PAHs exposure were adjusted for potential confounders (gender of child, birth weight, maternal atopy, maternal education as a proxy for the socio-economic status, exposure to postnatal environmental tobacco smoke, and moulds in households) in the Poisson regression models. Increased risk related to prenatal PAH exposure was observed for various respiratory symptoms such as barking cough (RR=4.80; 95% CI: 2.73–8.44), wheezing without cold (RR=3.83; 95% CI: 1.18– 12.43), sore throat (RR=1.96; 95% CI: 1.38–2.78),
ear infection (RR=1.82; 95% CI: 1.03–3.23), cough irrespective of respiratory infections (RR=1.27; 95% CI: 1.07–1.52), and cough without cold (RR=1.72; 95% CI: 1.02–2.92). The exposure to PAHs also had impact on the duration of respiratory symptoms. The effect of PAHs exposure on the occurrence of such symptoms as runny nose or cough was partly modified by the simultaneous exposure to postnatal passive smoking. The analysis performed for the duration of respiratory symptoms confirmed significant interaction between PAHs exposure and postnatal ETS for runny or stuffy nose (RR=1.82; 95% CI: 1.57–2.10), cough (RR=1.18; 95% CI: 0.99–1.40), difficulty in breathing (RR=1.39; 95% CI: 1.01–1.92) and sore throat (RR=1.74; 1.26– 2.39). Obtained results support the hypothesis that prenatal exposure to immunotoxic PAHs may impair the immune function of the fetus and subsequently may be responsible for an increased susceptibility of newborns and young infants to respiratory infections

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อ วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อ ทดสอบสมมุติฐานที่ทารกมีระดับที่สูงขึ้นกับคีนนสูง (สาร PAHs) ก่อนคลอดแสงจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอาจจะเสี่ยงมากขึ้นหายใจ ได้ การศึกษาได้ดำเนินการในกลุ่มรุ่นของทารกแรกเกิด 333 ในคราคูฟ โปแลนด์ ตามปีแรกของชีวิต บุคคลที่มีข้อมูลจากการตรวจสอบอากาศก่อนคลอดส่วนบุคคลของมารดาในไตรมาสสองของการตั้งครรภ์ ความเสี่ยงสัมพัทธ์อาการระบบทางเดินหายใจเนื่องจากคลอดแสงสาร PAHs ถูกปรับปรุงสำหรับ confounders มีศักยภาพ (เพศของเด็ก น้ำหนักเกิด มารดา atopy การศึกษามารดาเป็นพร็อกซีสำหรับสถานะเศรษฐกิจ สัมผัสกับควันบุหรี่หลังคลอดสิ่งแวดล้อม และแม่พิมพ์ในครัวเรือน) ในแบบจำลองถดถอย Poisson พบว่า เพิ่มความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับดาวน์ผาแสงสำหรับอาการทางเดินหายใจต่าง ๆ เช่นเห่าไอ (RR = 4.80; 95% CI: 2.73-8.44), หายใจดังเสียงฮืดไม่เย็น (RR = 3.83; 95% CI: 1.18 – 12.43), เจ็บคอ (RR = 1.96; 95% CI: 1.38 – 2.78),หูติดเชื้อ (RR = 1.82; 95% CI: 1.03 – 3.23), อาการไอโดยไม่คำนึงถึงการติดเชื้อทางเดินหายใจ (RR = 1.27; 95% CI: 1.07 – 1.52), และไอไม่เย็น (RR = 1.72; 95% CI: 1.02 – 2.92) การสัมผัสกับสาร PAHs ยังมีผลกระทบกับระยะเวลาของอาการทางเดินหายใจ รับของกำนัลของสาร PAHs ในเกิดขึ้นเช่นอาการน้ำมูกไหลหรือไอมากบางส่วน modified การสัมผัสพร้อมกันกับบุหรี่ passive หลังคลอด การวิเคราะห์การดำเนินการในช่วงระยะเวลาของอาการทางเดินหายใจ confirmed งมากปฏิสัมพันธ์ระหว่างแสงสาร PAHs และ ETS หลังคลอดสำหรับน้ำมูก หรือจมูก stuffy (RR = 1.82; 95% CI: 1.57 – 2.10), ไอ (RR = 1.18; 95% CI: 0.99 – 1.40), difficulty ในการหายใจ (RR = 1.39; 95% CI: 1.01 – 1.92) และเจ็บคอ (RR = 1.74; 1.26 – 2.39) ได้ผลสนับสนุนสมมติฐานว่า แสงสาร PAHs immunotoxic ก่อนคลอดอาจทำให้เสียการทำงานของภูมิคุ้มกันของทารกในครรภ์ และต่อมาก็อาจมีความไวต่อการเพิ่มขึ้นของทารกแรกเกิดและเด็กทารกการติดเชื้อทางเดินหายใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นามธรรม. วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการทดสอบสมมติฐานที่ว่าทารกที่มีระดับที่สูงขึ้นจากการสัมผัสก่อนคลอดเพื่อไฮโดรคาร์บอน (PAHs) จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอาจมีความเสี่ยงสูงในการพัฒนาอาการระบบทางเดินหายใจ การศึกษาได้ดำเนินการในการศึกษา 333 ทารกแรกเกิดในคราคูฟโปแลนด์ตามในช่วงปีแรกของชีวิตสำหรับผู้ที่ข้อมูลจากการตรวจสอบคุณภาพอากาศก่อนคลอดส่วนบุคคลของมารดาในไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ที่มีอยู่ ความเสี่ยงสัมพัทธ์ของอาการระบบทางเดินหายใจจากการสัมผัสสาร PAHs ก่อนคลอดมีการปรับเกี่ยวกับตัวแปรที่มีศักยภาพ (เพศของเด็กน้ำหนักแรกเกิด, atopy มารดา, การศึกษาของมารดาเป็นผู้รับมอบฉันทะสำหรับสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมการสัมผัสกับควันบุหรี่สิ่งแวดล้อมหลังคลอดและแม่พิมพ์ในครัวเรือน ) ในรูปแบบการถดถอยปัวซอง เพิ่มความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการได้รับสาร PAH ก่อนคลอดก็สังเกตเห็นอาการระบบทางเดินหายใจต่างๆเช่นเห่าไอ (RR = 4.80; 95% CI: 2.73-8.44) โดยไม่ต้องหายใจดังเสียงฮืดเย็น (RR = 3.83; 95% CI: 1.18- 12.43) เจ็บคอ (RR = 1.96; 95% CI: 1.38-2.78)
ติดเชื้อที่หู (RR = 1.82; 95% CI: 1.03-3.23) ไอโดยไม่คำนึงถึงเชื้อทางเดินหายใจ (RR = 1.27; 95% CI: 1.07-1.52) และ โดยไม่ต้องไอเย็น (RR = 1.72; 95% CI: 1.02-2.92) ความเสี่ยงที่จะ PAHs ยังมีผลกระทบต่อระยะเวลาของอาการระบบทางเดินหายใจ อี FF ect ของการสัมผัสสาร PAHs ในการเกิดอาการดังกล่าวจมูกน้ำมูกไหลหรืออาการไอเป็นส่วนหนึ่ง Modi Fi ed โดยการสัมผัสพร้อมกันกับการสูบบุหรี่เรื่อย ๆ หลังคลอด การวิเคราะห์การดำเนินการในช่วงระยะเวลาของอาการหายใจ Con Fi rmed ปฏิสัมพันธ์ลาดเทนัยสำคัญ Fi ระหว่างการเปิดรับสาร PAHs และ ETS หลังคลอดสำหรับน้ำมูกไหลหรือ STU FF Y จมูก (RR = 1.82; 95% CI: 1.57-2.10) ไอ (RR = 1.18; 95% CI: 0.99-1.40 ), ดิ FFI culty ในการหายใจ (RR = 1.39; 95% CI: 1.01-1.92) และเจ็บคอ (RR = 1.74; 1.26- 2.39) ผลที่ได้รับการสนับสนุนสมมติฐานว่าการสัมผัสก่อนคลอดเพื่อ PAHs immunotoxic อาจทำให้เสียการทำงานของภูมิคุ้มกันของทารกในครรภ์และต่อมาอาจจะต้องรับผิดชอบสำหรับความไวต่อการเพิ่มขึ้นของทารกแรกเกิดและเด็กทารกติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