The natural conditions such as soil

The natural conditions such as soil type, slope, climate, water quality and availability, have the following impact on the choice of an irrigation method:

Soil type:

Sandy soils have a low water storage capacity and a high infiltration rate. They therefore need frequent but small irrigation applications, in particular when the sandy soil is also shallow. Under these circumstances, sprinkler or drip irrigation are more suitable than surface irrigation. On loam or clay soils all three irrigation methods can be used, but surface irrigation is more commonly found. Clay soils with low infiltration rates are ideally suited to surface irrigation.







When a variety of different soil types is found within one irrigation scheme, sprinkler or drip irrigation are recommended as they will ensure a more even water distribution.





Slope:

Sprinkler or drip irrigation are preferred above surface irrigation on steeper or unevenly sloping lands as they require little or no land levelling. An exception is rice grown on terraces on sloping lands.





Climate:

Strong wind can disturb the spraying of water from sprinklers. Under very windy conditions, drip or surface irrigation methods are preferred. In areas of supplementary irrigation, sprinkler or drip irrigation may be more suitable than surface irrigation because of their flexibility and adaptability to varying irrigation demands on the farm.





Water availability:

Water application efficiency (see Annex 4, step 8) is generally higher with sprinkler and drip irrigation than surface irrigation and so these methods are preferred when water is in short supply. However, it must be remembered that efficiency is just as much a function of the irrigator as the method used.





Water quality:

Surface irrigation is preferred if the irrigation water contains much sediment. The sediments may clog the drip or sprinkler irrigation systems.







If the irrigation water contains dissolved salts, drip irrigation is particularly suitable, as less water is applied to the soil than with surface methods.







Sprinkler systems are more efficient that surface irrigation methods in leaching out salts.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สภาพธรรมชาติเช่นชนิดของดินลาดสภาพภูมิอากาศคุณภาพน้ำและความพร้อมมีผลกระทบต่อไปนี้ในการเลือกวิธีการชลประทานนี้:

ชนิดของดิน:

ดินทรายมีความจุน้ำต่ำและอัตราการแทรกซึมสูง พวกเขาจึงต้องบ่อย แต่มีขนาดเล็กการใช้งานชลประทานโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดินปนทรายยังเป็นตื้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หรือฉีดน้ำหยดมีความเหมาะสมมากกว่าการชลประทานพื้นผิว ในดินร่วนปนดินเหนียวหรือดินทั้งสามวิธีการชลประทานสามารถนำมาใช้ แต่ชลประทานพื้นผิวจะพบมากขึ้นโดยทั่วไป ดินเหนียวที่มีอัตราการแทรกซึมต่ำจะเหมาะกับผิวชลประทาน.







เมื่อความหลากหลายของประเภทของดินที่แตกต่างกันพบว่าภายในหนึ่งโครงการชลประทานฉีดน้ำหรือน้ำหยดได้รับการแนะนำที่พวกเขาจะให้แน่ใจว่าการกระจายน้ำมากยิ่งขึ้น.





ลาด:

สปริงเกลอร์หรือน้ำหยดเป็น ที่แนะนำข้างต้นชลประทานบนพื้นผิวไม่สม่ำเสมอชันหรือดินแดนที่ลาดเอียงที่พวกเขาต้องการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีการปรับระดับที่ดิน ข้อยกเว้นคือข้าวที่ปลูกบนระเบียงบนที่ดินลาด.





ภูมิอากาศ:

ลมแรงสามารถรบกวนการฉีดพ่นน้ำจากหัวฉีด ภายใต้เงื่อนไขที่มีลมแรงมากหยดชลประทานหรือพื้นผิวที่ต้องการวิธีการ ในพื้นที่ของการชลประทานเสริมฉีดน้ำหรือน้ำหยดอาจจะเหมาะสมกว่าการชลประทานพื้นผิวเนื่องจากมีความยืดหยุ่นและการปรับตัวของพวกเขาเพื่อที่แตกต่างกันความต้องการการชลประทานในไร่.





มีน้ำ:

ประสิทธิภาพการประยุกต์ใช้น้ำ (ดูภาคผนวก 4 ขั้นตอนที่ 8) โดยทั่วไปสูงกับสปริงเกลอร์ และการชลประทานน้ำหยดชลประทานกว่าพื้นผิวและเพื่อให้วิธีการเหล่านี้เป็นที่ต้องการเมื่อน้ำในการจัดหาสั้น แต่ก็ต้องจำได้ว่ามีประสิทธิภาพเพียงเท่าฟังก์ชั่นของ Irrigator เป็นวิธีการที่ใช้.





คุณภาพน้ำ:

ชลประทานพื้นผิวเป็นที่ต้องการถ้าน้ำชลประทานมีตะกอนมาก ตะกอนอาจเกิดการอุดตันหยดหรือฉีดน้ำระบบชลประทาน.







ถ้าน้ำชลประทานมีละลายเกลือน้ำหยดมีความเหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นน้ำน้อยถูกนำไปใช้ดินกว่าด้วยวิธีพื้นผิว.







ระบบหัวฉีดมีประสิทธิภาพมากขึ้นว่าวิธีการพื้นผิวการชลประทานในการชะล้างออก ยาดม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สภาวะธรรมชาติ เช่น ชนิดของดิน ความลาดชัน , อากาศ , คุณภาพน้ำและห้องว่างมีดังต่อไปนี้ส่งผลกระทบต่อทางเลือกของการให้น้ำ :ประเภทของดิน :ดินทราย มีความจุน้ำต่ำและอัตราการแทรกซึมสูง พวกเขาจึงต้องใช้บ่อย แต่ชลประทานขนาดเล็ก โดยเฉพาะเมื่อดินทรายก็ตื้น ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ , ดับเพลิงหรือน้ำหยดจะเหมาะกว่าน้ำผิว ในดินร่วน หรือดินเหนียว น้ำทั้ง 3 วิธีสามารถใช้ แต่พื้นผิวการชลประทานเป็นมากกว่าปกติที่พบ ดินดินที่มีอัตราการซึมน้ำต่ำเหมาะเหมาะกับผิวเมื่อความหลากหลายของดินประเภทต่าง ๆที่พบในน้ำแบบสปริงเกอร์ หรือ น้ำหยดแนะนำเช่นที่พวกเขาจะให้แน่ใจว่ามีการกระจายน้ำได้มากขึ้นความชัน :สปริงเกลอร์หรือหยดน้ำชลประทานที่ต้องการเหนือพื้นผิวการชลประทานในชันหรือซึ่งลาดที่ดินตามที่พวกเขาต้องการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีการปรับระดับพื้นที่ . ข้อยกเว้นคือข้าวที่ปลูกบนระเบียงบนพื้นที่ลาดเอียง .ภูมิอากาศ :ลมแรงสามารถรบกวนการฉีดน้ำจากหัวฉีด . ภายใต้สภาพลมแรงมากวิธีการชลประทานหยดหรือพื้นผิวที่ต้องการ ในพื้นที่ของเสริมการชลประทาน หยดน้ำชลประทานฉีด หรืออาจจะเหมาะกว่า เพราะผิวของน้ำของความยืดหยุ่นและการปรับตัวที่แตกต่างกันความต้องการน้ำในฟาร์มการใช้น้ำประสิทธิภาพการใช้น้ำ ( ดูภาคผนวกที่ 4 ขั้นตอนที่ 8 ) โดยทั่วไปสูงกว่า ฉีดน้ำและการชลประทานแบบหยดกว่าพื้นผิวการชลประทานและวิธีการเหล่านี้เป็นที่ต้องการเมื่อมีน้ำในการจัดหาสั้น อย่างไรก็ตาม มันต้องจำว่าประสิทธิภาพมันเป็นหน้าที่ของทดน้ำเป็นวิธีการที่ใช้คุณภาพน้ำ :ชลประทานพื้นผิวที่ต้องการ ถ้าน้ำชลประทานมีตะกอนมาก ตะกอนที่อาจอุดตันระบบน้ำหยดหรือสปริงเกลอร์ถ้าน้ำชลประทานมีปริมาณเกลือ , น้ำหยดมีความเหมาะสม เช่น น้ำ น้อย ที่ใช้กับดิน มากกว่าวิธีการที่พื้นผิวระบบสปริงเกลอร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นที่พื้นผิวการชลประทานวิธีการในการชะล้างจากเกลือ