defense but is not allowed to assis

defense but is not allowed to assist UN peacekeepers from other countries in close
proximity (engaged in a separate mission) attacked by hostile forces.
Second, Japanese peace-building emphasizes the non-use of force, human
security and ODA incentives. In January 2002 in Singapore, then Prime Minister
Koizumi Junichiro declared that Japan will help to prevent conflict in Aceh,
Mindanao and East Timor.viii In May the same year, Koizumi proposed that peacebuilding
will become a new pillar in Japanese foreign policy.ix Subsequently, Japan
hosted international conferences in Tokyo to mobilize global support and resources as
economic peace incentives to resolve conflicts in Afghanistan, Sri Lanka and Aceh.
Japan seemed ever ready to organize international conferences in Tokyo for peacebuilding
because such an approach is non-controversial, safe and publicity-generating.
Despite its so-called “lost decades” following the bursting of its “bubble economy”,
Japan is still a rich country and is willing to offer generous financial contributions to
peace-building. But what is most lacking in Japanese peace-building are ideas to
conflict resolution, leadership in peacemaking, and offering sufficient manpower
beyond tokenism in peacekeeping and peace-monitoring.x
Human Security and Peace-building: Contributions and Limitations
Though paved with good intentions, the outcome of Japan’s peace-building and
human security endeavor thus far is rather modest if not paltry. The exception is its
contributions to Cambodia when Japan ran the whole gamut of peacemaking,
peacekeeping and post-conflict consolidation of peace. Japan was a key financier to
the UNPKO to Cambodia while Akashi Yasushi, a senior UN bureaucrat and Japanese
national, was the UN special representative in charge of the UNPKO in Cambodia.
The UNPKO mission ended after the conclusion of a national election leading to the
formation of a new Khmer government. Even that election was problematic because
Hun Sen, the electoral loser, refused to yield power to Prince Rannaridh, the winner
but the international community was willing to accept an unworkable compromise for
Cambodia to have a coalition government with two competing co-Prime Ministers.
Things came to a head in 1997 when the co-Prime Ministers and their factions
were on the verge of a civil war. Japan intervened and brokered a political
compromise between the two Khmer factions which paved the way to another
election leading to the consolidation of Hun Sen’s power and the marginalization of
Rannaridh. Tokyo’s role was critical in this conflict. If civil war had erupted again,
then the hard work of the UN and the international community to run the first post-
Cold War peacekeeping operation and restore peace in Cambodia would have
unraveled. This was a rare case where Japan and its top leadership in the Cabinet and
the Ministry of Foreign Affairs played a creative and decisive role to defuse a regional
conflict.
But subsequent Japanese peace-building in Sri Lanka and Aceh was
disappointing. The Koizumi Administration appointed Akashi as Japan’s Special
Representative for Peace-Building in Sri Lanka. Akashi cooperated with Norway,
which earlier succeeded in brokering a tenuous ceasefire between the government of
Sri Lanka (dominated by Sinhalese) and the separatist Tamil Tigers in 2002. Japan
was already the largest ODA donor to Sri Lanka when it committed itself to peacebuilding
there. It was in charge of economic reconstruction and humanitarian
assistance in Sri Lanka while Norway concentrated on political mediation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ป้องกัน แต่ไม่สามารถช่วยรักษาสันติภาพ UN จากประเทศอื่น ๆ ในการปิดความใกล้ชิด (เข้าร่วมในภารกิจแยกต่างหาก) โจมตีกองกำลังของศัตรูสอง สร้างสันติภาพญี่ปุ่นเน้นไม่ใช้ของแรง มนุษย์ความปลอดภัยและสิ่งจูงใจลโอะดะ ในเดือน 2002 มกราคมในสิงคโปร์ แล้วนายกรัฐมนตรีโคอิซึมิช่วงประกาศว่า ญี่ปุ่นจะช่วยป้องกันความขัดแย้งในอาเจะห์มินดาเนาและตะวันออก Timor.viii ในพฤษภาคมปีเดียวกัน โคอิซึมิเสนอราคาที่ peacebuildingจะกลายเป็นเสาใหม่ในญี่ปุ่นต่างประเทศ policy.ix ในเวลาต่อมา ญี่ปุ่นจัดงานประชุมนานาชาติที่โตเกียวเพื่อระดมการสนับสนุนทั่วโลกและเป็นแหล่งข้อมูลแรงจูงใจความสงบเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งในอัฟกานิสถาน ศรีลังกา และอาเจะห์ญี่ปุ่นดูเหมือนเคยพร้อมจัดการประชุมนานาชาติในโตเกียวสำหรับ peacebuildingเนื่องจากวิธีการดังกล่าวจะไม่แย้ง ปลอดภัย และประชาสัมพันธ์สร้างแม้จะเรียกว่า "สูญหายทศวรรษ" ต่อชีวิตชีวาของ "เศรษฐกิจ"ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รวย และยินดีนำเสนอสรรเงินใจกว้างสร้างสันติภาพ แต่ส่วนใหญ่ขาดสร้างสันติภาพญี่ปุ่นคืออะไรมีความคิดแก้ไขความขัดแย้ง ความเป็นผู้นำใน peacemaking และบริการกำลังคนเพียงพอนอกเหนือจาก tokenism peacekeeping และสันติภาพ monitoring.xความปลอดภัยของมนุษย์และสร้างสันติภาพ: ผลงานและข้อจำกัดว่าปูกับความตั้งใจที่ดี ผลของญี่ปุ่นของสร้างสันติภาพ และความปลอดภัยที่มนุษย์แข่งขันฉะนี้จะเจียมเนื้อเจียมตัวแต่ถ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ มีข้อยกเว้นของจัดสรรให้กัมพูชาเมื่อญี่ปุ่นวิ่งช่วงทั้งหมดของ peacemakingpeacekeeping และความขัดแย้งหลังรวมความสงบสุข ญี่ปุ่นถูกนักการเงินแห่งหลักการUNPKO สู่กัมพูชา Akashi Yasushi, bureaucrat UN อาวุโส และญี่ปุ่นแห่งชาติ เป็นตัวแทนพิเศษของสหประชาชาติชอบ UNPKO ในกัมพูชาภารกิจ UNPKO สิ้นสุดหลังจากที่เลือกตั้งแห่งชาตินำไปสู่ข้อสรุปการก่อตัวของรัฐบาลเขมร แม้ว่า การเลือกตั้งมีปัญหาเนื่องจากฮุนเซน ใครเลือกตั้ง ปฏิเสธที่จะยอมตามอำนาจเจ้าชาย Rannaridh ผู้ชนะแต่ยินดีที่จะยอมรับการประนีประนอม unworkable สำหรับประเทศกัมพูชามีพรรคร่วมรัฐบาลกับรัฐมนตรีนายกร่วมแข่งขันสองสิ่งที่มากับหัวหน้าเมื่อ 1997 รัฐมนตรีร่วมและฝ่ายของตนถูกหมิ่นของสงครามกลางเมือง ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซง และผ่านตัวเมืองประนีประนอมระหว่างสองฝ่ายเขมรซึ่งปูทางไปยังอีกนำไปสู่การรวมอำนาจฮุนเซนและ marginalization ของเลือกตั้งRannaridh โตเกียวบทบาทสำคัญในความขัดแย้งนี้ได้ ถ้าสงครามกลางเมืองได้ปะทุอีกครั้งแล้วการทำงานของสหประชาชาติและประชาคมการรันครั้งแรกหลังสงครามเย็น peacekeeping การดำเนินงานและการกู้คืนสันติภาพในกัมพูชาจะมีunraveled นี้เป็นกรณีที่หายากที่ญี่ปุ่นและผู้นำสูงสุดในคณะรัฐมนตรี และกระทรวงกิจการต่างประเทศบทบาทสร้างสรรค์ และเด็ดขาดดับชนวนเป็นภูมิภาคความขัดแย้งแต่อาคารญี่ปุ่นสันติภาพตามมาในศรีลังกาและอาเจะห์ชิว ๆ การจัดการโคอิซึมิแต่ง Akashi เป็นพิเศษของญี่ปุ่นแทนการสร้างสันติภาพในศรีลังกา Akashi ร่วมมือกับประเทศนอร์เวย์ซึ่งก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จใน brokering หยิง tenuous ระหว่างรัฐบาลศรีลังกา (ครอบงำ โดยสิงหล) และแบ่งแยกทมิฬใน 2002 ญี่ปุ่นได้แล้วผู้บริจาคลโอะดะที่ใหญ่ที่สุดสู่ศรีลังกาเมื่อมันยอมรับตัวเองกับ peacebuildingมีการ มีหน้าที่ฟื้นฟูเศรษฐกิจและมนุษยธรรมความช่วยเหลือในประเทศศรีลังกาในขณะที่นอร์เวย์ที่เข้มข้นในทางการเมืองของกาชาด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การป้องกัน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ความช่วยเหลือกองกำลังรักษาสันติภาพสหประชาชาติจากประเทศอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด
ใกล้ชิด (มีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจที่แยกต่างหาก) โจมตีโดยกองกำลังที่ไม่เป็นมิตร.
