Ethnolinguistic diversity is one of

Ethnolinguistic diversity is one of the criteria often employed in defining empire. An empire includes diverse people under a unified political structure. It would be anachronistic to speak of nations in the ancient Near East. According to Mogens T. Larsen, "An empire can be defined as a supranational system of political control, whether its center is a city-state or a territorial state." This aspect of the problem surely presents considerable difficulties to historians. The only criterion of analysis in this case is personal names. However, onomastics-the study of how names are formed-requires careful handling. This period was long characterized as dominated by the conflict between southern and northern Babylonia, peopled with non-Semitic Sumerians and Semitic Akkadians, respectively. The rise of Babylonia to political power is said to have occurred under Sargon of Akkad. However, historians have realized that a century earlier, around 2500, half of the scribes of Abu Salabikh in southern Babylonia bore Semitic names. Accordingly, it has been suggested that Sumerian might have been a dead language by the middle of the third millennium, a hypothesis that mutes the problem of an alleged conflict between Sumerians and Akkadians. A recent study has reinstated a more traditional view. Based on a systematic onomastic survey, this study reaffirms the correlation between onomastics and ethnolinguistic appurtenance, and states that 80 percent of the inhabitants of Sumer bore Sumerian names. In Akkad in the north, the number of Sumerian names is dramatically smaller. More~ over, these onomastics were still creative and new names appeared, indicating that the language was still alive. Generally, bearers of Sumerian names must have spoken Sumerian, which was no longer the case in the early second millennium. Consequently, the ethnolinguistic factor may have played a nonnegligible role in the internal rebellions that punctuated the consolidation of the empire of Akkad.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Ethnolinguistic หลากหลายเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่มักใช้ในการกำหนดจักรวรรดิ อาณาจักรมีผู้คนหลากหลายภายใต้โครงสร้างการเมืองแบบครบวงจร มันจะ anachronistic พูดถึงประเทศในตะวันออกใกล้โบราณ ตาม Mogens T. เสน "อาณาจักรสามารถกำหนดเป็นระบบควบคุมทางการเมือง องค์กรเหนือรัฐว่าศูนย์ เป็นเมืองรัฐหรือดินแดนรัฐนั้น" แง่มุมของปัญหาย่อมแสดงความยากลำบากมากไปนักประวัติศาสตร์ เกณฑ์เฉพาะของการวิเคราะห์ในกรณีนี้เป็นชื่อบุคคล อย่างไรก็ตาม onomastics การศึกษาวิธีเกิดชื่อ-ต้องใช้ความระมัดระวัง ช่วงนี้ยาวมีลักษณะพิเศษเป็นครอบงำ โดยความขัดแย้งระหว่างตอนเหนือ และใต้บาบิโลเนีย peopled ปลอด - เซมิติก Sumerians และเซมิติก Akkadians ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของบาบิโลเนียเพื่ออำนาจทางการเมืองมีกล่าวถึงเกิดขึ้นภายใต้ Sargon Akkad อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ได้ตระหนักว่า ศตวรรษก่อนหน้านี้ รอบ 2500 ครึ่งหนึ่งของกรานของ Abu Salabikh ในบาบิโลเนียทางตอนใต้กระบอกสูบชื่อเซมิติก ดังนั้น มันได้ถูกแนะนำว่า ซูเมอร์อาจได้เป็นภาษาตาย โดยตรงกลางของสหัสวรรษที่สาม สมมติฐานว่าปัญหาความขัดแย้งการถูกกล่าวหาระหว่าง Sumerians Akkadians ปิด การศึกษาล่าสุดได้นำมาใช้ใหม่มุมมองดั้งเดิม จากการสำรวจ onomastic เป็นระบบ การศึกษานี้ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง onomastics และ ethnolinguistic appurtenance และอเมริกาว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของชาวสุเมเรียนเบื่อชื่อซูเมอร์ ใน Akkad เหนือ จำนวนชื่อซูเมอร์มีขนาดเล็กมาก เพิ่มเติม ~ onomastics เหล่านี้ก็ยังสร้างสรรค์กว่า และชื่อใหม่ ปรากฏ แสดงให้เห็นว่า ภาษายังมีชีวิตอยู่ โดยทั่วไป bearers ชื่อซูเมอร์ต้องมีพูดซูเมอร์ ซึ่งเป็นกรณีในสหัสวรรษที่สองช่วง ดังนั้น ตัวคูณ ethnolinguistic อาจมีบทบาท nonnegligible ในฝ่ายเคลื่อนไหวภายในที่รวมของจักรวรรดิของ Akkad สงกรานต์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความหลากหลายทางชาติพันธุ์เป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่มักจะจ้างงานในจักรวรรดิกำหนด เอ็มไพร์รวมถึงผู้ที่มีความหลากหลายภายใต้โครงสร้างทางการเมืองแบบครบวงจร มันจะเป็นสมัยที่จะพูดถึงประเทศในสมัยโบราณตะวันออกใกล้ ตามที่ Mogens ตันเสน "เอ็มไพร์สามารถกำหนดเป็นระบบที่เหนือรัฐของการควบคุมทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางของการเป็นเมืองของรัฐหรือรัฐดินแดน." แง่มุมของปัญหานี้ก็นำเสนอความยากลำบากมากในประวัติศาสตร์ เกณฑ์เฉพาะของการวิเคราะห์ในกรณีนี้คือชื่อส่วนตัว แต่ศาสตร์ที่ศึกษาวิธีการที่จะเกิดขึ้นชื่อ-ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง ช่วงนี้ก็มีลักษณะยาวเป็นครอบงำโดยความขัดแย้งระหว่างภาคใต้และภาคเหนือบิ, ประชาชนกับ Sumerians ไม่ใช่ยิวและชาวยิว Akkadians ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของบิสู่อำนาจทางการเมืองกล่าวคือจะต้องเกิดขึ้นภายใต้ Sargon ของอัค แต่นักประวัติศาสตร์ได้ตระหนักว่าศตวรรษก่อนหน้าประมาณ 2,500 ครึ่งหนึ่งของกรานของอาบู Salabikh ในภาคใต้ของบิเบื่อชื่อยิว ดังนั้นมันได้รับการแนะนำว่าซูอาจจะเป็นภาษาที่ตายโดยช่วงกลางของสหัสวรรษที่สาม, สมมติฐานที่ว่าปิดเสียงปัญหาของความขัดแย้งที่ถูกกล่าวหาระหว่าง Sumerians และ Akkadians ที่ การศึกษาที่ผ่านมาได้เรียกตัวกลับมุมมองแบบดั้งเดิมมากขึ้น อยู่บนพื้นฐานของการสำรวจ onomastic ระบบการศึกษาครั้งนี้ยืนยันอีกครั้งถึงความสัมพันธ์ระหว่างศาสตร์และการต่อเนื่องชาติพันธุ์และระบุว่าร้อยละ 80 ของชาวสุเมเรียนเบื่อชื่อซู ในอัคในภาคเหนือจำนวนของชื่อซูเป็นอย่างมากที่มีขนาดเล็ก เพิ่มเติม ~ มากกว่าศาสตร์เหล่านี้ก็ยังคงมีความคิดสร้างสรรค์และชื่อใหม่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าภาษาที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยทั่วไปถือของชื่อซูจะต้องมีการพูดซูซึ่งเป็นไม่มีกรณีในสหัสวรรษที่สองต้น ดังนั้นปัจจัยชาติพันธุ์อาจมีบทบาท nonnegligible ในการก่อกบฏภายในที่คั่นรวมของจักรวรรดิอัคที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความหลากหลายของกลุ่มภาษาชาติพันธุ์เป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมักจะจักรวรรดิ อาณาจักร รวมถึงคนที่มีความหลากหลายภายใต้เอกภาพทางการเมืองและโครงสร้าง มันจะคลาดเคลื่อนเรื่องเวลาพูดของสหประชาชาติในตะวันออกใกล้โบราณ . ตามมอร์แกน ต. ลาร์เซน " อาณาจักรจะถูกกำหนดเป็นระบบการควบคุมทางการเมืองซึ่งเกี่ยวพันกับหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเมืองศูนย์ของรัฐหรือดินแดน " แง่มุมของปัญหาย่อมแสดงความยากลำบากมากสำหรับนักประวัติศาสตร์ เพียงเกณฑ์การวิเคราะห์ในกรณีนี้คือชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม onomastics วิธีการศึกษาของชื่อจะเกิดขึ้นต้องมีการจัดการอย่างระมัดระวัง นี้มีระยะเวลายาวลักษณะเป็น dominated โดยความขัดแย้งระหว่างภาคใต้และภาคเหนือของอาณาจักรบาบิโลเนียประเทศที่เต็มไปด้วย , ไม่ใช่ยิวยิวและสุเมเรียนอัคคาเดียน ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของอาณาจักรบาบิโลเนียเพื่ออำนาจทางการเมือง ว่า เกิดขึ้นภายใต้ Sargon แห่งอัคคาด . อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ได้ตระหนักว่าในศตวรรษที่ก่อนหน้านี้ รอบ 2500 , ครึ่งหนึ่งของธรรมาจารย์ของอาบู salabikh ในภาคใต้อาณาจักรบาบิโลเนียเจาะชื่อยิว . ตาม , มันได้รับการแนะนำว่ามัยอาจเป็นภาษาที่ตายแล้ว โดยตรงกลางของสหัสวรรษที่สาม เป็นสมมติฐานที่ mutes ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง และกล่าวหาว่า ชาวสุเมเรียนอัคคาเดียน . การศึกษาล่าสุดได้ครองอำนาจมุมมองแบบดั้งเดิมมากขึ้น บนพื้นฐานของระบบ onomastic การศึกษานี้ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง onomastics กลุ่มภาษาชาติพันธุ์และส่วนเสริม และระบุว่าร้อยละ 80 ของชาวสุเมเรียนเจาะชื่อซูเมอเรียน ในอัคคาดในภาคเหนือ จำนวนของชื่อ Sumerian มีขนาดเล็กมาก อีกกว่า onomastics เหล่านี้ยังสร้างสรรค์ใหม่และชื่อที่ปรากฏ แสดงว่าภาษายังมีชีวิตอยู่ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ถือชื่อมัยต้องพูดสุเมเรียน ซึ่งไม่ใช่กรณีในสหัสวรรษที่ 2 ก่อน ดังนั้น ปัจจัยกลุ่มภาษาชาติพันธุ์อาจมีบทบาท nonnegligible ในภายในการก่อกบฏที่ punctuated รวมของอาณาจักรแห่งอัคคาด .