ฮันเซลและเกรเทล” เป็นนิทานพื้นบ้านของทางทวีบยุโรบซึ่งสองพี่น้องตระกูลก การแปล - ฮันเซลและเกรเทล” เป็นนิทานพื้นบ้านของทางทวีบยุโรบซึ่งสองพี่น้องตระกูลก ไทย วิธีการพูด

ฮันเซลและเกรเทล” เป็นนิทานพื้นบ้านข

ฮันเซลและเกรเทล” เป็นนิทานพื้นบ้านของทางทวีบยุโรบซึ่งสองพี่น้องตระกูลกริมม์นำ เรื่องมารวบรวมไว้ให้ได้อ่านกัน ในเนื้อเรื่องนั้นเล่าถึงความรัก,ความสามัคคี การช่วยเหลือซึ่งกันและกันของสองพี่น้องที่ได้เกิดมาในครอบครัวของคนที่ยากจน อย่างช่วยไม่ได้เป็นนิทานที่ออกไปในแนวที่น่าสะเทือนใจอยู่เหมือนกันนะขอรับ อ่ะเล่าเลยดีกว่าที่ๆ ใกล้ ๆกับขอบหน้าผาที่ในป่าแห่งหนึ่ง มีครอบครัวของคนตัดไม้ที่ยากจนมาก อาศัยอยู่ ในทุก ๆวันผู้เป็นพ่อจะออกไปตัดไม้ที่ในป่า และจะนำเอาไม้เหล่านั้น ไปขายที่ในเมือง ส่วนลูก ๆของเขาซึ่งก็มีลูกชายคนโตชื่อฮันเซลกับลูกสาวคนเล็กชื่อเกรเทล ก็จะคอยช่วยเหลือแม่ของตนทำงานอยู่ที่บ้านด้วยความขยันขันแข็ง แต่แล้วอยู่ต่อมาไม่นาน ในวันหนึ่งแม่ของพวกเขาก็มีอันต้องเจ็บป่วยและได้ตายลงไปพ่อได้พาภรรยาคนใหม่เข้ามาที่บ้าน และได้บอกว่า” ต่อแต่นี้ไปพวกเราจะได้อยู่กับแม่คนใหม่ โดยไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป..” ฮันเซลกับเกรเทล ต้องทำงานอย่างหนักตามคำสั่งของแม่คนใหม่ ของพวกเขา แต่ถึงกระนั้นแม่เลี้ยงก็ไม่ค่อยที่จะใจดีกับเด็กทั้งสอง ด้วยนางเป็นผู้หญิงที่ใจร้าย ยิ่งไปกว่านั้นยังจะคอยดุด่าว่าพวกเขาอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย เมื่อเวลาที่พ่อออกไปทำงานแล้ว แม่เลี้ยงก็จะออกคำสั่งให้สองพี่น้องทำงาน ทุกอย่างในบ้านกันอย่างตัวเป็นเกลียว ส่วนตัวนางเองนั้นจะหนีเข้าไปหาที่หลับนอน อยู่อย่างสุขสบายโดยไม่คิดที่จะทำอะไรเลยทั้งสิ้น แต่เมื่อถึงเวลาที่พ่อได้กลับมาถึงที่ บ้าน นางก็จะพูดโกหกบอกกับพ่อว่า ” เด็กทั้งสองคน…เอาแต่เล่นและไม่ยอมช่วย เหลือทำงานอะไรเลยสักอย่างเดียว…” อยู่ต่อมาในปีหนึ่ง ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่แห้งแล้งมากฝนก็ไม่ตก ข้าวสาลีและ พืชผักที่มีในทุ่งนาก็มีอันต้องเหี่ยวแห้งลงไปจนเกือบจะทั้งหมด อาหารเหลือน้อยลง ดังนั้นที่บ้านของคนตัดไม้ที่มีอยู่ตั้งสี่คน ก็เช่นกัน ถ้าไม่มีมาตรการและทำอะไรลงไปสักอย่าง ทุกคนจะต้องหิวโหยและอาจ ตายลงไปได้
” เธอคิดที่จะทำอย่างไร??เรากำลังจะไม่มีอาหารอะไรเหลือ เพียงพอให้สำหรับพวกเด็ก ๆแล้วนะ ”คุณพ่อบอกกับแม่เลี้ยง
แม่เลี้ยงจึงพูดว่า ” ถ้าเป็นอย่างนั้น ในวันพรุ่งนี้แกก็ต้องพาเด็กทั้งสองเข้าไป ที่ในป่าลึก แล้วปล่อยพวกเขาไว้ที่นั่น เท่านั้นเองเป็นทางเลือกที่จะช่วยเหลือเราทั้งสอง ไว้ได้โดยไม่ต้องอดตายตามไปเสียด้วย ” พ่อตกใจมากและได้รีบตอบปฏิเสธในทันที “ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เด็ก ๆ จะต้องตายลงไปอย่างแน่นอน..ถ้าขืนเราทำแบบนั้น ” แม่เลี้ยงจึงพูดว่า” อ้อ นี่แกว่าถ้าอาหารหมดลง แล้วเราทั้งสองคนก็จะต้องมาอดตายตามลงไปด้วย อย่างนั้น มันดีหรือไง?” ในที่สุดพ่อก็จำใจที่จะต้องเห็นตามแม่เลี้ยงไปด้วยอย่างที่ก็ได้นึกตำหนิในความคิด ของนาง และในตอนนั้นฮันเซลกับ
เกรเทลก็แอบมาได้ยินพ่อกับแม่เลี้ยงพูดกัน ถึงตน ทั้งสองจากเงามืดที่ตรงประตู….” พรุ่งนี้เราทั้งสองคนจะต้องโดนเอาไปปล่อยที่ในป่า แล้วก็จะไม่มีทางได้กลับมา ที่นี่อีกแล้ว….” เกรเทลเริ่มร้องไห้ ” อย่ากลัวไปเลย พี่มีแผนการณ์บางอย่าง” และหลังจากนั้น ในทันทีที่ทุกคนหลับไปแล้ว ฮันเซลก็ได้แอบเดินย่อง ออกไปสู่ลานหน้าบ้าน บนพื้นข้างนอกนั้นเกลื่อนไปด้วยก้อนกรวดเล็ก ๆ ฮันเซลโกยก้อนกรวดเหล่านั้นไส่ไว้จนเต็มกระเป๋าของเขา ” เอก อี้ เอ็ก เอก ” เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ ผู้เป็นแม่เลี้ยงก็เข้ามาปลุกเด็ก ทั้งสอง ” ตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ ได้แล้ว” นางเรียก ” พ่อของแกกำลังจะเข้าไป ตัดไม้ที่ในป่า เราจะตามไปกับเขาด้วย ” เกรเทลเริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีกอย่างร้อนรนใจ ฮันเซลจึงได้รีบแอบกระซิบปลอบใจน้องว่า ” ไม่ต้องกลัว…ถ้าเราอธิฐาน..พระเจ้าจะ ต้องปกป้องช่วยเราอย่างแน่นอน ”
ฮันเซลและเกรเทล เดินตามพ่อกับแม่เลี้ยงเข้ามาที่ในป่า และในระหว่างทาง ฮันเซลทำท่าเหมือนมองไปที่ด้านหลังอย่างซ้ำ ๆหลายครั้งหลายครา ” นี่ ฮันเซลทำไมเจ้าจะต้องทำท่าหันไปมองที่ด้านหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างนั้นด้วยล่ะ ?” ฮันเซลได้ตอบว่า ” ก็มันเหมือนมีเศษเงินตกอยู่นี่ ” พ่อได้พูดว่า ” นั่นมันไม่ใช่เศษเงินตกอยู่หรอก มันเป็นแค่เพียงเศษก้อนหินที่กระทบกับแสงแดด แล้วทำให้เกิดเป็นแสงขึ้นมาเท่านั้นเอง”
ฮันเซลไม่ได้มองเห็นเศษเงินอย่างที่เขาพูดหรอก เขาเพียง แต่ตั้งใจหันไปแอบโยนเศษก้อนหินทิ้งเอาไว้ หมายทำเป็นเครื่องหมาย ทางขากลับบ้านเท่านั้นเองต่างหาก….และในไม่นานเมื่อทั้งหมดพากันมาถึงที่ข้างในป่า ลึกแล้ว คนตัดไม้กับแม่เลี้ยงก็ก่อกองไฟขึ้นมากองหนึ่ง และได้พูดโกหกบอก พวกเขาว่าจะเข้าไปตัดไม้ที่อื่น โดยให้เขาทั้งสองนั่งรอและได้พากันหนีกลับไป…
ฮันเซลกับเกรเทลกินขนมปังที่ได้มา ในไม่ช้าเด็กทั้งสองจึงเริ่มง่วง และในที่สุด ก็เคลิ้มหลับไปตรงข้างกองไฟจนถึงเวลากลางคืน เขาทั้งสองด้วยความหนาวจึงรู้สึกตัว และตื่นขึ้นมา ” พี่ นี่เราทั้งสองจะต้องมาตายอยู่ที่ในกลางป่าลึกอย่างเช่นนี้หรือ??” ฮันเซลจึงปลอบน้องว่า “ไม่ต้องกลัว..เชื่อพี่สิน้องรัก.. เมื่อพระจันทร์ขึ้นเต็มดวงแล้ว เราก็จะสามารถหาทางกลับบ้านได้ ” เศษก้อนหินที่ฮันเซลได้แอบโยนทิ้งทำทางขากลับเอาไว้เมื่อตอนกลางวัน นั้น เมื่อต้องแสงของพระจันทร์ก็ทำให้เกิดเป็นแสงเรือง ๆสะท้อน ให้เห็นเป็นทาง สองพี่น้องจูงมือกันออกเดิน เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง เด็กทั้งสองก็มาถึงกระท่อม ผู้เป็นแม่เลี้ยงค่อนข้างจะขัดเคืองใจ เมื่อเห็นเด็กทั้งสองกลับมาเป็นอย่างมาก คืนนี้นเองแม่เลี้ยงจึงพูดกับพ่อของเด็กๆว่า ” เด็กสองคนหาทางกลับมาได้อย่างไร?…วันนั้นทั้งสองทำอะไร ที่เป็นที่น่าสงสัยอะไรหรือเปล่า?? ” พ่อจึงพูดว่า ” ถ้าจะมีก็เพียงแต่ฮันเซลจะเดินและหัน หลังไปดูเศษก้อนหินหลายครั้งเท่านั้นเอง ” แม่เลี้ยงเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงบอกว่า” นั่นแหละ ! ฉันรู้แล้ว..