ประการที่สองญี่ปุ่นสร้างสันติภาพเน้นการใช้งานที่ไม่ใช่ของแรงมนุษย์
การรักษาความปลอดภัยและสิ่งจูงใจ ODA ในเดือนมกราคมปี 2002 ในสิงคโปร์นั้นนายกรัฐมนตรี
จุนอิชิโรโคอิซึมิประกาศว่าญี่ปุ่นจะช่วยในการป้องกันความขัดแย้งในอาเจะห์,
มินดาเนาและตะวันออก Timor.viii ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันโคะอิซุมิเสนอว่าการสร้างสันติภาพ
จะกลายเป็นเสาหลักใหม่ใน policy.ix ต่างประเทศญี่ปุ่นต่อมา ญี่ปุ่น
เป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติในกรุงโตเกียวเพื่อระดมการสนับสนุนทั่วโลกและทรัพยากรที่เป็น
แรงจูงใจความสงบสุขทางเศรษฐกิจที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งในอัฟกานิสถาน, ศรีลังกาและอาเจะห์.
ญี่ปุ่นเคยดูเหมือนพร้อมที่จะจัดประชุมนานาชาติในโตเกียวสำหรับการสร้างสันติภาพ
เพราะวิธีการดังกล่าวไม่เป็นความขัดแย้งที่ปลอดภัย และการประชาสัมพันธ์ที่ก่อ.
แม้จะมีของที่เรียกว่า "ทศวรรษที่หายไป" ต่อไปนี้การระเบิดของ "เศรษฐกิจฟองสบู่" ของมัน,
ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยและยินดีที่จะนำเสนอผลงานทางการเงินใจกว้างที่จะ
สร้างสันติภาพ แต่สิ่งที่ขาดในที่สุดสร้างสันติภาพญี่ปุ่นมีความคิดที่จะ
แก้ปัญหาข้อขัดแย้งเป็นผู้นำในการยุติและนำเสนอกำลังคนเพียงพอ
เกิน tokenism ในการรักษาสันติภาพและความสงบสุข-monitoring.x
ความมั่นคงของมนุษย์และสร้างสันติภาพ: การมีส่วนร่วมและข้อ จำกัด
แม้ว่าปูด้วยความตั้งใจที่ดี ผลของญี่ปุ่นสร้างสันติภาพและ
ความมั่นคงของมนุษย์พยายามป่านนี้ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัวหากไม่ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ยกเว้นของ
การมีส่วนร่วมไปยังประเทศกัมพูชาเมื่อญี่ปุ่นวิ่งตลอดทั้งยุติ
การรักษาสันติภาพและการรวมหลังความขัดแย้งของความสงบสุข ญี่ปุ่นเป็นเงินทุนที่สำคัญในการ
UNPKO ไปยังประเทศกัมพูชาในขณะที่ชิซูชิ, ข้าราชการสหประชาชาติอาวุโสและญี่ปุ่น
แห่งชาติเป็นผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติในความดูแลของ UNPKO ในประเทศกัมพูชา.
