The PEF- and heat-processing treatm

The PEF- and heat-processing treatments of orange juice did not significantly change ascorbic acid content. The maximum ascorbic acid content was observed for E3 (583.91 ± 7.90) followed by E7, E6, H2, E4, E5, E8, E2, H1, and E1, respectively. The initial ascorbic acid content did not significantly differ for E1, E2 and E3 after the 180-day storage. The most unstable ascorbic acid contents belonged to E6, E8, and H2. Ascorbic acid contents for E6 decreased initially from 561.45 ± 16.74 to 232.83 ± 7.78 mg L−1 on 180th day. The ascorbic acid contents decreased from 539.18 ± 11.95 to173.21 ± 6.26 mg L−1 for E8 and from 552.37 ± 14.03 to 184.21 ± 1.65 mg L−1 for H2 (p < 0.05). The lowest ascorbic acid content was observed for E8 (173.21 mg L−1) followed by H2 at the end of the storage. The increased intensity of the PEF and heat treatments enhanced ascorbic acid degradation with the storage. Orange juice had better long-term storage stability when processed with the mild PEF treatments than with the heat treatments (p < 0.05). Out of the zero, first, second and third kinetics orders of ascorbic acid degradation with the storage (4 °C) investigated, the best-fit kinetics models appeared to be the second (R2 = 0.923) and zero (R2 = 0.985) orders for the PEF- and heat-treated samples, respectively (Table 4). The zero (Laing et al., 1978), first ( Cortes et al., 2008b and Tiwari et al., 2009) and second (Hsieh and Harris, 1993) order kinetics models were best fitted to ascorbic acid degradation in the previous studies. Manso et al. (2001) found ascorbic acid degradation kinetics of orange juice to follow the first order reaction kinetics at 20, 25, 30, 35, 40, and 45 °C and of lemon juice pasteurized at 65 °C for 30 s to follow the first order kinetics during storage at 25, 35, and 45 °C for 4 months. Ascorbic acid degradation rate was reported to decrease with the increasing storage temperature from 28 to 45 °C (Al-Zubaidy and Khalil, 2007). Lee and Coates (1999) stated that the loss of ascorbic acid for orange juice stored below 50 °C followed the first order reaction.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การรักษาประมวลผล PEF และความร้อนของน้ำส้มช่วยเปลี่ยนไม่ปริมาณกรดแอสคอร์บิค พบว่า เนื้อหาที่วิตามินซีสูงสุดสำหรับ E3 (583.91 ± 7.90) ตาม ด้วย E7, E6, H2, E4, E5, E8, E2, H1 และ E1 ตามลำดับ วิตามินซีเริ่มต้นเนื้อหาได้ไม่มากแตกต่างสำหรับ E1, E2 และ E3 หลังเก็บ 180 วันกัน หาวิตามินซีเสถียรมากที่สุดเป็น E6, E8 และ H2 กรดแอสคอร์บิเนื้อหาสำหรับ E6 ลดลงเริ่มจาก 561.45 ± 16.74 232.83 ± 7.78 mg L−1 180th วัน หาวิตามินซีลดลง และ 552.37 ±± to173.21 ± 11.95 539.18 6.26 มิลลิกรัม L−1 สำหรับ E8 14.03 184.21 ± 1.65 มิลลิกรัม L−1 สำหรับ H2 (p < 0.05) เนื้อหาวิตามินซีต่ำสุดเป็นที่สังเกตสำหรับ E8 (173.21 mg L−1) ตาม ด้วย H2 ที่สิ้นสุดของการจัดเก็บข้อมูล ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของ PEF และความร้อนสลายตัววิตามินซีกับการจัดเก็บขึ้น น้ำส้มมีความเสถียรเก็บยาวเมื่อประมวลผล ด้วยทรีทเมนท์ PEF อ่อนกว่ากับการรักษาความร้อน (p < 0.05) จากศูนย์ ครั้งแรก สอง และสามจลนพลศาสตร์สั่งสลายวิตามินเก็บ (4 ° C) การตรวจสอบ รุ่นจลนพลศาสตร์เหมาะดูเหมือนจะ เป็นครั้งที่สอง (R2 = 0.923) และศูนย์ (R2 = 0.985) สั่งสินค้าตัว treated PEF และ heat อย่าง ตามลำดับ (ตารางที่ 4) ศูนย์ (Laing et al. 1978), แรก (สคอทส์ et al. 2008b และ Tiwari et al. 2009) และที่สอง (เซียเหิงและแฮร์ริส 1993) สั่งจลนพลศาสตร์รุ่นที่ดีสุดที่ติดตั้งเพื่อลดวิตามินซีในการศึกษาก่อนหน้านี้ มันโซ et al. (2001) พบวิตามินสลายจลนพลศาสตร์ ของน้ำส้มตามจลนพลศาสตร์ปฏิกิริยาลำดับแรกที่ 20, 25, 30, 35, 40 และ 45 ° C และน้ำมะนาวพาสเจอร์ไรส์ที่อุณหภูมิ 65 ° C 30 s ตามจลนพลศาสตร์การลำดับแรกระหว่างการเก็บรักษาที่ 25, 35 และ 45 ° C 4 เดือน รายงานอัตราการย่อยสลายวิตามินเพื่อลดอุณหภูมิจัดเก็บเพิ่มขึ้นจาก 28 ถึง 45 ° C (อัล Zubaidy และคาลิลแมคกาห์ 2007) ลีและ Coates (1999) ระบุว่า การสูญเสียกรดแอสคอร์บิคสำหรับน้ำส้มเก็บต่ำกว่า 50 ° C ตามลำดับปฏิกิริยาแรก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

PEF- และความร้อนในการประมวลผลการรักษาของน้ำส้มไม่ได้อย่างมีนัยสำคัญเปลี่ยนเนื้อหาวิตามินซี ปริมาณกรดแอสคอบิสูงสุดสังเกต E3 (583.91 ± 7.90) ตามด้วย E7, E6, H2, E4, E5, E8, E2, H1, และ E1 ตามลำดับ เนื้อหาวิตามินซีเริ่มต้นไม่ได้อย่างมีนัยสำคัญแตกต่างกันสำหรับ E1, E2 และ E3 หลังจากการจัดเก็บ 180 วัน ไม่เสถียรมากที่สุดวิตามินซีปริมาณกรดเป็น E6, E8 และ H2 เนื้อหาวิตามินซีสำหรับ E6 ลดลงครั้งแรกจาก 561.45 ± 16.74 ไป L-1 232.83 ± 7.78 มก. ในวันที่ 180 เนื้อหาวิตามินซีลดลงจาก 539.18 ± 11.95 ± to173.21 L-1 6.26 มิลลิกรัมสำหรับ E8 และ 552.37 ± 14.03 ไป L-1 184.21 ± 1.65 มิลลิกรัมสำหรับ H2 (p <0.05) ปริมาณกรดแอสคอบิต่ำสุดเป็นข้อสังเกตสำหรับ E8 (173.21 mg L-1) ตามด้วย H2 ในตอนท้ายของการจัดเก็บ เพิ่มความเข้มของการย่อยสลายกรดแอสคอบิ PEF และความร้อนการรักษาเพิ่มขึ้นด้วยการจัดเก็บข้อมูล น้ำส้มได้ดีกว่าการเก็บรักษาในระยะยาวเมื่อการประมวลผลด้วยการรักษา PEF อ่อนกว่ากับการรักษาความร้อน (p <0.05) ออกจากศูนย์แรกจลนพลศาสตร์ที่สองและสามคำสั่งของการย่อยสลายวิตามินซีที่มีการจัดเก็บ (4 ° C) การตรวจสอบที่ดีที่สุดพอดีรุ่นจลนพลศาสตร์ดูเหมือนจะเป็นที่สอง (R2 = 0.923) และศูนย์ (R2 = 0.985) การสั่งซื้อ สำหรับตัวอย่าง PEF- และความร้อนได้รับการรักษาตามลำดับ (ตารางที่ 4) ศูนย์ (แลง et al., 1978) เป็นครั้งแรก (Cortes et al., 2008b และทิวา et al., 2009) และครั้งที่สอง (Hsieh และแฮร์ริส, 1993) รุ่นเพื่อจลนพลศาสตร์กำลังพอดีที่ดีที่สุดในการย่อยสลายวิตามินซีในการศึกษาก่อนหน้านี้ . Manso et al, (2001) พบว่าวิตามินซีจลนพลศาสตร์การย่อยสลายของน้ำส้มที่จะปฏิบัติตามแรกจลนศาสตร์ของปฏิกิริยาที่ 20, 25, 30, 35, 40, และ 45 องศาเซลเซียสและน้ำมะนาวพาสเจอร์ไรส์ที่ 65 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 30 วินาทีที่จะปฏิบัติตามคำสั่งแรก จลนพลศาสตร์ระหว่างการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 25, 35, และ 45 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 4 เดือน อัตราการย่อยสลายวิตามินซีมีรายงานว่าจะลดลงเมื่ออุณหภูมิการเก็บรักษาเพิ่มขึ้น 28-45 ° C (Al-Zubaidy และคาลิล, 2007) ลีและโคตส์ (1999) กล่าวว่าการสูญเสียวิตามินซีสำหรับน้ำส้มที่จัดเก็บต่ำกว่า 50 องศาเซลเซียสตามปฏิกิริยาสั่งซื้อครั้งแรก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัน PEF และการประมวลผลความร้อนการรักษาของส้มไม่พบการเปลี่ยนแปลงปริมาณวิตามินซี . ปริมาณวิตามินซีสูงสุดเป็นสังเกตสำหรับ E3 ( 583.91 ± 7.90 ) ตามด้วย E7 E6 H2 , e4 e5 E2 e8 , , , 2 และ 1 ตามลำดับ เริ่มต้นปริมาณกรดแอสคอร์บิกไม่มีความแตกต่างสำหรับ E1 , E2 E3 และหลังกระเป๋า 180 วัน แน่นอนที่สุด วิตามินซีเนื้อหาเป็นของธุรกิจ e8 และ H2 . กรดเนื้อหาสำหรับ E6 ลดลงเริ่มแรกจาก 561.45 ±เนินเพื่อ 232.83 ± 7.78 mg L − 1 180th วัน เนื้อหาของกรดแอสคอร์บิกลดลงจาก 539.18 ±ที่มี to173.21 ± 6.26 mg L − 1 สำหรับ e8 และจาก 552.37 ± 14.03 เพื่อ 184.21 ± 1.65 มิลลิกรัมต่อลิตร− 1 สำหรับ H2 ( P < 0.05 ) ปริมาณกรดแอสคอร์บิกค่าสังเกตสำหรับ e8 ( 173.21 mg L − 1 ) ตามมาด้วย แต่ในตอนท้ายของการจัดเก็บ เพิ่มความเข้มของ PEF และรักษาความร้อนเพิ่มกรดแอสคอร์บิค การย่อยสลายด้วยการเก็บรักษา ส้มต้องระยะยาวกระเป๋าเสถียรภาพเมื่อประมวลผลกับการรักษา PEF อ่อนกว่ากับความร้อน ( P < 0.05 ) ออกจากศูนย์ครั้งแรกที่สองและที่สาม : คำสั่งของการย่อยสลาย กรดแอสคอร์บิกกับกระเป๋า ( 4 ° C ) ตรวจสอบ , พอดีจลนศาสตร์แบบปรากฏเป็นครั้งที่สอง ( R2 = 0.923 ) และศูนย์ ( R2 = 0.985 ) คำสั่งสำหรับ PEF และดีขึ้นตามลำดับ ( ตารางที่ 4 ) ศูนย์ ( เหลียง et al . , 1978 ) แรก ( Cortes et al . , และ 2008b ทิวา et al . , 2009 ) และ 2 ( เส และแฮร์ริส , 1993 ) เพื่อทำโมเดลที่ดีที่สุดเหมาะกับการย่อยสลายด้วยกรดแอสคอร์บิกการศึกษาก่อนหน้า แมนโซ่ et al . ( 2001 ) พบว่า กรดแอสคอร์บิค การย่อยสลาย จลนศาสตร์ของส้มไปตามจลนศาสตร์ปฏิกิริยาอันดับที่ 20 , 25 , 30 , 35 , 40 และ 45 ° C และมะนาวพาสเจอร์ไรซ์ที่อุณหภูมิ 65 องศา C 30 S ไปตามจลนศาสตร์อันดับหนึ่งระหว่างการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 25 , 35 และ 45 ° C 4 เดือน อัตราการย่อยสลาย กรดแอสรายงานลดลงตามการเพิ่มของอุณหภูมิจาก 28 45 ° C ( อัล zubaidy และคาลิล , 2007 ) ลี และ โคตส์ ( 2542 ) ระบุว่า การสูญเสียของกรดแอสคอร์บิก สำหรับส้มเก็บไว้ด้านล่าง 50 ° C ตามปฏิกิริยาอันดับแรก