ก้อนหินพวกนั้นแหละเป็นเครื่องหมายแสดงทางขากลับมาบ้านได้” แม่เลี้ยงได้สั่งให้พ่อเอาฆ้อน และตะปูไปตอกติดปิดห้องของเด็กทั้งสองเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฮันเซลมีโอกาสได้ออกไปหาเก็บเศษก้อนหินมาเตรียมเอาไว้ ได้อีกอย่างครั้งแรก…” พรุ่งนี้จะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน ” และสิ่งนี้เกรเทลก็แอบได้ยินที่นางพูด ” คราวต่อไปเราคงจะไม่มีทางกลับมา ที่นี่ได้อีกอย่างแน่นอน ” ” ไม่ต้องกลัวสิ…พระเจ้าจะต้องช่วยเหลือเรา” ฮันเซลกล่าว ในวันรุ่งขึ้นแม่เลี้ยงหักขนมปังแบ่งออ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ฮันเซลและเกรเทล"เป็นนิทานพื้นบ้านของทางทวีบยุโรบซึ่งสองพี่น้องตระกูลกริมม์นำเรื่องมารวบรวมไว้ให้ได้อ่านกันในเนื้อเรื่องนั้นเล่าถึงความรักความสามัคคีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของสองพี่น้องที่ได้เกิดมาในครอบครัวของคนที่ยากจนอย่างช่วยไม่ได้เป็นนิทานที่ออกไปในแนวที่น่าสะเทือนใจอยู่เหมือนกันนะขอรับอ่ะเล่าเลยดีกว่าที่ ๆ ใกล้ มีครอบครัวของคนตัดไม้ที่ยากจนมากอาศัยอยู่ในทุกๆวันผู้เป็นพ่อจะออกไปตัดไม้ที่ในป่าและจะนำเอาไม้เหล่านั้นไปขายที่ในเมืองส่วนลูกๆของเขาซึ่งก็มีลูกชายคนโตชื่อฮันเซลกับลูกสาวคนเล็กชื่อเกรเทล แต่แล้วอยู่ต่อมาไม่นานในวันหนึ่งแม่ของพวกเขาก็มีอันต้องเจ็บป่วยและได้ตายลงไปพ่อได้พาภรรยาคนใหม่เข้ามาที่บ้านและได้บอกว่า"ต่อแต่นี้ไปพวกเราจะได้อยู่กับแม่คนใหม่โดยไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป."ฮันเซลกับเกรเทลต้องทำงานอย่างหนักตามคำสั่งของแม่คนใหม่ของพวกเขาแต่ถึงกระนั้นแม่เลี้ยงก็ไม่ค่อยที่จะใจดีกับเด็กทั้งสองด้วยนางเป็นผู้หญิงที่ใจร้าย เมื่อเวลาที่พ่อออกไปทำงานแล้วแม่เลี้ยงก็จะออกคำสั่งให้สองพี่น้องทำงานทุกอย่างในบ้านกันอย่างตัวเป็นเกลียวส่วนตัวนางเองนั้นจะหนีเข้าไปหาที่หลับนอนอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่คิดที่จะทำอะไรเลยทั้งสิ้น บ้านนางก็จะพูดโกหกบอกกับพ่อว่า "เด็กทั้งสองคน...เอาแต่เล่นและไม่ยอมช่วยเหลือทำงานอะไรเลยสักอย่างเดียว..." อยู่ต่อมาในปีหนึ่งซึ่งปีนั้นเป็นปีที่แห้งแล้งมากฝนก็ไม่ตกข้าวสาลีและ อาหารเหลือน้อยลงดังนั้นที่บ้านของคนตัดไม้ที่มีอยู่ตั้งสี่คนก็เช่นกันถ้าไม่มีมาตรการและทำอะไรลงไปสักอย่างทุกคนจะต้องหิวโหยและอาจตายลงไปได้
"เธอคิดที่จะทำอย่างไร??เรากำลังจะไม่มีอาหารอะไรเหลือเพียงพอให้สำหรับพวกเด็กๆแล้วนะ "คุณพ่อบอกกับแม่เลี้ยง
แม่เลี้ยงจึงพูดว่า "ถ้าเป็นอย่างนั้นในวันพรุ่งนี้แกก็ต้องพาเด็กทั้งสองเข้าไปที่ในป่าลึกแล้วปล่อยพวกเขาไว้ที่นั่นเท่านั้นเองเป็นทางเลือกที่จะช่วยเหลือเราทั้งสองไว้ได้โดยไม่ต้องอดตายตามไปเสียด้วย" "ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกเด็กๆ จะต้องตายลงไปอย่างแน่นอน.ถ้าขืนเราทำแบบนั้น "แม่เลี้ยงจึงพูดว่า" อ้อนี่แกว่าถ้าอาหารหมดลงแล้วเราทั้งสองคนก็จะต้องมาอดตายตามลงไปด้วยอย่างนั้นมันดีหรือไง"ในที่สุดพ่อก็จำใจที่จะต้องเห็นตามแม่เลี้ยงไปด้วยอย่างที่ก็ได้นึกตำหนิในความคิดของนางและในตอนนั้นฮันเซลกับ