ภารกิจ UNPKO หลังจากจบบทสรุปของการเลือกตั้งระดับชาติที่นำไปสู่
​​การก่อตัว ของรัฐบาลเขมรใหม่ แม้การเลือกตั้งที่เป็นปัญหาเพราะ
ฮุนเซนผู้แพ้การเลือกตั้งปฏิเสธที่จะให้ผลผลิตอำนาจที่จะเจ้าชาย Rannaridh ผู้ชนะ
แต่ประชาคมระหว่างประเทศก็เต็มใจที่จะยอมรับการประนีประนอมทำไม่ได้สำหรับ
กัมพูชาที่จะมีพรรคร่วมรัฐบาลที่มีสองการแข่งขันร่วมนายกรัฐมนตรี.
สิ่งที่ มาถึงหัวในปี 1997 เมื่อรัฐมนตรีร่วมนายกรัฐมนตรีและกลุ่มของพวกเขา
อยู่บนปากเหวของสงครามกลางเมือง ญี่ปุ่นแทรกแซงและนายหน้าทางการเมือง
การประนีประนอมระหว่างสองฝ่ายเขมรซึ่งปูทางไปยังอีก
การเลือกตั้งนำไปสู่การรวมพลังฮุนเซนและชายขอบของ
Rannaridh บทบาทของโตเกียวมีความสำคัญในความขัดแย้งนี้ ถ้าสงครามกลางเมืองได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง
แล้วการทำงานอย่างหนักของสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศในการทำงานครั้งแรกหลัง
สงครามเย็นดำเนินการรักษาสันติภาพและเรียกคืนความสงบสุขในประเทศกัมพูชาจะได้
unraveled นี่เป็นกรณีที่หายากที่ประเทศญี่ปุ่นและเป็นผู้นำด้านบนในคณะรัฐมนตรีและ
กระทรวงการต่างประเทศมีบทบาทที่สร้างสรรค์และเด็ดขาดจะกลบเกลื่อนภูมิภาค
ความขัดแย้ง.
แต่ญี่ปุ่นที่ตามมาสร้างสันติภาพในศรีลังกาและอาเจะห์เป็น
ที่น่าผิดหวัง บริหารโคอิซึมิได้รับการแต่งตั้ง Akashi เป็นพิเศษของญี่ปุ่น
แทนสำหรับสร้างสันติภาพในประเทศศรีลังกา Akashi ร่วมมือกับนอร์เวย์
ซึ่งก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จในสภาวการณ์รบเปราะบางระหว่างรัฐบาลของ
ประเทศศรีลังกา (ครอบงำโดยสิงหล) และดินแดนทมิฬไทเกอร์ในปี 2002 ญี่ปุ่น
ได้แล้ว ODA ผู้บริจาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศศรีลังกาเมื่อมันมุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพ
มี มันอยู่ในความดูแลของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและมนุษยธรรม
ความช่วยเหลือในศรีลังกาขณะที่นอร์เวย์จดจ่ออยู่กับการไกล่เกลี่ยทางการเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การป้องกัน แต่ไม่อนุญาตให้สหประชาชาติจากประเทศอื่น ๆในการปิด
ความใกล้ชิด ( ร่วมในภารกิจแยก ) โจมตีโดยกองกำลังศัตรู .
2 สร้างสันติภาพญี่ปุ่นเน้นใช้ไม่แรง สิ่งจูงใจ และความมั่นคงของมนุษย์
โอดะ ในเดือนมกราคมปี 2002 ในสิงคโปร์ จากนั้นนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิประกาศ
ที่ญี่ปุ่นจะช่วยป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งในอาเจะห์
,มินดาเนาตะวันออก timor.viii และในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน โคอิซูมิเสนอว่าผมจะกลายเป็นใหม่
policy.ix เสาในต่างประเทศของญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติโตเกียวญี่ปุ่น
เพื่อระดมการสนับสนุนทั่วโลกและทรัพยากร
สันติภาพสิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในอัฟกานิสถาน ศรีลังกา และอาเจะห์ .
