Solar could meet California energy

Solar could meet California energy demand 3 to 5 times over
by Staff Writers
Washington DC (SPX) Mar 17, 2015


This image shows the Puertollano Photovoltaic Park in Puertollano, Spain, a 47.6 MW installation in the Mediterranean biodiversity hotspot. It is provided courtesy of Rebecca R. Hernandez. Image courtesy Rebecca R. Hernandez. For a larger version of this image please go here.
In the face of global climate change, increasing the use of renewable energy resources is one of the most urgent challenges facing the world. Further development of one resource, solar energy, is complicated by the need to find space for solar power-generating equipment without significantly altering the surrounding environment.

New work from Carnegie's Rebecca R. Hernandez (now at University of California Berkley), Madison K. Hoffacker, and Chris Field found that the amount of energy that could be generated from solar equipment constructed on and around existing infrastructure in California would exceed the state's demand by up to five times. It is published by Nature Climate Change.

"Integrating solar facilities into the urban and suburban environment causes the least amount of land-cover change and the lowest environmental impact," Hernandez explained.

Just over 8 percent of all of the terrestrial surfaces in California have been developed by humans--from cities and buildings to park spaces. Residential and commercial rooftops present plenty of opportunity for power generation through small- and utility-scale solar power installations. Other compatible opportunities are available in open urban spaces such as parks.

Likewise, there is opportunity for additional solar construction in undeveloped sites that are not ecologically sensitive or federally protected, such as degraded lands.

"Because of the value of locating solar power-generating operations near roads and existing transmission lines, our tool identifies potentially compatible sites that are not remote, showing that installations do not necessarily have to be located in deserts," Hernandez said.

This study included two kinds of solar technologies, photovoltaics, which use semiconductors and are similar to the solar panels found in consumer electronics, and concentrating solar power, which uses enormous curved mirrors to focus the sun's rays. A mix of both options would be possible, as best suits each particular area of installation, whether it is on a rooftop, in a park, on degraded lands, or anywhere else deemed compatible or potentially compatible. They found that small- and utility-scale solar power could generate up to 15,000 terawatt-hours of energy per year using photovoltaic technology and 6,000 terrawatt-hours of energy per year using concentrating solar power technology.

Overall the team found that California has about 6.7 million acres (27, 286 square kilometers) of land that is compatible for photovoltaic solar construction and about 1.6 million acres (6,274 square kilometers) compatible for concentrating solar power. There is also an additional 13.8 million acres (55,733 square kilometers) that is potentially compatible for photovoltaic solar energy development with minimal environmental impact and 6.7 million acres (27,215 square kilometers) also potentially compatible for concentrating solar power development.

The team's work shows it is possible to substantially increase the fraction of California's energy needs met by solar, without converting natural habitat and causing adverse environmental impact and without moving solar installations to locations remote from the consumers.

"As California works to meet requirements that 33 percent of retail electricity be provided by renewable sources by 2020 and that greenhouse-gas emissions be 80 percent below 1990 levels by 2050, our research can help policymakers, developers, and energy stakeholders make informed decisions," said Field, director of Carnegie's Department of Global Ecology. "Furthermore, our findings have implications for other states and countries with similarly precious environmental resources and infrastructural constraints.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แสงอาทิตย์สามารถอุปสงค์แคลิฟอร์เนียพลังงาน 3 ถึง 5 เท่ากว่าโดยพนักงานผู้เขียนวอชิงตันดีซี (SPX) 17 mar, 2015รูปนี้แสดงสวนแสงอาทิตย์ Puertollano ใน Puertollano ประเทศสเปน การติดตั้ง MW 47.6 ในจุดความหลากหลายทางชีวภาพเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งไว้ความรีเบคก้า R. นานเดซ ภาพโดยความอนุเคราะห์รีเบคก้า R. นานเดซ สำหรับรุ่นใหญ่รูปนี้โปรดไปที่นี่หน้าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก การเพิ่มการใช้ทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนเป็นหนึ่งความท้าทายเร่งด่วนที่สุดที่ซึ่งโลก หนึ่งทรัพยากร พลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนาจะมีความซับซ้อน โดยจำเป็นต้องหาพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โดยไม่ต้องดัดแปลงสิ่งแวดล้อมโดยรอบอย่างมากใหม่ทำจากคาร์เนกีของรีเบคก้า R. นานเดซ (ที่มหาวิทยาลัย Berkley รัฐแคลิฟอร์เนีย), Hoffacker คุณเมดิสัน และ Chris ฟิลด์พบว่า จำนวนของพลังงานที่สามารถสร้างได้จากอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่สร้างขึ้นบน และ รอบ ๆ โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในแคลิฟอร์เนีย จะเกินความต้องการของรัฐ โดยถึงห้าครั้ง ประกาศ โดยสภาพธรรมชาตินานเดซ "รวมแสงสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นสิ่งแวดล้อมเมือง และชานเมืองทำให้ครอบคลุมที่ดินเปลี่ยนแปลงและกระทบสิ่งแวดล้อมต่ำน้อย อธิบายเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวภาคพื้นในแคลิฟอร์เนียมีการพัฒนามนุษย์ - จากเมืองและอาคารพื้นที่อุทยาน หลังคาที่อยู่อาศัย และเชิงพาณิชย์นำเสนอโอกาสสำหรับการสร้างพลังงานโดยการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดเล็ก และโปรแกรมอรรถประโยชน์มาตราส่วน โอกาสเข้ากันได้อื่น ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่เปิดเมืองเช่นสวนสาธารณะในทำนองเดียวกัน มีโอกาสสร้างพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมในเว็บไซต์ undeveloped ที่ไม่สำคัญอย่าง หรือ ป้องกันเต็ม เช่นที่ดินเสื่อมโทรม"เนื่องจาก มีค่าการค้นหาผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใกล้ถนนและสายส่งที่มีอยู่ เครื่องมือของเราระบุอาจเข้าเว็บไซต์ที่ไม่ห่างไกล แสดงว่า ติดตั้งไม่จำเป็นต้องอยู่ในทะเลทราย นานเดซกล่าวว่าการศึกษานี้รวมสองชนิดของเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ แผงเซลล์แสง ที่ใช้อิเล็กทรอนิกส์คล้ายกับแผงเซลล์แสงอาทิตย์พบในเครื่องใช้ไฟฟ้า และ concentrating พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งใช้กระจกโค้งขนาดใหญ่เพื่อโฟกัสรังสีของดวงอาทิตย์ ผสมของทั้งสองตัวเลือกจะเป็นไปได้ ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่เฉพาะของการติดตั้ง อยู่บนชั้นดาดฟ้าเป็น ในสวน บนที่ดินเสื่อมโทรม หรือที่ใดถือว่าเข้ากันได้ หรืออาจเข้ากันได้ พวกเขาพบว่า พลังงานแสงอาทิตย์ขนาดเล็ก และโปรแกรมอรรถประโยชน์มาตราส่วนสามารถสร้าง terawatt ถึง 15000 ชั่วโมงพลังงานต่อปีที่ใช้เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์และ terrawatt 6000 ชั่วโมงพลังงานต่อปีโดยใช้เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ concentratingโดยรวม ทีมพบว่า แคลิฟอร์เนียได้ประมาณ 6.7 ล้านไร่ (27, 286 ตารางกิโลเมตร) ที่ดินที่เข้ากันได้การก่อสร้างพลังงานแสงอาทิตย์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ประมาณ 1.6 ล้านไร่ (6,274 ตารางกิโลเมตร) เข้ากันได้กับ concentrating พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติม 13.8 ล้านไร่ (55,733 ตารางกิโลเมตร) ที่อาจเข้ากันได้สำหรับการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและ 6.7 ล้านไร่ (27,215 ตารางกิโลเมตร) ยังอาจเข้ากันได้กับ concentrating พัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ของทีมงานแสดงก็จะสามารถเพิ่มสัดส่วนของความต้องการพลังงานของแคลิฟอร์เนียได้พบ โดยพลังงานแสงอาทิตย์ แปลงธรรมชาติ และก่อให้เกิดการกระทบสิ่งแวดล้อม และ ไม่ย้ายติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังสถานไกลจากผู้บริโภค"เป็นแคลิฟอร์เนียทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการว่า ร้อยละ 33 ของไฟฟ้าขายปลีกให้ทดแทนแหล่ง 2563 และให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 80 เปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าระดับในปี 1990 ภายในปี 2050 วิจัยของเราสามารถช่วยให้ผู้กำหนดนโยบาย นักพัฒนา และเสียพลังงานตัดสินใจ กล่าวว่า ฟิลด์ กรรมการของภาควิชานิเวศวิทยาสากลของคาร์เนกี "นอกจากนี้ ผลการวิจัยของเราได้ผลสำหรับอเมริกาและประเทศในทำนองเดียวกันค่าสิ่งแวดล้อมทรัพยากรและข้อจำกัดของรัฐมนตรีอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พลังงานแสงอาทิตย์สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานแคลิฟอร์เนีย 3-5 ครั้งกว่า