เกรเทลก็แอบมาได้ยินพ่อกับแม่เลี้ยงพูดกันถึงตนทั้งสองจากเงามืดที่ตรงประตู..."พรุ่งนี้เราทั้งสองคนจะต้องโดนเอาไปปล่อยที่ในป่าแล้วก็จะไม่มีทางได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว..."เกรเทลเริ่มร้องไห้" อย่ากลัวไปเลยพี่มีแผนการณ์บางอย่าง"และหลังจากนั้นในทันทีที่ทุกคนหลับไปแล้วฮันเซลก็ได้แอบเดินย่องออกไปสู่ลานหน้าบ้านบนพื้นข้างนอกนั้นเกลื่อนไปด้วยก้อนกรวดเล็กๆ "เอกอี้เอ็กเอก"เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ผู้เป็นแม่เลี้ยงก็เข้ามาปลุกเด็กทั้งสอง "ตื่นขึ้นมาเร็วๆ ได้แล้ว" นางเรียก"พ่อของแกกำลังจะเข้าไปตัดไม้ที่ในป่าเราจะตามไปกับเขาด้วย" ฮันเซลจึงได้รีบแอบกระซิบปลอบใจน้องว่า "ไม่ต้องกลัว...ถ้าเราอธิฐาน.พระเจ้าจะต้องปกป้องช่วยเราอย่างแน่นอน "
ฮันเซลและเกรเทลเดินตามพ่อกับแม่เลี้ยงเข้ามาที่ในป่าและในระหว่างทางฮันเซลทำท่าเหมือนมองไปที่ด้านหลังอย่างซ้ำๆหลายครั้งหลายครา "นี่ฮันเซลทำไมเจ้าจะต้องทำท่าหันไปมองที่ด้านหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ?"ฮันเซลได้ตอบว่า" ก็มันเหมือนมีเศษเงินตกอยู่นี่นั่นมันไม่ใช่เศษเงินตกอยู่หรอก "พ่อได้พูดว่า" มันเป็นแค่เพียงเศษก้อนหินที่กระทบกับแสงแดดแล้วทำให้เกิดเป็นแสงขึ้นมาเท่านั้นเอง"
ฮันเซลไม่ได้มองเห็นเศษเงินอย่างที่เขาพูดหรอกเขาเพียงแต่ตั้งใจหันไปแอบโยนเศษก้อนหินทิ้งเอาไว้หมายทำเป็นเครื่องหมายทางขากลับบ้านเท่านั้นเองต่างหาก...และในไม่นานเมื่อทั้งหมดพากันมาถึงที่ข้างในป่าลึกแล้วคนตัดไม้กับแม่เลี้ยงก็ก่อกองไฟขึ้นมากองหนึ่งและได้พูดโกหกบอกพวกเขาว่าจะเข้าไปตัดไม้ที่อื่นโดยให้เขาทั้งสองนั่งรอและได้พากันหนีกลับไป...
ฮันเซลกับเกรเทลกินขนมปังที่ได้มาในไม่ช้าเด็กทั้งสองจึงเริ่มง่วงและในที่สุดก็เคลิ้มหลับไปตรงข้างกองไฟจนถึงเวลากลางคืนเขาทั้งสองด้วยความหนาวจึงรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา "พี่ ? "ฮันเซลจึงปลอบน้องว่า"ไม่ต้องกลัว...เชื่อพี่สิน้องรัก... เมื่อพระจันทร์ขึ้นเต็มดวงแล้วเราก็จะสามารถหาทางกลับบ้านได้ "เศษก้อนหินที่ฮันเซลได้แอบโยนทิ้งทำทางขากลับเอาไว้เมื่อตอนกลางวันนั้นเมื่อต้องแสงของพระจันทร์ก็ทำให้เกิดเป็นแสงเรืองๆสะท้อนให้เห็นเป็นทาง เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างเด็กทั้งสองก็มาถึงกระท่อมผู้เป็นแม่เลี้ยงค่อนข้างจะขัดเคืองใจเมื่อเห็นเด็กทั้งสองกลับมาเป็นอย่างมากคืนนี้นเองแม่เลี้ยงจึงพูดกับพ่อของเด็กๆว่า "เด็กสองคนหาทางกลับมาได้อย่างไร…วันนั้นทั้งสองทำอะไรที่เป็นที่น่าสงสัยอะไรหรือเปล่า?? "พ่อจึงพูดว่า" ถ้าจะมีก็เพียงแต่ฮันเซลจะเดินและหันหลังไปดูเศษก้อนหินหลายครั้งเท่านั้นเอง "แม่เลี้ยงเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงบอกว่า" นั่นแหละ ฉันรู้แล้ว...ก้อนหินพวกนั้นแหละเป็นเครื่องหมายแสดงทางขากลับมาบ้านได้"แม่เลี้ยงได้สั่งให้พ่อเอาฆ้อนและตะปูไปตอกติดปิดห้องของเด็กทั้งสองเอาไว้เพื่อไม่ให้ฮันเซลมีโอกาสได้ออกไปหาเก็บเศษก้อนหินมาเตรียมเอาไว้ พรุ่งนี้จะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน "และสิ่งนี้เกรเทลก็แอบได้ยินที่นางพูด"คราวต่อไปเราคงจะไม่มีทางกลับมาที่นี่ได้อีกอย่างแน่นอน"" ไม่ต้องกลัวสิ...ฮันเซลกล่าวพระเจ้าจะต้องช่วยเหลือเรา"