ญี่ปุ่นดูเหมือนจะเคยพร้อมที่จะจัดการประชุมนานาชาติในโตเกียวเพื่อ
เพราะวิธีการดังกล่าวไม่ขัดแย้ง ปลอดภัย และประชาสัมพันธ์สร้าง แม้จะมีสิ่งที่เรียกว่า " ทศวรรษที่หายไป
" ต่อไปนี้ระเบิดของ " เศรษฐกิจฟองสบู่ "
ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยและยินดีที่จะเสนอผลงานทางการเงินใจดี

สร้างสันติภาพแต่สิ่งที่ขาดในการสร้างสันติภาพของญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีความคิด

แก้ไขความขัดแย้ง ผู้นำในการทำให้เกิดสันติ และให้กำลังคนที่เพียงพอในการรักษาสันติภาพ tokenism
นอกเหนือจากการสงบ x
ความมั่นคงของมนุษย์และการสร้างสันติภาพ : การมีส่วนร่วมและข้อจำกัด
ถึงแม้ว่าปูด้วยเจตนาที่ดี ผลของการสร้างสันติภาพและ
ญี่ปุ่นความพยายามของความมั่นคงของมนุษย์จึงเป็นเจียมเนื้อเจียมตัวค่อนข้างไกลถ้าไม่เล็กๆน้อยๆ ข้อยกเว้นคือผลงานของ
กัมพูชาเมื่อญี่ปุ่นวิ่งขอบเขตทั้งหมดของการทำให้เกิดสันติ
สันติภาพและความขัดแย้ง การโพสต์ , สันติภาพ ญี่ปุ่นเป็นนักการเงินคีย์
unpko กัมพูชา ขณะที่ คาชิ ยาซูชิ ข้าราชการและ อาวุโส และญี่ปุ่น
แห่งชาติเป็นผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติในค่าใช้จ่ายของ unpko ในกัมพูชา unpko
ภารกิจสิ้นสุดหลังจากบทสรุปของการเลือกตั้งระดับชาตินำไปสู่
การเป็นรัฐบาลเขมร . แม้แต่การเลือกตั้งก็มีปัญหาเพราะ
ฮุนเซน , แพ้การเลือกตั้ง ปฏิเสธที่จะผลิตพลังงานให้องค์ rannaridh ผู้ชนะ
แต่ประชาคมนานาชาติยินดีที่จะยอมรับข้อเสนอที่ไม่สามารถปฏิบัติได้สำหรับ
กัมพูชามีพรรคร่วมรัฐบาลกับสองการแข่งขัน Co นายกรัฐมนตรี .
สิ่งที่มาถึงหัวในปี 1997 เมื่อ Co นายกรัฐมนตรีและกลุ่มของพวกเขา
อยู่บนปากเหวของสงครามกลางเมือง ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงและนายหน้าทางการเมือง
ประนีประนอมระหว่างสองฝ่ายเขมรซึ่งปูทางให้อีก
การเลือกตั้งที่นำไปสู่การรวมของฮุนเซน คืออำนาจและชายขอบของ
rannaridh . บทบาทของโตเกียว ที่สําคัญคือ ในความขัดแย้งนี้ ถ้าสงครามได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง
แล้วงานหนักของสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศที่จะใช้โพสต์แรก -
สงครามเย็นสันติภาพการดำเนินงานและเรียกคืนความสงบในกัมพูชาก็มี
ใช้ได้ .นี้เป็นกรณีที่หายากที่ญี่ปุ่น และความเป็นผู้นำด้านบนของในตู้
กระทรวงการต่างประเทศมีบทบาทสร้างสรรค์และเด็ดขาดเพื่อกลบเกลื่อนความขัดแย้งในภูมิภาค
.
แต่ต่อมาญี่ปุ่นสร้างสันติภาพในศรีลังกา และอาเจะห์ คือ
น่าผิดหวัง ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นโคอิซึมิการบริหารคาชิญี่ปุ่นพิเศษ
ตัวแทนสำหรับการสร้างสันติภาพในศรีลังกา คาชิ ร่วมมือกับนอร์เวย์ ,
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เจรจาหยุดยิงยุติลงระหว่างรัฐบาล
ศรีลังกา ( dominated โดยสิงหล ) และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนพยัคฆ์ทมิฬ 2002 ญี่ปุ่น
แล้วใหญ่ โอดะ ผู้บริจาคไปยังศรีลังกาเมื่อมันมุ่งมั่นที่ตัวเองเพื่อสร้างสันติภาพ
ที่นั่น มันทำหน้าที่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและมนุษยธรรม
ความช่วยเหลือในศรีลังกาในขณะที่นอร์เวย์เน้นไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางการเมือง