Thailand and Japan have a strong ec

Thailand and Japan have a strong economic relationship very well. This can be seen from the numbers. As will be discussed in the following year.. 2547, Japan was the largest trading partner of Thailand. While Thailand was named as Japan's largest trading partner in Southeast Asia. Or is the seventh-largest in the world, with a retail value of up to US $ 34,000 million. The value of exports from Thailand to Japan accounted for 14.0 percent of the value of exports from Thailand to the world. It is the 2nd of exports to the United States. While imports from Japan accounted for 23.6 percent of imports from other countries into Thailand. He said that Japan was the largest source country for FDI from Japan in the past, until the year 2547 value represents approximately 40 percent of the total foreign direct investment. The Japanese is the nation's largest investor. Currently it is the Japanese company set up production bases in Thailand up to 1234's (the Company be registered with the Japanese Chamber of Commerce in Bangkok only) and these companies employed workers in Thailand almost four hundred thousand people travel back and forth between. people on both sides were busy as well in 2547, with the Japanese travel to Thailand up to 1.21 million people, second only to Malaysia. But in the meantime, people who travel to Thailand, Japan, was about one hundred thousand people, which is also considered a small number. So in order to increase the number of people visiting Japan, Thailand and Japan to know more. The Japanese government has organized a campaign "Visit Japan Campaign" to attract foreign tourists to visit Japan and more. The country is an important market for Thailand and Japan are conducting negotiations on a free trade area (FTA) officially that. "The agreement is a partnership Thailand - Japan (JTEPA)" The two countries are expected to reach an agreement by early next year, the goal of JTEPA addition to free trade and open markets. It also covers other fields Widely Including services Investment Regulations Personnel moves And protecting intellectual property, etc. Thus, the agreement therefore the name. The partnership agreement (EPA) the agreement Free Trade Area (FTA) based on the assessment of the Research Institute for Development of Thailand (TDRI) found that if JTEPA into effect and GDP (gross domestic product) of Thailand will be increased. 1.81 percent of exports to Japan will increase to 3.44 per cent and investment from Japan will increase to 3.17 percent, resulting in economic relations between Thailand and Japan - and a pretty good friendship between the two countries. At the close relations already Eternity is becoming more stable Japan give priority to Thailand. And aid equivalent to The aid provided to China, Indonesia, Philippines, approximately 60 percent - 70 of aid from DAC countries, Thailand has received. Japanese help The focus on branches. By priority Economic Development Plan National Social and No. 8 (2540 - 2544), including social assistance (education, HIV / AIDS), environmental preservation. Development of local agricultural industry based preparations. (Development engineering personnel Preparing the economic infrastructure, etc.).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงดี สามารถดูได้จากหมายเลข เป็นจะกล่าวถึงในปีต่อไปนี้... 2547 ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออยู่เจ็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ค่าขายปลีกของถึงสหรัฐอเมริกา $ 34000 ล้าน ค่าของส่งออกจากไทยไปญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 14.0 ของมูลค่าการส่งออกจากไทยไปทั่วโลก มันเป็นที่ 2 ของการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ในขณะที่นำเข้าจากญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 23.6 ของนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ในประเทศไทย เขากล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศแหล่งใหญ่ที่สุดสำหรับ FDI จากญี่ปุ่นในอดีต จนถึงปี 2547 มูลค่าถึงประมาณร้อยละ 40 ของการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศรวม ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ปัจจุบันเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ตั้งฐานผลิตในประเทศไทยถึงเป็น 1234 (บริษัทลงทะเบียนกับญี่ปุ่นหอการค้าในกรุงเทพเท่านั้น) และบริษัทเหล่านี้จ้างแรงงานในประเทศไทยเกือบ 4 แสนคนเดินทางไปมาระหว่างนั้น คนทั้งสองด้านไปด้วยในช่วงปี 2547 กับญี่ปุ่นในประเทศไทยถึง 1.21 ล้านคน สองเท่าไปเที่ยวมาเลเซีย แต่ในขณะเดียวกัน คนที่เดินทางไปประเทศไทย ญี่ปุ่น ประมาณหนึ่งแสนคน ซึ่งเป็นถือว่าเป็นจำนวนน้อย ดังนั้นเพื่อเพิ่มจำนวนคนเข้าชมญี่ปุ่น ไทย และญี่ปุ่นเพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดแคมเปญ "เที่ยวญี่ปุ่นส่งเสริมการขาย" เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเที่ยวญี่ปุ่นและอื่น ๆ ประเทศเป็นตลาดสำคัญสำหรับประเทศไทย และญี่ปุ่นจะดำเนินการเจรจาเขตการค้าเสรี (เขตการค้าเสรี) อย่างที่ "เป็นข้อตกลงความร่วมมือไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA)" ทั้งสองประเทศจะต้องบรรลุข้อตกลง โดยช่วงต้นปีหน้า เป้าหมายของ JTEPA นี้การค้าเสรีและเปิดตลาด มันยังครอบคลุมถึงเขตข้อมูลอื่น ๆ บริการอย่างกว้างขวางรวมทั้งบุคลากรระเบียบการลงทุนย้าย และปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ ดังนั้น ในข้อตกลงดังนั้นชื่อ ข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วน (EPA) ข้อตกลงการค้าเสรีที่ตั้ง (เขตการค้าเสรี) ตามการประเมินของ สถาบันวิจัยสำหรับการพัฒนาของประเทศไทย (TDRI) พบว่าหาก JTEPA มีผลและจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) ของประเทศไทยจะได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.81 การส่งออกไปญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.44 และการลงทุนจากญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.17 ในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - ญี่ปุ่น และมีมิตรภาพที่ดีระหว่างสองประเทศ ในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด แล้วนิรันดร์เป็น ลำดับความสำคัญให้ญี่ปุ่นมีเสถียรภาพมากขึ้นในประเทศไทย และความช่วยเหลือเทียบเท่ากับการช่วยเหลือให้แก่ประเทศจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ประมาณร้อยละ 60 - 70 ของความช่วยเหลือจากประเทศ DAC ไทยได้รับ ญี่ปุ่นช่วยเน้นสาขา ทางเศรษฐกิจพัฒนาแผนชาติสังคมสำคัญเลขที่ 8 (2540-2544), รวมทั้งความช่วยเหลือทางสังคม (การศึกษา เอชไอวี / ช่วย), อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมท้องถิ่นเตรียมการ (พัฒนาวิศวกรรมพนักงานเตรียมโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ฯลฯ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากตัวเลข ขณะที่จะมีการหารือในปีต่อไป .. 2547 ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือจะเป็นที่เจ็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีมูลค่าการค้าถึง US $ 34,000 ล้านบาท มูลค่าการส่งออกจากประเทศไทยไปยังประเทศญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 14.0 ของมูลค่าการส่งออกจากไทยไปทั่วโลก มันเป็นครั้งที่ 2 ของการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่การนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 23.6 ของการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ เข้ามาในประเทศไทย เขาว่ากันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแหล่งใหญ่ที่สุดสำหรับการลงทุนโดยตรงจากประเทศญี่ปุ่นในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปี 2547 มูลค่าหมายถึงประมาณร้อยละ 40 ของเงินลงทุนทั้งหมดโดยตรงจากต่างประเทศ ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ขณะนี้ก็เป็น บริษัท ญี่ปุ่นตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยได้ถึง 1,234 ของ (บริษัท ฯ ลงทะเบียนกับหอการค้าญี่ปุ่นในกรุงเทพฯเท่านั้น) และ บริษัท เหล่านี้คนงานในประเทศไทยเกือบสี่แสนคนเดินทางไปมาระหว่าง คนทั้งสองด้านกำลังยุ่งเช่นกันในปี 2547 ด้วยการเดินทางที่ญี่ปุ่นเข้ามาในประเทศไทยได้ถึง 1,210,000 คนที่สองเท่านั้นที่มาเลเซีย แต่ในขณะเดียวกันคนที่เดินทางไปยังประเทศไทย, ญี่ปุ่น, เป็นประมาณหนึ่งแสนคนซึ่งถือว่ายังมีจำนวนน้อย ดังนั้นเพื่อที่จะเพิ่มจำนวนของผู้เข้าชมญี่ปุ่น, ไทยและญี่ปุ่นที่จะทราบข้อมูลเพิ่มเติม รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดแคมเปญ "Visit ญี่ปุ่นแคมเปญ" เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเยือนประเทศญี่ปุ่นและอื่น ๆ ประเทศที่เป็นตลาดที่สำคัญสำหรับประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีการดำเนินการในการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อย่างเป็นทางการว่า "ข้อตกลงเป็นความร่วมมือไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA)" ทั้งสองประเทศที่คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงโดยในต้นปีหน้าเป้าหมายของ JTEPA นอกจากนี้การค้าเสรีและการเปิดตลาด นอกจากนี้ยังครอบคลุมสาขาอื่น ๆ อย่างกว้างขวางรวมทั้งกฎระเบียบบริการการลงทุนการเคลื่อนย้ายบุคลากรและการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาเป็นต้นดังนั้นข้อตกลงจึงชื่อ ข้อตกลงความร่วมมือ (EPA) ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) จากการประเมินผลของสถ​​าบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าหาก JTEPA มีผลบังคับใช้และ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) ของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 1.81 ของการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.44 และการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.17 ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - ญี่ปุ่นและมิตรภาพที่ดีงามระหว่างทั้งสองประเทศ ในความสัมพันธ์ใกล้ชิดอยู่แล้วไม่มีที่สิ้นสุดเป็นญี่ปุ่นมีเสถียรภาพมากขึ้นให้ความสำคัญกับประเทศไทย และช่วยให้เทียบเท่ากับความช่วยเหลือให้แก่ประเทศจีน, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ประมาณร้อยละ 60 - 70 ของความช่วยเหลือจากประเทศ DAC ประเทศไทยได้รับ ช่วยเหลือญี่ปุ่นมุ่งเน้นไปที่สาขา ตามลำดับความสำคัญแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (2540 - 2544) รวมทั้งความช่วยเหลือทางสังคม (การศึกษาเอชไอวี / เอดส์), การรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในท้องถิ่นเตรียมการตาม (การพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกรรมการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและอื่น ๆ )

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงมาก นี้สามารถเห็นได้จากตัวเลข โดยจะกล่าวถึงในปีต่อไปนี้ . . 2547 , ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทย ในขณะที่ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่เจ็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการขายปลีกถึง US $ 34 , 000 ล้านบาทมูลค่าการส่งออกจากไทยไปญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 14.0 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการส่งออกจากไทยไปทั่วโลก มันเป็น 2 ของการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ในขณะที่นำเข้าจากญี่ปุ่นร้อยละ 23.6 เปอร์เซ็นต์การนำเข้าจากประเทศอื่น ๆในไทย เขากล่าวว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแหล่งใหญ่ที่สุดสำหรับการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นในอดีตจนกระทั่งปี พ.ศ. 2547 แสดงถึงประมาณร้อยละ 40 ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ . ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของประเทศขณะนี้เป็น บริษัท ญี่ปุ่นตั้งฐานการผลิตในไทยถึง 1234 ( บริษัทต้องจดทะเบียนกับชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพเท่านั้น ) และ บริษัท เหล่านี้จ้างคนงานไทยเกือบ 4 แสนคนเดินทางไปมาระหว่าง คนทั้งสองข้างไม่ว่างเช่นกัน ในปี 2547 กับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในประเทศไทยถึง 1.21 ล้านคนที่สองเท่านั้นที่มาเลเซีย แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่เดินทางไปประเทศ ญี่ปุ่น คือประมาณ 1 แสนคน ซึ่งยังถือว่าเป็นจำนวนที่น้อย ดังนั้น เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม ญี่ปุ่น ไทย และญี่ปุ่น เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม รัฐบาลญี่ปุ่น ได้จัดแคมเปญ " เที่ยวญี่ปุ่นแคมเปญ " เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ญี่ปุ่น และอื่น ๆประเทศที่เป็นตลาดสำคัญสำหรับไทยและญี่ปุ่นมีการการเจรจาเกี่ยวกับเขตการค้าเสรี ( FTA ) " อย่างเป็นทางการที่ ข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนไทย - ญี่ปุ่น ( JTEPA ) " ทั้งสองประเทศคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงโดยช่วงต้นปีหน้า เป้าหมายของญี่ปุ่นนอกจากนี้ตลาดการค้าเสรี และเปิดนอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงด้านอื่น ๆอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการบริการ กฎระเบียบ การลงทุน บุคลากรย้ายและการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ ดังนั้น ข้อตกลงจึงชื่อข้อตกลงความร่วมมือ ( EPA ) ข้อตกลงเขตการค้าเสรี ( เอฟทีเอ ) ตามการประเมินของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ( ทีดีอาร์ไอ ) พบว่า ถ้า JTEPA มีผลบังคับใช้ และ GDP ( ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ) ของไทยจะเพิ่มขึ้น 1.81 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.44 และการลงทุนจากญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.17 เปอร์เซ็นต์ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่น และมิตรภาพที่ดีระหว่างสองประเทศ ในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแล้วกัลป์เป็นมีเสถียรภาพมากขึ้น ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับไทย และช่วยเหลือให้เทียบเท่ากับ จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ประมาณร้อยละ 60 - 70 ของความช่วยเหลือจากประเทศที่เด็กไทยได้รับญี่ปุ่นช่วยให้มุ่งเน้นไปที่สาขา โดยลําดับความสําคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ( พ.ศ. 2540 - 2544 ) รวมทั้งช่วยเหลือสังคม ( การศึกษา , เอชไอวี / เอดส์ , รักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรตามท้องถิ่น เตรียมการ การพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกรรมเตรียมโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ฯลฯ )