โดยพนักงานเขียน
วอชิงตันดีซี (SPX) 17 มีนาคม 2015 ภาพนี้เป็นภาพ Puertollano ไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ในสวนสาธารณะ Puertollano, สเปน, ติดตั้ง MW 47.6 ในความหลากหลายทางชีวภาพฮอตสปอตเมดิเตอร์เรเนียน มันเป็นเรื่องที่รับความอนุเคราะห์จากรีเบคก้าอาร์ Hernandez เอื้อเฟื้อภาพรีเบคก้าอาร์ Hernandez สำหรับรุ่นใหญ่ของภาพนี้โปรดไปที่นี่. ในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่เพิ่มขึ้นการใช้ทรัพยากรพลังงานทดแทนเป็นหนึ่งในความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดที่โลกกำลังเผชิญ การพัฒนาของหนึ่งทรัพยากรพลังงานแสงอาทิตย์มีความซับซ้อนโดยความต้องการที่จะหาพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโดยรอบ. ทำงานใหม่จากรีเบคก้าคาร์เนกีอาร์ Hernandez (ตอนนี้มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์), เมดิสันสเค Hoffacker และคริสฟิลด์พบว่าปริมาณของพลังงานที่อาจจะเกิดจากอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์สร้างขึ้นบนและรอบ ๆ โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียจะเกินความต้องการของรัฐได้ถึงห้าครั้ง มันถูกตีพิมพ์โดยธรรมชาติเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ. "การบูรณาการสิ่งอำนวยความสะดวกแสงอาทิตย์เป็นสภาพแวดล้อมของเมืองและชานเมืองทำให้จำนวนน้อยที่สุดของการเปลี่ยนแปลงที่ดินปกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด" Hernandez อธิบาย. เพียง 8 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดของพื้นผิวบกในรัฐแคลิฟอร์เนียได้ รับการพัฒนาขึ้นโดยมนุษย์ - จากเมืองและอาคารที่จอดรถพื้นที่ หลังคาที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์มากมายปัจจุบันของโอกาสในการผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านยูทิลิตี้ขนาดเล็กและขนาดการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โอกาสที่รองรับอื่น ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่เมืองเปิดเช่นสวน. ในทำนองเดียวกันมีโอกาสสำหรับการก่อสร้างพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมในเว็บไซต์ได้รับการพัฒนาที่ไม่ได้เป็นระบบนิเวศที่สำคัญหรือการคุ้มครองจากรัฐบาลกลางเช่นที่ดินเสื่อมโทรม. "เพราะค่าของตำแหน่งของอำนาจที่ก่อให้เกิดพลังงานแสงอาทิตย์ การดำเนินงานที่อยู่ใกล้ถนนที่มีอยู่และสายส่งเครื่องมือของเราระบุเว็บไซต์ที่เข้ากันได้ที่อาจเกิดขึ้นที่ไม่ได้ระยะไกลแสดงให้เห็นว่าการติดตั้งไม่จำเป็นต้องมีที่จะตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร "Hernandez กล่าวว่า. การศึกษาครั้งนี้รวมสองชนิดของเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์, ระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งใช้เซมิคอนดักเตอร์ และมีความคล้ายคลึงกับแผงโซลาร์เซลล์ที่พบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และมุ่งเน้นพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งใช้กระจกโค้งอย่างมากที่จะมุ่งเน้นรังสีของดวงอาทิตย์ การผสมผสานของทั้งสองตัวเลือกจะเป็นไปได้ตามที่ดีเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งของการติดตั้งไม่ว่าจะเป็นบนหลังคาในสวนสาธารณะบนที่ดินเสื่อมโทรมหรือที่ใดก็ได้อื่นถือว่าเข้ากันได้หรือเข้ากันได้ที่อาจเกิดขึ้น พวกเขาพบว่าขนาดเล็กและยูทิลิตี้ระดับพลังงานแสงอาทิตย์สามารถสร้างได้ถึง 15,000 terawatt ชั่วโมงของพลังงานต่อปีโดยใช้เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์และ 6,000 terrawatt ชั่วโมงของพลังงานต่อปีโดยใช้เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นพลังงานแสงอาทิตย์. โดยรวมทีมงานพบว่ารัฐแคลิฟอร์เนียมีประมาณ 6.7 ล้านเอเคอร์ (27, 286 ตารางกิโลเมตร) ของที่ดินที่เข้ากันได้สำหรับการก่อสร้างพลังงานแสงอาทิตย์แผงเซลล์แสงอาทิตย์และประมาณ 1.6 ล้านเอเคอร์ (6,274 ตารางกิโลเมตร) เข้ากันได้สำหรับการมุ่งเน้นพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีอีก 13,800,000 เอเคอร์ (55,733 ตารางกิโลเมตร) ที่อาจเข้ากันได้สำหรับการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและ 6,700,000 เอเคอร์ (27,215 ตารางกิโลเมตร) นอกจากนี้ยังอาจเข้ากันได้สำหรับการมุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์. การทำงานของทีมแสดงให้เห็นว่าเป็น ไปได้ที่จะมากเพิ่มส่วนของรัฐแคลิฟอร์เนียของความต้องการพลังงานพบโดยพลังงานแสงอาทิตย์โดยไม่ต้องแปลงอยู่อาศัยตามธรรมชาติและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายและโดยไม่ต้องย้ายติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากผู้บริโภค. "ในขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการว่าร้อยละ 33 ของการผลิตไฟฟ้าค้าปลีกจะให้ โดยแหล่งพลังงานทดแทนในปี 2020 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 80 ต่ำกว่าปี 1990 ภายในปี 2050, การวิจัยของเราจะช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายนักพัฒนาและผู้มีส่วนได้เสียพลังงานตัดสินใจอย่างชาญฉลาด "ฟิลด์ผู้อำนวยการของคาร์เนกีกรมนิเวศวิทยาทั่วโลกกล่าวว่า "นอกจากนี้ผลการวิจัยของเรามีผลกระทบต่อรัฐอื่น ๆ และประเทศที่มีทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อมที่มีค่าใกล้เคียงกันและข้อ จำกัด โครงสร้างพื้นฐาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แสงอาทิตย์สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานแคลิฟอร์เนีย 3 ถึง 5 ครั้ง โดยทีมงานนักเขียน

วอชิงตัน ดีซี ( SPX ) 17 มี.ค. 2558


ภาพนี้แสดงเพอร์โทลลาโนโฟ Park ในเพอร์โทลลาโน , สเปน , 47.6 ซึ่งติดตั้งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางชีวภาพ hotspot . มันมีให้มารยาทของรีเบคก้า อาร์ เฮอร์นานเดซ มารยาทภาพ รีเบคก้า อาร์ เฮอร์นานเดซ สำหรับรุ่นขนาดใหญ่ของภาพนี้
เชิญทางนี้ครับในหน้าของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เพิ่มการใช้ทรัพยากรพลังงาน เป็นหนึ่งในความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดของโลก การพัฒนาทรัพยากร , พลังงานแสงอาทิตย์ , มีความซับซ้อนโดยต้องการที่จะหาพื้นที่สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์สร้างอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องมีการดัดแปลงสิ่งแวดล้อม

งานใหม่จากคาร์เนกี รีเบคก้า อาร์เฮอร์นานเดซ ( ตอนนี้ที่มหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์แคลิฟอร์เนีย ) , K . hoffacker เมดิสัน และคริส ฟิลด์ พบว่า ปริมาณของพลังงานที่สามารถถูกสร้างขึ้นจากเซลล์แสงอาทิตย์อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นบน และ รอบ ๆโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียจะเกินความต้องการของรัฐได้ถึงห้าครั้ง มีการเผยแพร่โดยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศธรรมชาติ

" การบูรณาการเครื่องแสงอาทิตย์ในเขตเมืองและชานเมืองสาเหตุอย่างน้อยเปลี่ยนครอบคลุมที่ดินและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด " เฮอร์นันเดซอธิบาย

เพียง 8 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดของพื้นผิวโลกในแคลิฟอร์เนียได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยมนุษย์ -- จากเมืองและอาคารจอดรถเป็น .ที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์หลังคาปัจจุบันมากมายโอกาสเพื่อผลิตพลังงานผ่านขนาดเล็กและสาธารณูปโภคพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้ง โอกาสที่เข้ากันได้อื่น ๆที่มีอยู่ในเป็นเมืองเปิด เช่น สวนสาธารณะ

เช่นเดียวกัน มีโอกาสสร้างพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมในเว็บไซต์พัฒนาที่ไม่ละเอียดอ่อน หรือปกป้อง ecologically รัฐบาลกลาง เช่นทรามที่ดิน

" เพราะค่าติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์สร้างธุรกิจ ใกล้ถนนและสายส่งที่มีอยู่เครื่องมือของเราระบุเว็บไซต์ที่ไม่อาจเข้ากันได้ รีโมท แสดงว่าการติดตั้งไม่จําเป็นจะต้องอยู่ในทะเลทราย " เฮอร์นันเดซ กล่าว

การศึกษาประกอบด้วยสองชนิดของเทคโนโลยีพลังแสงอาทิตย์พลังแสงอาทิตย์ซึ่งใช้เซมิคอนดักเตอร์และคล้ายคลึงกับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่พบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการมุ่งเน้นพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ใช้กระจกโค้งใหญ่โฟกัสรังสีของดวงอาทิตย์ . ผสมของตัวเลือกทั้งสองจะเป็นไปได้ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในการติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นบนดาดฟ้าในสวนสาธารณะบนที่ดินเสื่อมโทรม หรือที่ใดก็ได้อื่นถือว่าเข้ากันได้หรืออาจเข้ากันได้พวกเขาพบว่าขนาดเล็กและขนาดสาธารณูปโภคพลังงานแสงอาทิตย์สามารถสร้างได้ถึง 15 , 000 terawatt ชั่วโมงของพลังงานต่อปีโดยใช้เทคโนโลยีแผงเซลล์แสงอาทิตย์และ 6000 terrawatt ชั่วโมงของพลังงานต่อปีโดยมุ่งเน้นเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ .

โดยรวม ทางทีมงานพบว่า รัฐแคลิฟอร์เนียมีประมาณ 6.7 ล้านเอเคอร์ ( 27 ,286 ตร. กม. ) ที่ดินที่ใช้เพื่อการก่อสร้างพลังงานแสงอาทิตย์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ประมาณ 1.6 ล้านเอเคอร์ ( 6274 ตารางกิโลเมตร ) เข้ากันได้กับมุ่งเน้นพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติม 13.8 ล้านเอเคอร์ ( 55733 ตารางกิโลเมตร ) ที่อาจเข้ากันได้กับการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและ 6.7 ล้านเอเคอร์ ( 27 ,215 ตารางกิโลเมตร ) นอกจากนี้อาจเข้ากันได้เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ .

ผลงานของทีมที่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นไปได้ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนของพลังงานของแคลิฟอร์เนียต้องพบกับแสงอาทิตย์โดยไม่ต้องแปลงที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์และโดยไม่ต้องย้ายการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ห่างไกลจากผู้บริโภค

" แคลิฟอร์เนียทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการที่ 33 เปอร์เซ็นต์ของค่าไฟฟ้าขายปลีกให้ทดแทนแหล่งในปี 2020 และที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ด้านล่าง 1990 ระดับโดย 2050 , วิจัยของเราสามารถช่วยกำหนดนโยบาย นักพัฒนา และสร้างพลังงานให้ทราบการตัดสินใจ " ฟิลด์กล่าวว่า , ผู้อำนวยการของ Carnegie กรมนิเวศวิทยาของโลก " นอกจากนี้ผลการวิจัยของเราได้สำหรับประเทศหรือรัฐอื่น ๆและในทำนองเดียวกันค่าสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานข้อจำกัด