SuccessionWhen Prince Jessadabodind

Succession
When Prince Jessadabodindra was 37, King Rama II became seriously ill and died, without having named his successor. According to law of succession, Prince Mongkut (later King Rama IV) should have become king because he was born from the queen consort of King Rama II. However, the older Prince Jessadabodindra was seen as a more appropriate choice, having headed such administrations as the Department of Royal Household, the Treasury, Department of Foreign Affairs, and the Supreme Judicature. After an assembly, the house of nobility approved Prince Jessadabodindra as the 3rd King of Bangkok. Mongkut, passed over for the throne, took monastic vows. Some sources suggest that Mongkut thought his life in danger and so chose to retreat from politics.[1]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อย่างต่อเนื่องเมื่อเจ้าชาย Jessadabodindra 37 รามกลายเป็นป่วยอย่างจริงจัง และเสียชีวิต โดยไม่ ต้องมีชื่อของเขาสืบ ตามกฎหมายราชบัลลังก์ มงกุฎเจ้าชาย (ภายหลังพระราม) ควรได้กลายเป็น กษัตริย์เนื่องจากประสูติจากสมเด็จพระราชินีมเหสีของพระราม อย่างไรก็ตาม Jessadabodindra เจ้าเก่าที่เห็นเป็นทางเลือกที่เหมาะสม มีหัวดังกล่าวจัดการแผนกของพระราชวัง ธนารักษ์ ศุลกากร และ Judicature สูงสุด หลังจากแอสเซมบลี บ้านของขุนนางอนุมัติ Jessadabodindra เจ้าเป็นกษัตริย์ 3 กรุงเทพ พระจอมเกล้า ส่งผ่านสำหรับราชบัลลังก์ เอาว่าสงฆ์ บางแหล่งแนะนำมงกุฎคิดว่า ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย และจึง เลือกที่จะหนีจากเมือง [1]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สืบราชบัลลังก์เมื่อเจ้าชาย Jessadabodindra 37, รัชกาลที่สองกลายเป็นป่วยหนักและเสียชีวิตโดยไม่ต้องมีการตั้งชื่อทายาทของเขา
ตามกฎหมายของความสำเร็จ, ปรินซ์พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ต่อมารัชกาลที่ IV) ควรจะได้เป็นกษัตริย์เพราะเขาเกิดจากมเหสีของรัชกาลที่สอง อย่างไรก็ตามเจ้าชายที่มีอายุมากกว่า Jessadabodindra ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากขึ้นมีหัวเข็มเช่นกรมพระราชวัง, กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้บริหารสูงสุดทั้งหลาย หลังจากการชุมนุมบ้านของขุนนางที่ได้รับอนุมัติเจ้าชาย Jessadabodindra ที่ 3 พระมหากษัตริย์ของกรุงเทพฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, ผ่านบัลลังก์เอาคำสาบานที่วัด แหล่งที่มาบางคนแนะนำว่าพระจอมเกล้าคิดว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายและอื่น ๆ เลือกที่จะถอยออกจากการเมือง. [1]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บัลลังก์
เมื่อเจ้าชายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น 37 , รัชกาลที่ 2 ก็ป่วยหนักและเสียชีวิต โดยไม่มีการสืบทอดตำแหน่งของเขา ตามกฎแห่งความสำเร็จ เจ้าชายจอม ( ต่อมารัชกาลที่ 4 ) ควรเป็นกษัตริย์ เพราะเขาเกิดมาจากสมเด็จพระราชินีในรัชกาลที่ 2 อย่างไรก็ตาม เก่า องค์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากขึ้นมีหัวหน้าปกครอง เช่น กรมหลวงครัวเรือน กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และศาลยุติธรรมสูงสุด หลังจากการชุมนุมที่ บ้านของขุนนางได้รับการอนุมัติองค์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 ของกรุงเทพฯ โดยผ่านเหนือบัลลังก์ เอาของสงฆ์คำปฏิญาณบางแหล่งว่า โดยคิดว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายและเลือกที่จะถอยจากการเมือง [ 1 ]