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ฮันเซลและเกรเทล” เป็นนิทานพื้นบ้านของทางทวีบยุโรบซึ่งสองพี่น้องตระกูลกริมม์นำ เรื่องมารวบรวมไว้ให้ได้อ่านกัน ในเนื้อเรื่องนั้นเล่าถึงความรัก,ความสามัคคี การช่วยเหลือซึ่งกันและกันของสองพี่น้องที่ได้เกิดมาในครอบครัวของคนที่ยากจน อย่างช่วยไม่ได้เป็นนิทานที่ออกไปในแนวที่น่าสะเทือนใจอยู่เหมือนกันนะขอรับ อ่ะเล่าเลยดีกว่าที่ๆ ใกล้ ๆกับขอบหน้าผาที่ในป่าแห่งหนึ่ง มีครอบครัวของคนตัดไม้ที่ยากจนมาก อาศัยอยู่ ในทุก ๆวันผู้เป็นพ่อจะออกไปตัดไม้ที่ในป่า และจะนำเอาไม้เหล่านั้น ไปขายที่ในเมือง ส่วนลูก ๆของเขาซึ่งก็มีลูกชายคนโตชื่อฮันเซลกับลูกสาวคนเล็กชื่อเกรเทล ก็จะคอยช่วยเหลือแม่ของตนทำงานอยู่ที่บ้านด้วยความขยันขันแข็ง แต่แล้วอยู่ต่อมาไม่นาน ในวันหนึ่งแม่ของพวกเขาก็มีอันต้องเจ็บป่วยและได้ตายลงไปพ่อได้พาภรรยาคนใหม่เข้ามาที่บ้าน และได้บอกว่า” ต่อแต่นี้ไปพวกเราจะได้อยู่กับแม่คนใหม่ โดยไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป..” ฮันเซลกับเกรเทล ต้องทำงานอย่างหนักตามคำสั่งของแม่คนใหม่ ของพวกเขา แต่ถึงกระนั้นแม่เลี้ยงก็ไม่ค่อยที่จะใจดีกับเด็กทั้งสอง ด้วยนางเป็นผู้หญิงที่ใจร้าย ยิ่งไปกว่านั้นยังจะคอยดุด่าว่าพวกเขาอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย เมื่อเวลาที่พ่อออกไปทำงานแล้ว แม่เลี้ยงก็จะออกคำสั่งให้สองพี่น้องทำงาน ทุกอย่างในบ้านกันอย่างตัวเป็นเกลียว ส่วนตัวนางเองนั้นจะหนีเข้าไปหาที่หลับนอน อยู่อย่างสุขสบายโดยไม่คิดที่จะทำอะไรเลยทั้งสิ้น แต่เมื่อถึงเวลาที่พ่อได้กลับมาถึงที่ บ้าน นางก็จะพูดโกหกบอกกับพ่อว่า ” เด็กทั้งสองคน…เอาแต่เล่นและไม่ยอมช่วย เหลือทำงานอะไรเลยสักอย่างเดียว…” อยู่ต่อมาในปีหนึ่ง ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่แห้งแล้งมากฝนก็ไม่ตก ข้าวสาลีและ พืชผักที่มีในทุ่งนาก็มีอันต้องเหี่ยวแห้งลงไปจนเกือบจะทั้งหมด อาหารเหลือน้อยลง ดังนั้นที่บ้านของคนตัดไม้ที่มีอยู่ตั้งสี่คน ก็เช่นกัน ถ้าไม่มีมาตรการและทำอะไรลงไปสักอย่าง ทุกคนจะต้องหิวโหยและอาจ ตายลงไปได้
” เธอคิดที่จะทำอย่างไร??เรากำลังจะไม่มีอาหารอะไรเหลือ เพียงพอให้สำหรับพวกเด็ก ๆแล้วนะ ”คุณพ่อบอกกับแม่เลี้ยง
แม่เลี้ยงจึงพูดว่า ” ถ้าเป็นอย่างนั้น ในวันพรุ่งนี้แกก็ต้องพาเด็กทั้งสองเข้าไป ที่ในป่าลึก แล้วปล่อยพวกเขาไว้ที่นั่น เท่านั้นเองเป็นทางเลือกที่จะช่วยเหลือเราทั้งสอง ไว้ได้โดยไม่ต้องอดตายตามไปเสียด้วย ” พ่อตกใจมากและได้รีบตอบปฏิเสธในทันที “ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เด็ก ๆ จะต้องตายลงไปอย่างแน่นอน..ถ้าขืนเราทำแบบนั้น ” แม่เลี้ยงจึงพูดว่า” อ้อ นี่แกว่าถ้าอาหารหมดลง แล้วเราทั้งสองคนก็จะต้องมาอดตายตามลงไปด้วย อย่างนั้น มันดีหรือไง?” ในที่สุดพ่อก็จำใจที่จะต้องเห็นตามแม่เลี้ยงไปด้วยอย่างที่ก็ได้นึกตำหนิในความคิด ของนาง และในตอนนั้นฮันเซลกับ
เกรเทลก็แอบมาได้ยินพ่อกับแม่เลี้ยงพูดกัน ถึงตน ทั้งสองจากเงามืดที่ตรงประตู….” พรุ่งนี้เราทั้งสองคนจะต้องโดนเอาไปปล่อยที่ในป่า แล้วก็จะไม่มีทางได้กลับมา ที่นี่อีกแล้ว….” เกรเทลเริ่มร้องไห้ ” อย่ากลัวไปเลย พี่มีแผนการณ์บางอย่าง” และหลังจากนั้น ในทันทีที่ทุกคนหลับไปแล้ว ฮันเซลก็ได้แอบเดินย่อง ออกไปสู่ลานหน้าบ้าน บนพื้นข้างนอกนั้นเกลื่อนไปด้วยก้อนกรวดเล็ก ๆ ฮันเซลโกยก้อนกรวดเหล่านั้นไส่ไว้จนเต็มกระเป๋าของเขา ” เอก อี้ เอ็ก เอก ” เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ ผู้เป็นแม่เลี้ยงก็เข้ามาปลุกเด็ก ทั้งสอง ” ตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ ได้แล้ว” นางเรียก ” พ่อของแกกำลังจะเข้าไป ตัดไม้ที่ในป่า เราจะตามไปกับเขาด้วย ” เกรเทลเริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีกอย่างร้อนรนใจ ฮันเซลจึงได้รีบแอบกระซิบปลอบใจน้องว่า ” ไม่ต้องกลัว…ถ้าเราอธิฐาน..พระเจ้าจะ ต้องปกป้องช่วยเราอย่างแน่นอน ”
ฮันเซลและเกรเทล เดินตามพ่อกับแม่เลี้ยงเข้ามาที่ในป่า และในระหว่างทาง ฮันเซลทำท่าเหมือนมองไปที่ด้านหลังอย่างซ้ำ ๆหลายครั้งหลายครา ” นี่ ฮันเซลทำไมเจ้าจะต้องทำท่าหันไปมองที่ด้านหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างนั้นด้วยล่ะ ?” ฮันเซลได้ตอบว่า ” ก็มันเหมือนมีเศษเงินตกอยู่นี่ ” พ่อได้พูดว่า ” นั่นมันไม่ใช่เศษเงินตกอยู่หรอก มันเป็นแค่เพียงเศษก้อนหินที่กระทบกับแสงแดด แล้วทำให้เกิดเป็นแสงขึ้นมาเท่านั้นเอง”
ฮันเซลไม่ได้มองเห็นเศษเงินอย่างที่เขาพูดหรอก เขาเพียง แต่ตั้งใจหันไปแอบโยนเศษก้อนหินทิ้งเอาไว้ หมายทำเป็นเครื่องหมาย ทางขากลับบ้านเท่านั้นเองต่างหาก….และในไม่นานเมื่อทั้งหมดพากันมาถึงที่ข้างในป่า ลึกแล้ว คนตัดไม้กับแม่เลี้ยงก็ก่อกองไฟขึ้นมากองหนึ่ง และได้พูดโกหกบอก พวกเขาว่าจะเข้าไปตัดไม้ที่อื่น โดยให้เขาทั้งสองนั่งรอและได้พากันหนีกลับไป…
ฮันเซลกับเกรเทลกินขนมปังที่ได้มา ในไม่ช้าเด็กทั้งสองจึงเริ่มง่วง และในที่สุด ก็เคลิ้มหลับไปตรงข้างกองไฟจนถึงเวลากลางคืน เขาทั้งสองด้วยความหนาวจึงรู้สึกตัว และตื่นขึ้นมา ” พี่ นี่เราทั้งสองจะต้องมาตายอยู่ที่ในกลางป่าลึกอย่างเช่นนี้หรือ??” ฮันเซลจึงปลอบน้องว่า “ไม่ต้องกลัว..เชื่อพี่สิน้องรัก.. เมื่อพระจันทร์ขึ้นเต็มดวงแล้ว เราก็จะสามารถหาทางกลับบ้านได้ ” เศษก้อนหินที่ฮันเซลได้แอบโยนทิ้งทำทางขากลับเอาไว้เมื่อตอนกลางวัน นั้น เมื่อต้องแสงของพระจันทร์ก็ทำให้เกิดเป็นแสงเรือง ๆสะท้อน ให้เห็นเป็นทาง สองพี่น้องจูงมือกันออกเดิน เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง เด็กทั้งสองก็มาถึงกระท่อม ผู้เป็นแม่เลี้ยงค่อนข้างจะขัดเคืองใจ เมื่อเห็นเด็กทั้งสองกลับมาเป็นอย่างมาก คืนนี้นเองแม่เลี้ยงจึงพูดกับพ่อของเด็กๆว่า ” เด็กสองคนหาทางกลับมาได้อย่างไร?…วันนั้นทั้งสองทำอะไร ที่เป็นที่น่าสงสัยอะไรหรือเปล่า?? ” พ่อจึงพูดว่า ” ถ้าจะมีก็เพียงแต่ฮันเซลจะเดินและหัน หลังไปดูเศษก้อนหินหลายครั้งเท่านั้นเอง ” แม่เลี้ยงเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงบอกว่า” นั่นแหละ ! ฉันรู้แล้ว..ก้อนหินพวกนั้นแหละเป็นเครื่องหมายแสดงทางขากลับมาบ้านได้” แม่เลี้ยงได้สั่งให้พ่อเอาฆ้อน และตะปูไปตอกติดปิดห้องของเด็กทั้งสองเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฮันเซลมีโอกาสได้ออกไปหาเก็บเศษก้อนหินมาเตรียมเอาไว้ ได้อีกอย่างครั้งแรก…” พรุ่งนี้จะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน ” และสิ่งนี้เกรเทลก็แอบได้ยินที่นางพูด ” คราวต่อไปเราคงจะไม่มีทางกลับมา ที่นี่ได้อีกอย่างแน่นอน ” ” ไม่ต้องกลัวสิ…พระเจ้าจะต้องช่วยเหลือเรา” ฮันเซลกล่าว ในวันรุ่งขึ้นแม่เลี้ยงหักขนมปังแบ่งออ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ฮันเซลและเกรเทล " เป็นนิทานพื้นบ้านของทางทวีบยุโรบซึ่งสองพี่น้องตระกูลกริมม์นำในเนื้อเรื่องนั้นเล่าถึงความรักเรื่องมารวบรวมไว้ให้ได้อ่านกัน ,ความสามัคคีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของสองพี่น้องที่ได้เกิดมาในครอบครัวของคนที่ยากจนอย่างช่วยไม่ได้เป็นนิทานที่ออกไปในแนวที่น่าสะเทือนใจอยู่เหมือนกันนะขอรับอ่ะเล่าเลยดีกว่าที่ๆใกล้มีครอบครัวของคนตัดไม้ที่ยากจนมากอาศัยอยู่ในทุกๆวันผู้เป็นพ่อจะออกไปตัดไม้ที่ในป่าและจะนำเอาไม้เหล่านั้นไปขายที่ในเมืองส่วนลูกๆของเขาซึ่งก็มีลูกชายคนโตชื่อฮันเซลกับลูกสาวคนเล็กชื่อเกรเทลแต่แล้วอยู่ต่อมาไม่นานในวันหนึ่งแม่ของพวกเขาก็มีอันต้องเจ็บป่วยและได้ตายลงไปพ่อได้พาภรรยาคนใหม่เข้ามาที่บ้านและได้บอกว่า " ต่อแต่นี้ไปพวกเราจะได้อยู่กับแม่คนใหม่โดยไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป .." ฮันเซลกับเกรเทลต้องทำงานอย่างหนักตามคำสั่งของแม่คนใหม่ของพวกเขาแต่ถึงกระนั้นแม่เลี้ยงก็ไม่ค่อยที่จะใจดีกับเด็กทั้งสองด้วยนางเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายเมื่อเวลาที่พ่อออกไปทำงานแล้วแม่เลี้ยงก็จะออกคำสั่งให้สองพี่น้องทำงานทุกอย่างในบ้านกันอย่างตัวเป็นเกลียวส่วนตัวนางเองนั้นจะหนีเข้าไปหาที่หลับนอนอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่คิดที่จะทำอะไรเลยทั้งสิ้นบ้านนางก็จะพูดโกหกบอกกับพ่อว่า " เด็กทั้งสองคนเอาแต่เล่นและไม่ยอมช่วยเหลือทำงานอะไรเลยสักอย่างเดียว . . . . . . . . . . . . . . " อยู่ต่อมาในปีหนึ่งซึ่งปีนั้นเป็นปีที่แห้งแล้งมากฝนก็ไม่ตกข้าวสาลีและอาหารเหลือน้อยลงดังนั้นที่บ้านของคนตัดไม้ที่มีอยู่ตั้งสี่คนก็เช่นกันถ้าไม่มีมาตรการและทำอะไรลงไปสักอย่างทุกคนจะต้องหิวโหยและอาจตายลงไปได้
" เธอคิดที่จะทำอย่างไร ? เรากำลังจะไม่มีอาหารอะไรเหลือเพียงพอให้สำหรับพวกเด็กๆแล้วนะคุณพ่อบอกกับแม่เลี้ยง
" ?แม่เลี้ยงจึงพูดว่า " ถ้าเป็นอย่างนั้นในวันพรุ่งนี้แกก็ต้องพาเด็กทั้งสองเข้าไปที่ในป่าลึกแล้วปล่อยพวกเขาไว้ที่นั่นเท่านั้นเองเป็นทางเลือกที่จะช่วยเหลือเราทั้งสองไว้ได้โดยไม่ต้องอดตายตามไปเสียด้วย "" ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกเด็กจะจะต้องตายลงไปอย่างแน่นอน .. ถ้าขืนเราทำแบบนั้น " แม่เลี้ยงจึงพูดว่า " อ้อนี่แกว่าถ้าอาหารหมดลงแล้วเราทั้งสองคนก็จะต้องมาอดตายตามลงไปด้วยอย่างนั้นมันดีหรือไง ?" ในที่สุดพ่อก็จำใจที่จะต้องเห็นตามแม่เลี้ยงไปด้วยอย่างที่ก็ได้นึกตำหนิในความคิดของนางและในตอนนั้นฮันเซลกับ
