History of Aracruz Celulose S.ABraz

History of Aracruz Celulose S.A
Brazil-based Aracruz Celulose S.A.is the world's leading producer of bleached eucalyptus pulp for the paper industry and one of the world's largest wood pulpproducers. The company has an annual production capacity of 2.4 million tons, through two mill sites. Barra do Riacho, the company's main site located in Espirito Santo, produces two million tons of pulp with three full-scale production units, including boilers, digesters, and bleach and drying lines. The company also operates its own private port, Portocel, in Espirito Santo. Aracruz's other site, Riocell, was acquired in 2003; located in Rio Grande do Sul, it produces 400,000 tons of bleach eucalyptus pulp each year. The company is also constructing a third site, through its 50/50 Veracel Celulose joint-venture with Stora Enso, at Eunapolis, in Bahia, which will have a production capacity of 900,000 tons upon completion in 2005. Aracruz produces its own wood through its management of nearly 190,000 hectares of planted eucalyptus--a fast-growing hardwood not native to Brazil. The company has played an active role in developing new genetic varieties of eucalyptus to meet its production needs. As part of its longstanding commitment to sustainable development, the company's eucalyptus plantations are interspersed by native tree species. The company's eco-friendly policies extend to its production facilities, which are outfitted with chemical recovery systems, water treatment facilities, and biomass power generating systems making use of the company's own waste production. In addition to pulp, Aracruz has diversified, launching its own line of hardwood products. Aracruz is led by Luiz Kaufmann. Founder Erling Lorentzen and family remain major shareholders in the company.
Planting a Wood Pulp Giant in the 1960s
Born in 1923, Erling Lorentzen had been forced to flee his native Norway after that country was occupied by the Nazis during World War II. Lorentzen, part of a shipping family with interests in Brazil, joined the Norwegian resistance and was sent to Great Britain, where he received military training. Lorentzen then returned to Norway, and, undercover as a farmer, took command of some 800 resistance fighters.
Following the war, Lorentzen, who had not been able to complete high school, was granted the right to enroll in the M.B.A. program at Harvard University. Returning to Norway, Lorentzen began working for his father's shipping company, acting as a representative in Brazil. Lorentzen also found a wife--Princess Ragnhild Alexandra, daughter of then King Olaf Vand sister of the future King Haakon. The marriage marked the first time a member of European royalty had married a commoner.
Yet Erling Lorentzen proved no common businessman. The Lorentzens moved to Brazil during the 1950s and set up a gas distribution business in conjunction with the family's holdings. By then, interest was beginning to grow in developing a wood pulp industry in Brazil. The country offered a number of natural advantages, including plenty of space and low wages. But most importantly, Brazil boasted a climate of year-round sun and warm weather. Whereas the planting-to-pulping time span of trees planted for pulp production in northern climates ranged from 15 years to as much as 50 years in northern Europe, Brazil's climate offered the possibility to grow trees with a five-year turnaround rate.
Initial attempts by another company to begin wood pulp production failed, however, due to the poor choice of tree--although eucalyptus had been introduced to Brazil in the early part of the 20th century, Jari had chosen a different species, imported from Indonesia, that did not react well to Brazil's soil. In the meantime, Brazil's forest continued to be devastated. With no coal deposits of its own, the country cut down its trees in order to produce charcoal. The situation was particularly dire in the northern coastal state of Espirito Santo, where most of the forests had been destroyed, sinking the population further into poverty.
Lorentzen began gathering funding from private investors and government sources and began buying up land in Espirito Santo with the intention of developing new eucalyptus plantations. Lorentzen quickly decided on using a variety of eucalyptus, in part for its quick growth cycle of just seven years in Brazil's climate. Eucalyptus presented other advantages, particularly in that a tree will grow back from the stump after it has been cut down, enabling the same tree to be harvested up to three times, lowering the investment and reducing the length of the growth cycle.
By 1967, Lorentzen had formed Aracruz Florestal S.A. and begun planting its first eucalyptus forests using seed produced in Brazil. Because these trees were not geneticallydeveloped, the initial planting presented a number of difficulties, including a susceptibility to trunk rot and irregular growth and shape patterns. Nonetheless, by 1972, the company began its

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติของ Aracruz Celulose S.ACelulose S.A.is Aracruz จากบราซิลผู้ผลิตชั้นนำของโลกของยูคาลิปตัสฟอกขาวเยื่อกระดาษสำหรับอุตสาหกรรมกระดาษและของ pulpproducers ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทมีกำลังการผลิตเป็นประจำปี 2.4 ล้านตัน ผ่านเว็บไซต์ของโรงงานที่สอง บาร์ราทำ Riacho เว็บไซต์หลักของบริษัทที่ตั้งอยู่ในซูลร์ ผลิตเยื่อกระดาษมีสามหน่วยการผลิตเต็มรูปแบบ รวม ถึงหม้อไอน้ำ เครื่องย่อยแบบ สารฟอกขาว และการอบแห้งเส้นสองล้านตัน นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินงานท่าเรือส่วนตัวของตัวเอง Portocel ในซูลร์ มาของ Aracruz ไซต์ Riocell, 2003 มันอยู่ในรีโอ ผลิต 400,000 ตันเยื่อยูคาลิปตัสฟอกขาวแต่ละปี บริษัทจะยังสร้างเว็บไซต์สาม ผ่านการออก Veracel Celulose ร่วมทุนกับ Enso จัดเก็บรองเ ที่ Eunapolis ใน Bahia ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเมื่อเสร็จสมบูรณ์ในปี 2005 900,000 ตัน Aracruz ผลิตไม้ของตัวเองผ่านของเกือบ 190,000 ไร่ปลูกยูคาลิปตัส - เติบโตเร็วเนื้อแข็งไม่ถิ่นกำเนิดประเทศบราซิล บริษัทได้เล่นมีบทบาทในการพัฒนาสายพันธุ์พันธุกรรมใหม่ของยูคาลิปตัสเพื่อตอบสนองความต้องการการผลิต เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอันยาวนานการพัฒนาอย่างยั่งยืน สวนไม้ยูคาลิปตัสของบริษัทจะสลับ โดยพันธุ์ไม้พื้นเมือง บริษัทมิตรขยายการผลิตอำนวยความสะดวก ซึ่งมีตกแต่ง ด้วยสารเคมีการกู้คืนระบบ บำบัดน้ำ และการสร้างระบบพลังงานชีวมวลแบบใช้การผลิตของบริษัทเสีย นอกจากว่านหางจระเข้ Aracruz มีหลากหลาย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ไม้บรรทัดของตนเอง Aracruz นำ โดยจาก Kaufmann ผู้ก่อตั้ง Erling Lorentzen และครอบครัวยังคง ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทปลูกยักษ์ใหญ่เยื่อไม้ในปี 1960เกิดในปีพ.ศ. 2466, Erling Lorentzen ถูกบังคับหนีนอร์เวย์ดั้งเดิมของเขาหลังจากที่ประเทศนั้นถูกครอบครอง โดย Nazis ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง Lorentzen สมาชิกของครอบครัวมีความสนใจในบราซิล จัดส่งเข้าร่วมการต่อต้านที่นอร์เวย์ และถูกส่งไปยังสหราชอาณาจักร ซึ่งเขาได้รับการฝึกทหาร Lorentzen แล้วส่งกลับ ไป นอร์เวย์ และ ร่มเป็นเกษตรกร เอาคำสั่งของนักรบต้านทาน 800 บางต่อสงคราม Lorentzen ผู้ที่ไม่ได้สามารถที่จะศึกษา ได้รับสิทธิในการลงทะเบียนในโปรแกรมปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กลับไปนอร์เวย์ Lorentzen เริ่มทำงานบิดาของบริษัทขนส่งสินค้า ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในประเทศบราซิล Lorentzen พบภรรยา - หญิง Ragnhild อเล็กซานดร้า ลูกสาวแล้วน้องสาวของกษัตริย์โอลาฟ Vand ของฮากอนที่กษัตริย์ในอนาคต การแต่งงานทำเครื่องหมายเป็นครั้งแรกที่สมาชิกของราชวงศ์ยุโรปได้แต่งงานองค์ยัง Erling Lorentzen พิสูจน์แล้วว่าไม่มีนักธุรกิจทั่วไป Lorentzens ที่ย้ายไปบราซิลในระหว่างปี 1950 และตั้งค่าธุรกิจจำหน่ายก๊าซร่วมกับโฮลดิ้งส์ของครอบครัว แล้ว ดอกเบี้ยก็เริ่มเติบโตในการพัฒนาอุตสาหกรรมเยื่อไม้ที่ในบราซิล ประเทศรับจำนวนของข้อได้เปรียบตามธรรมชาติ รวมทั้งพื้นที่และค่าจ้างต่ำ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ บราซิลเอ๊กสภาพเมฆและอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี ในขณะที่ระยะเวลาการปลูกการ-pulping ของต้นไม้ที่ปลูกสำหรับการผลิตเยื่อกระดาษในสภาพอากาศภาคเหนืออยู่ในช่วง 15 ปีถึง 50 ปีในยุโรปเหนือ สภาพภูมิอากาศของบราซิลเสนอไปปลูกต้นไม้กับอัตราระยะเวลาห้าปีพยายามเริ่มต้น โดยบริษัทอื่นเพื่อเริ่มการผลิตเยื่อไม้ที่ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้นไม้ - เลือกไม่ดีแม้ว่ายูคาลิปตัสได้รู้จักกับบราซิลในตอนต้นของศตวรรษที่ 20, Jari ทรงเลือกพันธุ์อื่น นำเข้าจากอินโดนีเซีย ที่คุณไม่ตอบสนองดีดินของบราซิล ในระหว่าง ป่าของบราซิลยังคงถูกทำลาย ฝากไม่มีถ่านหินของตัวเอง ประเทศลดลงของต้นไม้เพื่อผลิตถ่าน สถานการณ์เป็นสิ่งที่เลวร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐชายฝั่งเหนือซูลร์ ที่สุดของป่าได้ถูกทำลาย จมประชากรเพิ่มเติมลงไปในความยากจนLorentzen เริ่มรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนส่วนตัวและแหล่งข้อมูลของรัฐบาล และเริ่มซื้อค่าที่ดินในซูลร์ด้วยความตั้งใจพัฒนาไม้ยูคาลิปตัสป่าปลูกใหม่ Lorentzen ตัดสินใจโดยใช้ความหลากหลายของยูคาลิปตัส บางส่วนสำหรับวงจรเติบโตอย่างรวดเร็วเพียงแค่เจ็ดปีในสภาพภูมิอากาศของบราซิลอย่างรวดเร็ว ยูคาลิปตัสแสดงข้อดีอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ต้นไม้จะเติบโตจากโคนหลังจากที่มันได้ถูกตัดลง ทำให้ต้นไม้เดียวกันจะเก็บเกี่ยวถึงสามเท่า ลดการลงทุน และการลดความยาวของรอบการเจริญเติบโตโดย 1967, Lorentzen มี Aracruz Florestal S.A. ที่เกิดขึ้น และเริ่มปลูกป่ายูคาลิปตัสแรกใช้เมล็ดพันธุ์ที่ผลิตในประเทศบราซิล เพราะต้นไม้เหล่านี้ไม่ geneticallydeveloped ปลูกต้นแสดงตัวเลขความยาก ง่ายลำต้นเน่าและผิดปกติเจริญเติบโตและรูปร่างลายรวมทั้ง กระนั้น โดย 1972 บริษัทได้เริ่มการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติความเป็นมาของ Aracruz Celulose SA
บราซิลตาม Aracruz Celulose SAIS ของโลกผู้ผลิตชั้นนำของเยื่อยูคาฟอกขาวสำหรับอุตสาหกรรมกระดาษและเป็นหนึ่งของโลก pulpproducers ไม้ที่ใหญ่ที่สุด บริษัท มีกำลังการผลิตปีละ 2.4 ล้านตันผ่านสองเว็บไซต์โรงงาน Barra do Riacho, เว็บไซต์หลักของ บริษัท ที่ตั้งอยู่ใน Espirito Santo, ผลิตสองล้านตันของเยื่อกระดาษที่มีสามหน่วยการผลิตอย่างเต็มรูปแบบรวมทั้งหม้อไอน้ำหมักและสารฟอกขาวและเส้นอบแห้ง บริษัท ยังดำเนินพอร์ตของตัวเองส่วนตัว Portocel ใน Espirito Santo เว็บไซต์อื่น ๆ Aracruz ของ Riocell กำลังซื้อในปี 2003; ตั้งอยู่ใน Rio Grande do Sul จะผลิต 400,000 ตันต่อปีเยื่อกระดาษฟอกขาวยูคาในแต่ละปี นอกจากนี้ บริษัท ยังมีการสร้างเว็บไซต์ที่สามผ่าน 50/50 Veracel Celulose ร่วมทุนกับ Stora Enso ที่ Eunapolis ใน Bahia ซึ่งจะมีกำลังการผลิต 900,000 ตันเมื่อเสร็จสิ้นในปี 2005 Aracruz ผลิตไม้ของตัวเองผ่าน การจัดการของเกือบ 190,000 เฮคเตอร์ของยูคาปลูก - ไม้เนื้อแข็งที่เติบโตอย่างรวดเร็วไม่พื้นเมืองของบราซิล บริษัท ได้มีบทบาทอย่างแข็งขันในการพัฒนาพันธุ์ทางพันธุกรรมใหม่ของยูคาตอบสนองความต้องการการผลิต ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ยาวนานในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ บริษัท สวนยูคาสลับโดยพรรณไม้พื้นเมือง นโยบายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ บริษัท ขยายไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกการผลิตซึ่งมีการตกแต่งด้วยการกู้คืนระบบสารเคมีบำบัดน้ำสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบผลิตไฟฟ้าชีวมวลการใช้ประโยชน์จากการผลิตของเสียของ บริษัท เอง นอกเหนือไปจากเยื่อ Aracruz มีความหลากหลาย, การเปิดตัวสายของตัวเองของผลิตภัณฑ์ไม้เนื้อแข็ง Aracruz นำโดยลูอิส Kaufmann ผู้ก่อตั้ง Erling Lorentzen และครอบครัวยังคงถือหุ้นรายใหญ่ใน บริษัท .
ปลูกเยื่อไม้ยักษ์ในปี 1960
เกิดขึ้นในปี 1923, Erling Lorentzen ได้รับการบังคับให้หนีพื้นเมืองของเขาหลังจากที่นอร์เวย์เป็นประเทศที่ถูกครอบครองโดยพวกนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Lorentzen เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวการจัดส่งสินค้าที่มีความสนใจในบราซิลร่วมต้านทานนอร์เวย์และถูกส่งไปยังสหราชอาณาจักรซึ่งเขาได้รับการฝึกทหาร Lorentzen แล้วก็กลับไปยังประเทศนอร์เวย์และหลังคาเป็นชาวนาเอาคำสั่งของบางส่วน 800 สู้ต้านทาน.
หลังจากที่สงคราม Lorentzen ที่ไม่ได้รับสามารถที่จะเสร็จสมบูรณ์โรงเรียนมัธยมได้รับสิทธิในการลงทะเบียนเรียนในหลักสูตร MBA ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ . กลับไปนอร์เวย์ Lorentzen เริ่มทำงานกับ บริษัท ขนส่งของพ่อของเขาทำหน้าที่เป็นตัวแทนในบราซิล Lorentzen ยังพบภรรยา - เจ้าหญิงอเล็กซานด Ragnhild ลูกสาวของพี่สาวแล้วกษัตริย์โอลาฟ Vand ของอนาคตกษัตริย์ฮา การแต่งงานเป็นครั้งแรกที่ได้เป็นสมาชิกของเจ้านายยุโรปได้แต่งงานกับสามัญชน.
แต่ Erling Lorentzen พิสูจน์แล้วว่าไม่มีนักธุรกิจทั่วไป Lorentzens ย้ายไปบราซิลในช่วงปี 1950 และตั้งธุรกิจจำหน่ายก๊าซร่วมกับการถือครองของคนในครอบครัว จากนั้นก็เริ่มสนใจที่จะเติบโตในการพัฒนาอุตสาหกรรมเยื่อไม้ในบราซิล ประเทศที่นำเสนอจำนวนหนึ่งได้เปรียบธรรมชาติรวมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และค่าจ้างต่ำ แต่ที่สำคัญที่สุดบราซิลอวดภูมิอากาศของดวงอาทิตย์ตลอดทั้งปีและสภาพอากาศที่อบอุ่น ในขณะที่ช่วงเวลาการเพาะปลูกการผลิตเยื่อกระดาษของต้นไม้ที่ปลูกสำหรับการผลิตเยื่อกระดาษในสภาพอากาศทางภาคเหนือตั้งแต่ 15 ปีที่ผ่านมามากถึง 50 ปีในภาคเหนือของยุโรปสภาพภูมิอากาศของบราซิลที่นำเสนอความเป็นไปได้ที่จะปลูกต้นไม้ที่มีอัตราการตอบสนองห้าปี.
เริ่มต้นความพยายาม โดย บริษัท จะเริ่มผลิตเยื่อไม้ที่ล้มเหลว แต่เนื่องจากทางเลือกที่ดีของต้นไม้อีก - แม้ว่ายูคาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับบราซิลในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20, Jari ได้เลือกสายพันธุ์ที่แตกต่างกันที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียที่ไม่ ไม่ตอบสนองได้ดีในดินของบราซิล ในขณะเดียวกันป่าของบราซิลยังคงได้รับความเสียหาย ไม่มีเงินฝากถ่านหินของตัวเองประเทศตัดต้นไม้คู่แข่งในการผลิตถ่าน สถานการณ์เลวร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐชายฝั่งทางตอนเหนือของ Espirito Santo ที่มากที่สุดของป่าถูกทำลายจมประชากรต่อไปในการแก้ไขปัญหาความยากจน.
Lorentzen เริ่มรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนภาคเอกชนและแหล่งที่มาของรัฐบาลและเริ่มซื้อที่ดินใน Espirito Santo กับ ความตั้งใจในการพัฒนาสวนป่ายูคาใหม่ Lorentzen ตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการใช้ความหลากหลายของยูคาในส่วนของวงจรการเจริญเติบโตของมันได้อย่างรวดเร็วเพียงเจ็ดปีในสภาพภูมิอากาศของบราซิล ยูคาลิปนำเสนอผลประโยชน์อื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ต้นไม้จะเติบโตกลับมาจากตอไม้หลังจากที่มันได้รับการตัดลงช่วยให้ต้นเดียวกันที่จะเก็บเกี่ยวได้ถึงสามครั้งลดการลงทุนและลดความยาวของวงจรการเจริญเติบโตได้.
โดยปี 1967 Lorentzen ได้จัดตั้ง Aracruz Florestal SA และเริ่มปลูกป่ายูคาแรกของการใช้เมล็ดพันธุ์ที่ผลิตในประเทศบราซิล เพราะต้นไม้เหล่านี้ไม่ได้ถูก geneticallydeveloped ที่ปลูกครั้งแรกที่นำเสนอจำนวนของปัญหารวมถึงความอ่อนแอของลำต้นเน่าและการเจริญเติบโตที่ผิดปกติและรูปร่างรูปแบบ อย่างไรก็ตามโดยปี 1972 บริษัท ได้เริ่มต้นของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ARACRUZ celulose s ประวัติบราซิลตาม ARACRUZ celulose s.a.is ชั้นนําของโลกผู้ผลิตเยื่อยูคาลิปตัสฟอกขาวสำหรับอุตสาหกรรมกระดาษและหนึ่งของโลกที่ใหญ่ที่สุดของไม้ pulpproducers . บริษัท มีกำลังการผลิตปีละ 2.4 ล้านตัน ผ่านโรงสี 2 เว็บไซต์ ราทำกระแสของ บริษัท , เว็บไซต์หลัก ตั้งอยู่ใน ปิโน ซานโตผลิตสองล้านตันผลิตการผลิตเต็มรูปแบบกับ 3 หน่วย ได้แก่ หม้อไอน้ํา , มูล , ฟอกสีและแห้งเส้น บริษัทยังประกอบธุรกิจ Port ส่วนตัวของตัวเอง portocel ปิโน ใน Santo ARACRUZ อื่น ๆเว็บไซต์ , riocell , ได้รับในปี 2003 ตั้งอยู่ในริโอแกรนด์โดซูล สร้าง 400000 ฟอกขาวเยื่อยูคาตันในแต่ละปี บริษัทยังได้สร้างเว็บไซต์ที่สามผ่าน ของ 50 / 50 veracel celulose ร่วมทุนกับ STORA ENSO ที่ eunapolis ใน Bahia ซึ่งจะมีกำลังการผลิต 900000 ตันเมื่อเสร็จสมบูรณ์ในปี 2548 ARACRUZ สร้างไม้ของตัวเองผ่านการจัดการของมันเกือบ 190 ไร่ยูคาลิปตัสที่ปลูก . . . โตเร็วไม้เนื้อแข็งไม่พื้นเมืองบราซิล บริษัท ได้ เล่น บทบาทในการพัฒนาสายพันธุ์ทางพันธุกรรมใหม่ของยูคาลิปตัสเพื่อตอบสนองการผลิตของความต้องการ เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของพวกเขาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน , สวนป่ายูคาของบริษัทจะสลับด้วยพรรณไม้พื้นเมือง ของ บริษัท นโยบายขยายสิ่งอำนวยความสะดวกการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็น outfitted กับระบบการกู้คืนสารเคมี เครื่องบำบัดน้ำเสีย และระบบผลิตพลังงานชีวมวล การใช้ผลิตเสียเองของบริษัท นอกจาก เยื่อ ARACRUZ ได้หลากหลาย ใช้เส้นของตัวเองของผลิตภัณฑ์ไม้ ARACRUZ นำโดย Luiz ที่สุด . ผู้ก่อตั้ง erling แห่งนอร์เวย์และครอบครัวยังคงอยู่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทปลูกไม้เยื่อกระดาษยักษ์ในคริสต์ทศวรรษ 1940เกิดในปี 1923 แห่งนอร์เวย์ erling ถูกบังคับให้หนี นอร์เวย์ บ้านเกิดของเขา หลังจากประเทศที่ถูกครอบครองโดยนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แห่งนอร์เวย์ , ส่วนหนึ่งของการขนส่งครอบครัวที่มีความสนใจในบราซิล เข้าต้านทาน นอร์เวย์ และถูกส่งกลับอังกฤษ ซึ่งเขาได้รับการฝึกทางทหาร แล้วกลับมาแห่งนอร์เวย์นอร์เวย์ และปลอมตัวเป็นชาวนา นำคำสั่งของ 800 หน่วยต่อต้านหลังสงครามแห่งนอร์เวย์ , ผู้ที่ได้เสร็จสิ้นโรงเรียนมัธยมได้รับสิทธิที่จะลงทะเบียนเรียนในโปรแกรมปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กลับไปยังประเทศนอร์เวย์ เริ่มทำงานกับบิดาของเขาแห่งนอร์เวย์จัดส่ง บริษัท ทำหน้าที่เป็นผู้แทนในบราซิล พบภรรยา -- เจ้าหญิงแห่งนอร์เวย์ ragnhild Alexandra , ลูกสาวของกษัตริย์โอลาฟแล้ว vand น้องสาวของเจ้าชายโฮกุ้นกษัตริย์ในอนาคต การแต่งงานเป็นครั้งแรก สมาชิกของราชวงศ์ยุโรปได้แต่งงานกับสามัญชนแต่ erling แห่งนอร์เวย์พิสูจน์ไม่พบนักธุรกิจ การ lorentzens ย้ายไปบราซิลในช่วงปี 1950 และตั้งธุรกิจจ่ายก๊าซร่วมกับครอบครัว โฮลดิ้งส์ แล้ว ดอกเบี้ยเริ่มที่จะเติบโตในการพัฒนาอุตสาหกรรมเยื่อไม้ในบราซิล ประเทศที่ได้รับหมายเลขของข้อได้เปรียบตามธรรมชาติ รวมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และค่าจ้างต่ำ แต่ที่สำคัญที่สุดคือบราซิล โตบรรยากาศของดวงอาทิตย์ตลอดทั้งปี และอากาศอบอุ่น ส่วนการปลูกเพื่อผลิตเยื่อกระดาษเวลาต้นไม้ที่ปลูกในการผลิตเยื่อกระดาษ ในสภาพอากาศภาคเหนือ ตั้งแต่ 15 ปี เท่า 50 ปีในภาคเหนือของยุโรป สภาพภูมิอากาศของบราซิลเสนอความเป็นไปได้ที่จะปลูกต้นไม้ด้วยอัตราการตอบสนองของปี 2554เริ่มต้นความพยายามจากบริษัทอื่นเพื่อเริ่มต้นการผลิตเยื่อไม้ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเลือกที่ดีของต้นไม้ -- แม้ว่าจะมีได้รับการแนะนำให้ บราซิล ในส่วนต้นของศตวรรษที่ 20 , Jari เลือกสายพันธุ์ต่างๆ นำเข้าจากอินโดนีเซีย ที่ไม่ได้ตอบสนองได้ดีกับดินของบราซิล ในขณะเดียวกัน บราซิล ป่ายังคงถูกทำลาย ไม่มีถ่านหินจากเงินฝากของตนเอง ประเทศ ตัดต้นไม้เพื่อผลิตถ่าน สถานการณ์ที่เลวร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐชายฝั่งทางตอนเหนือของปิโน ซานโต ซึ่งส่วนใหญ่ของป่าถูกทำลาย จมประชากรเพิ่มเติมเข้าไปในความยากจนเริ่มการรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนเอกชนแห่งนอร์เวย์ และแหล่งที่มาของรัฐบาลและเริ่มซื้อที่ดินใน ปิโน ซานโต กับความตั้งใจในการพัฒนาสวนป่ายูคาลิปตัสใหม่ แห่งนอร์เวย์อย่างรวดเร็วตัดสินใจโดยใช้ความหลากหลายของไม้ ในส่วนวงจรการเจริญเติบโตที่รวดเร็วเพียงเจ็ดปีในสภาพภูมิอากาศของบราซิลของ ต้นยูคาลิปตัสเสนอข้อดีอื่น ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ต้นไม้จะเติบโตกลับมาจากตอไม้ หลังจากที่มันถูกตัดลง ส่งผลให้ต้นไม้ต้นเดียวกันเก็บเกี่ยวได้ถึง 3 ครั้ง ลดการลงทุนและการลดความยาวของรอบการเจริญเติบโตโดย 1967 แห่งนอร์เวย์ได้เกิดขึ้น ARACRUZ florestal S.A . และเริ่มปลูกป่ายูคาลิปตัสครั้งแรกโดยใช้เมล็ดที่ผลิตในบราซิล เนื่องจากต้นไม้เหล่านี้ไม่ได้ geneticallydeveloped , การเริ่มต้นนำเสนอจำนวนของปัญหารวมทั้งรวบรวมลำต้นเน่าและการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ และรูปร่างรูปแบบ อย่างไรก็ตาม โดยบริษัทเริ่มของ 1972