เกรเทลก็แอบมาได้ยินพ่อกับแม่เลี้ยงพูดกันถึงตนทั้งสองจากเงามืดที่ตรงประตู . . . . . . ." พรุ่งนี้เราทั้งสองคนจะต้องโดนเอาไปปล่อยที่ในป่าแล้วก็จะไม่มีทางได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว . . . . . . ." เกรเทลเริ่มร้องไห้ " อย่ากลัวไปเลยพี่มีแผนการณ์บางอย่าง " และหลังจากนั้นในทันทีที่ทุกคนหลับไปแล้วฮันเซลก็ได้แอบเดินย่องออกไปสู่ลานหน้าบ้านบนพื้นข้างนอกนั้นเกลื่อนไปด้วยก้อนกรวดเล็กไม่มี" เอกอี้เอ็กเอก " เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ผู้เป็นแม่เลี้ยงก็เข้ามาปลุกเด็กทั้งสอง " ตื่นขึ้นมาเร็วจะได้แล้ว " นางเรียก " พ่อของแกกำลังจะเข้าไปตัดไม้ที่ในป่าเราจะตามไปกับเขาด้วย "ไม่ต้องกลัวฮันเซลจึงได้รีบแอบกระซิบปลอบใจน้องว่า " . . . . . . . ถ้าเราอธิฐาน .พระเจ้าจะต้องปกป้องช่วยเราอย่างแน่นอน "
.ฮันเซลและเกรเทลเดินตามพ่อกับแม่เลี้ยงเข้ามาที่ในป่าและในระหว่างทางฮันเซลทำท่าเหมือนมองไปที่ด้านหลังอย่างซ้ำๆหลายครั้งหลายครา " นี่ฮันเซลทำไมเจ้าจะต้องทำท่าหันไปมองที่ด้านหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า?" ฮันเซลได้ตอบว่า " ก็มันเหมือนมีเศษเงินตกอยู่นี่ " พ่อได้พูดว่านั่นมันไม่ใช่เศษเงินตกอยู่หรอกมันเป็นแค่เพียงเศษก้อนหินที่กระทบกับแสงแดดแล้วทำให้เกิดเป็นแสงขึ้นมาเท่านั้นเอง "
"ฮันเซลไม่ได้มองเห็นเศษเงินอย่างที่เขาพูดหรอกเขาเพียงแต่ตั้งใจหันไปแอบโยนเศษก้อนหินทิ้งเอาไว้หมายทำเป็นเครื่องหมายทางขากลับบ้านเท่านั้นเองต่างหาก . . . . . . .และในไม่นานเมื่อทั้งหมดพากันมาถึงที่ข้างในป่าลึกแล้วคนตัดไม้กับแม่เลี้ยงก็ก่อกองไฟขึ้นมากองหนึ่งและได้พูดโกหกบอกพวกเขาว่าจะเข้าไปตัดไม้ที่อื่นโดยให้เขาทั้งสองนั่งรอและได้พากันหนีกลับไป
. . . . . . .ฮันเซลกับเกรเทลกินขนมปังที่ได้มาในไม่ช้าเด็กทั้งสองจึงเริ่มง่วงและในที่สุดก็เคลิ้มหลับไปตรงข้างกองไฟจนถึงเวลากลางคืนเขาทั้งสองด้วยความหนาวจึงรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา " พี่? " ฮันเซลจึงปลอบน้องว่าไม่ต้องกลัวเชื่อพี่สิน้องรัก " . . . . . . . . . . . . . .เมื่อพระจันทร์ขึ้นเต็มดวงแล้วเราก็จะสามารถหาทางกลับบ้านได้ " เศษก้อนหินที่ฮันเซลได้แอบโยนทิ้งทำทางขากลับเอาไว้เมื่อตอนกลางวันนั้นเมื่อต้องแสงของพระจันทร์ก็ทำให้เกิดเป็นแสงเรืองๆสะท้อนให้เห็นเป็นทางเมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างเด็กทั้งสองก็มาถึงกระท่อมผู้เป็นแม่เลี้ยงค่อนข้างจะขัดเคืองใจเมื่อเห็นเด็กทั้งสองกลับมาเป็นอย่างมากคืนนี้นเองแม่เลี้ยงจึงพูดกับพ่อของเด็กๆว่า " เด็กสองคนหาทางกลับมาได้อย่างไร ?. . . . . . . วันนั้นทั้งสองทำอะไรที่เป็นที่น่าสงสัยอะไรหรือเปล่า ? ? " พ่อจึงพูดว่า " ถ้าจะมีก็เพียงแต่ฮันเซลจะเดินและหันหลังไปดูเศษก้อนหินหลายครั้งเท่านั้นเอง " แม่เลี้ยงเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงบอกว่า " นั่นแหละ !ฉันรู้แล้ว . . . . . . .ก้อนหินพวกนั้นแหละเป็นเครื่องหมายแสดงทางขากลับมาบ้านได้ " แม่เลี้ยงได้สั่งให้พ่อเอาฆ้อนและตะปูไปตอกติดปิดห้องของเด็กทั้งสองเอาไว้เพื่อไม่ให้ฮันเซลมีโอกาสได้ออกไปหาเก็บเศษก้อนหินมาเตรียมเอาไว้พรุ่งนี้จะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน " และสิ่งนี้เกรเทลก็แอบได้ยินที่นางพูด " คราวต่อไปเราคงจะไม่มีทางกลับมาที่นี่ได้อีกอย่างแน่นอนไม่ต้องกลัวสิฮันเซลกล่าวพระเจ้าจะต้องช่วยเหลือเรา " " " . . . . . . .
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: