When the enemy finally entered his

When the enemy finally entered his field of vision, Van’er immediately noticed the heavily armed knights who were riding on huge horses, wearing bright and dazzling armor and slowly riding towards Border Town. It was usually the case that the rank of a knight was much higher than that of the common town’s people, and when he was suddenly confronted with about one hundred of these, he had to take some deep breaths to calm himself.

Van’er felt how his palms became sweaty, it was just like the time on the wall when he had to face the demonic beasts for the first time, but this time he faced creatures that were the same species as himself – the joined forces of Longsong Stronghold’s Nobility.

No, That’s wrong. He angrily spat out and threw his former thought aside, You think they’re the same as yourself? When have the nobles ever treated you as if you were of the same species as themselves? He asked himself mockingly.

The only goal of their trip is to snatch Border Town away from us and bring the Northern Slope Mine back under their control. More importantly, they even intend to drive His Royal Highness out of the western territory, as a member of the First Army I cannot simply allow this.

During yesterday’s pre-war lecture, His Royal Highness had made it clear that Timothy Wimbledon, the brother of His Royal Highness, had conspired against the throne and in the end even killed his own father King Wimbledon III for it. Originally these happenings between the royalty and aristocracy, hadn’t mattered that much to him – Is there any difference for me if the King was to change?

But now that Duke Ryan wanted to grasp this opportunity to take His Highness’s territory away, this he now found totally unacceptable!

When he thought about it, just how had his life been before His Highness had come to Border Town? If he was remembering correctly, the former Lord was actually a Count who had rarely shown himself. The acquisition of the furs was done by his personal guards who often used their weapons to lower the prices. And when the Months of the Demons arrived they would all flee to live in the slums of Longsong Stronghold and end up suffering during that whole time.

But today, under His Highness’ control the life in Border Town had become better and better, with changes being visible for everyone to see. Van’er thought, for example, when the miners had achieved a higher output they would also receive a higher payment. And even after His Highness put this black machine into the North Slope Mine, the additional output had still counted for the miner’s work. Whether it was when building the walls, or mining gravel everyone was paid on time. During this whole winter, there wasn’t even one person who had frozen or starved to death.

Of course, the biggest change was the implementation of the militia – no, now it’s called the First Army.

Having them guarding the town, we commoners don’t need to huddle together in these wooden sheds begging for others to give us food. If the Prince isn’t here any longer, would the Duke still allow for the First Army to keep on existing?

Van’er took another deep breath and wiped his palms against his clothes. No, he certainly would not allow it. The nobles of the stronghold don’t care for the lives of us commoners, it is exactly as His Highness had said before: Only an army composed of the commoners will be willing to fight for the lives of other commoners.

Van’er raised his head so that he could keep the left part of the sky inside his field of view, there in the distant he could see a small black dot circling around, when one was only taking a casual look, anyone would think it was actually just a large bird. But in truth, it was the artillery intelligence commander – Lightning, who was using the trees growing on both sides of the road as cover while constantly observing the enemy’s movements. When she flew back, Van’er also noticed that as long as she did not take the initiative to fly over open areas, the people on the ground would only be able to see tree branches if they were to look upwards, so it was nearly impossible for them to detect that there was a witch that was flying over their heads.

After a quarter of an hour, Lightning flew closer to their frontal position while flashing a green ribbon.

This was signaling to them that the enemy had entered a range of 1000 meters and that they should prepare to start shooting. Van’er didn’t know how far the distance His Highness called “1000 meters” was, but when he saw the green signal, he just subconsciously followed the rules of the comprehensive exercise, giving the command to load the cannon and adjust the angle.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อศัตรูสุดท้ายป้อนเขาด้านการมองเห็น Van'er สังเกตเห็นอัศวินอาวุธหนักที่ถูกขี่ม้าใหญ่ สวมใสพราวเกราะ และขี่ช้า ๆ ไปทางเมืองชายแดน ทันที มันมักจะเป็นกรณีว่า ยศอัศวินมากขึ้นกว่าที่คนเมืองทั่วไป และเมื่อเขาจู่ ๆ ก็ต้องเผชิญกับหนึ่งร้อยเหล่านี้ เขาจะลึก ๆ บางอย่างจะสงบเองVan'er รู้สึกว่าฝ่ามือของเขากลายเป็นขับเหงื่อ มันเป็นเพียงเหมือนเวลาบนผนังเมื่อเขาต้องเผชิญกับสัตว์ปีศาจครั้งแรก แต่เวลานี้เขาต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่มีสายพันธุ์เดียวกันเป็นตัวเอง – กองกำลังร่วมของขุนนาง Longsong ปราการไม่ ที่ไม่ถูกต้อง เขาฤทธิ์ออก และขว้างของเขาอดีตคิดกันด้วยความโกรธ คุณคิดว่า พวกเขาจะเหมือนตัวเอง เมื่อมีขุนนางเคยรักษาคุณว่าคุณมีพันธุ์เดียวกันเป็นตัวเองได้อย่างไร เขาถามตัวเองป่าเป้าหมายเดียวของการท่องเที่ยวคือการ ฉกเมืองชายแดนไปจากเรา และนำการเหนือลาดเหมืองกลับภายใต้การควบคุมของพวกเขา สำคัญ พวกเขายังตั้งใจที่จะไดรฟ์ที่พระองค์ออกจากดินแดนตะวันตก เป็นสมาชิกของกองทัพแรก ฉันไม่เพียงแค่ได้นี้ในระหว่างการบรรยายก่อนสงครามของเมื่อวานนี้ พระองค์ได้ทำให้มันชัดเจนว่าทิโมธีวิมเบิลดัน พี่ชายของพระองค์สมเด็จพระเจ้า ได้สมคบกันกับราชบัลลังก์ และในสุดแม้กระทั่งฆ่าพ่อของเขาเองพระวิมเบิลดัน III มัน เดิม กิจกรรมเหล่านี้ระหว่างราชวงศ์และชน ไม่ได้เพลงที่มากเขา – มีความแตกต่างสำหรับผมถ้ากษัตริย์คือการ เปลี่ยนแปลงแต่ขณะที่ไรอัน Duke อยากจะคว้าโอกาสนี้ในการใช้ดินแดนของพระองค์ทรงไป นี้เขาตอนนี้พบอิสลามเมื่อเขาคิดว่า เกี่ยวกับมัน เพียงว่าชีวิตของเขาได้ก่อนสมเด็จพระมาที่เมืองชายแดนหรือไม่ ถ้าเขาถูกจดจำอย่างถูกต้อง พระอดีตเจ้าจริงจำนวนที่ไม่ค่อยแสดงตัวเอง ซื้อหนังที่ทำ โดยเจ้าหน้าที่ส่วนตัวของเขาที่มักจะใช้อาวุธของพวกเขาในการลดราคา และเมื่อถึงเดือนของปีศาจ พวกเขาจะทั้งหมดหนีไปอาศัยอยู่ในสลัมของปราการ Longsong และสิ้นสุดทุกข์ทรมานในช่วงเวลานั้นทั้งหมดแต่วันนี้ ภายใต้การควบคุมของพระองค์ทรงเป็นชีวิตในเมืองชายแดน และ กับการเปลี่ยนแปลงการมองเห็นให้ทุกคนเห็น Van'er คิดว่า เช่น เมื่อผู้ปฏิบัติประสบความสำเร็จการส่งออกสูงขึ้น พวกเขาจะได้รับการชำระเงินสูง และแม้หลังจากที่พระองค์ทรงวางเครื่องนี้สีดำลาดเหนือเหมือง การแสดงผลเพิ่มเติมยังคงนับสำหรับการทำงานของคนงานเหมือง เมื่ออาคารผนัง หรือเหมืองแร่กรวดทุกคนได้ชำระเงินตรงเวลา ในช่วงฤดูหนาวทั้งหมดนี้ ไม่มีแม้แต่คนที่มีการแช่แข็ง หรือ starved ตายแน่นอน การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดเป็นการดำเนินการของ militia – ไม่ ตอนนี้มันเรียกว่ากองทัพแรกมี พวกเขาปกป้องเมืองเราไพร่ไม่จำเป็นต้องตอนกลางกันในเพิงไม้เหล่านี้ที่ขอทานผู้ให้อาหารอื่น ถ้าเจ้าชายไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป จะ Duke ยังคงอนุญาตให้กองทัพบกครั้งแรกต้องเก็บในVan'er เอาลมหายใจลึกอีก และล้างฝ่ามือของเขากับเสื้อผ้าของเขา ไม่ เขาแน่นอนจะไม่อนุญาต ขุนนางของปราการไม่ดูแลชีวิตของเราไพร่ มันเป็นเหมือนกับที่พระองค์ทรงได้กล่าวก่อน: เดียวกองทัพประกอบด้วยไพร่ที่จะพร้อมจะต่อสู้เพื่อชีวิตของไพร่อื่น ๆVan'er ยกศีรษะของเขาเพื่อให้เขาสามารถเก็บส่วนด้านซ้ายของท้องฟ้าในมุมมองของเขา มีในไกลเขาสามารถเห็นจุดดำเล็กวงรอบ เมื่อหนึ่งเท่านั้นมาดูสบาย ๆ ใครจะคิดว่า มันจริงเพียงนกขนาดใหญ่ แต่ในความเป็นจริง ผู้บัญชาการข่าวกรองจร – ฟ้าผ่า ที่ใช้ต้นไม้ที่ปลูกทั้งสองด้านของถนนเป็นฝาปิดในขณะสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของข้าศึกอย่างต่อเนื่อง เมื่อเธอบินไปกลับ Van'er ยังสังเกตเห็นว่า ตราบใดที่เธอไม่ได้ใช้ความคิดริเริ่มการบินเหนือพื้นที่เปิด ผู้คนบนพื้นดินเท่านั้นจะสามารถเห็นกิ่งไม้ก็มองขึ้นไป ก็เกือบเป็นไปไม่ได้ตรวจหาว่า เป็นแม่มดที่ได้บินอยู่เหนือหัวของพวกเขาหลังจากสี่ของชั่วโมง ที่ฟ้าผ่าใกล้บินไปตำแหน่งหน้าผากขณะกระพริบริบบิ้นสีเขียวนี้คือส่งสัญญาณไปที่ ศัตรูได้ป้อนช่วงของ 1000 เมตร และว่า พวกเขาควรเตรียมถ่ายภาพ Van'er ไม่ทราบคือพระองค์ทรงเรียกว่า "1000 เมตร" ระยะทางไกล แต่เมื่อเขาเห็นสัญญาณสีเขียว เขาไม่รู้ตัวก็ตามกฎของการออกกำลังกายครบวงจร ให้คำสั่งโหลดแคนนอน และปรับมุม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อศัตรูในที่สุดก็เข้ามาในสนามของเขาวิสัยทัศน์ Van'er สังเกตเห็นได้ทันทีอัศวินอาวุธหนักที่ได้รับการขี่ม้าใหญ่สวมเสื้อเกราะสดใสและพราวและค่อยๆขี่ไปทางชายแดนทาวน์ มันเป็นปกติกรณีที่ยศอัศวินได้มากสูงกว่าของคนที่เมืองทั่วไปและเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับจู่ ๆ ก็ประมาณหนึ่งร้อยของเหล่านี้เขาต้องใช้เวลาหายใจลึกบางอย่างเพื่อให้ตัวเองสงบ

Van'er รู้สึกว่าฝ่ามือของเขากลายเป็นขับเหงื่อมันก็เป็นเช่นเดียวกับเวลาบนผนังเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับปีศาจสัตว์เป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้เขาต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่มีสายพันธุ์เดียวกับตัวเอง - เข้าร่วมกับกองกำลังของ Longsong มั่นของขุนนาง

ไม่มีที่ผิดปกติ เขาโกรธทะเลาะวิวาทกันออกและโยนอดีตคิดของเขากันคุณคิดว่าพวกเขาเช่นเดียวกับตัวเอง? เมื่อมีขุนนางที่เคยได้รับการรักษาคุณเช่นถ้าคุณเป็นชนิดเดียวกับตัวเอง? เขาถามตัวเองเย้ยหยัน

เป้าหมายเดียวของการเดินทางของพวกเขาคือการคว้าชายแดนเมืองห่างจากเราและนำเหมืองเนินเขาเหนือกลับมาภายใต้การควบคุมของพวกเขา ที่สำคัญกว่านั้นพวกเขายังตั้งใจที่จะขับรถเสด็จออกจากดินแดนตะวันตกในฐานะสมาชิกของกองทัพครั้งแรกที่ฉันไม่สามารถเพียงแค่ปล่อยให้เรื่องนี้

ในระหว่างการบรรยายก่อนสงครามเมื่อวานนี้สมเด็จของเขาได้ทำให้มันชัดเจนว่าทิโมธีวิมเบิลดันน้องชายของเจ้าฟ้าพระองค์คิดกบฏต่อราชบัลลังก์และในท้ายที่สุดแม้กระทั่งฆ่าพ่อของเขาเองกษัตริย์วิมเบิลดัน III สำหรับมัน แต่เดิมที่เกิดขึ้นเหล่านี้ระหว่างเจ้านายและชนชั้นสูงไม่ได้สำคัญมากที่เขา - มีความแตกต่างใด ๆ สำหรับผมถ้าพระมหากษัตริย์คือการเปลี่ยน?

แต่ตอนนี้ที่ดยุคไรอันอยากจะเข้าใจโอกาสนี้จะมีดินแดนเสด็จออกไปนี้เขาพบว่าขณะนี้ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง!

เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมันเพียงวิธีชีวิตของเขาได้รับก่อนที่จะเสด็จมาถึงชายแดนเมือง? หากเขาได้รับการจดจำได้อย่างถูกต้องในอดีตพระเจ้าเป็นจริงจำนวนผู้ที่ได้แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ค่อย เข้าซื้อกิจการของขนได้ทำโดยเจ้าหน้าที่ส่วนบุคคลของเขาที่มักจะใช้อาวุธของพวกเขาที่จะลดราคา และเมื่อเดือนของปีศาจมาถึงพวกเขาทั้งหมดจะหนีไปอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดของ Longsong มั่นและสิ้นสุดความทุกข์ทรมานในช่วงเวลาที่ทั้ง

แต่วันนี้ภายใต้การเสด็จ 'ควบคุมการใช้ชีวิตในเมืองชายแดนได้กลายเป็นดีและดีกว่าที่มีการเปลี่ยนแปลงการมองเห็นให้ทุกคนเห็น Van'er คิดเช่นเมื่อคนงานเหมืองได้ประสบความสำเร็จในการส่งออกที่สูงขึ้นพวกเขายังจะได้รับการชำระเงินที่สูงขึ้น และแม้หลังจากเสด็จใส่เครื่องสีดำนี้ในเหมืองลาดเหนือการส่งออกที่เพิ่มขึ้นก็ยังนับสำหรับการทำงานของคนงานเหมืองที่ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อมีการสร้างกำแพงหรือการทำเหมืองแร่กรวดทุกคนได้รับเงินในเวลา ในช่วงฤดูหนาวนี้ทั้งหมดมีไม่ได้แม้แต่คนคนหนึ่งที่ได้แช่แข็งหรืออดอาหารจนตาย

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือการดำเนินงานของอาสาสมัคร - ไม่มีตอนนี้ก็เรียกว่าแรกกองทัพ

มีพวกเขาปกป้องเมืองเราไพร่ไม่จำเป็นต้องเบียดเสียดกันอยู่ในเพิงไม้เหล่านี้ขอทานสำหรับคนอื่น ๆ เพื่อให้เรามีอาหาร ถ้าเจ้าชายไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปจะดยุคยังอนุญาตให้กองทัพครั้งแรกเพื่อเก็บไว้ในที่มีอยู่?

Van'er เอาลมหายใจลึก ๆ และเช็ดฝ่ามือของเขากับเสื้อผ้าของเขา ไม่มีแน่นอนเขาจะไม่ยอมให้มัน ขุนนางของฐานที่มั่นไม่สนใจสำหรับชีวิตของเราไพร่ก็เป็นตรงตามที่สมเด็จของเขาได้กล่าวก่อน: เฉพาะกองทัพประกอบด้วยไพร่จะยินดีที่จะต่อสู้เพื่อชีวิตของสามัญชนอื่น ๆ

Van'er ยกศีรษะของเขาเพื่อที่เขาจะให้ส่วนด้านซ้ายของท้องฟ้าที่อยู่ภายในเขตของเขาในมุมมองของมีในที่ห่างไกลเขาจะได้เห็นจุดสีดำเล็ก ๆ วงรอบเมื่อหนึ่งเป็นเพียงการมองแบบสบาย ๆ ทุกคนจะคิดว่ามัน เป็นจริงเพียงแค่นกขนาดใหญ่ แต่ในความจริงมันเป็นผู้บัญชาการทหารปืนใหญ่หน่วยสืบราชการลับ - สายฟ้าที่ถูกใช้ต้นไม้ที่เจริญเติบโตบนทั้งสองด้านของถนนเป็นปกอย่างต่อเนื่องในขณะที่การสังเกตการเคลื่อนไหวของศัตรู เมื่อเธอบินกลับ Van'er ยังพบว่าตราบใดที่เธอไม่ได้ใช้ความคิดริเริ่มที่จะบินผ่านพื้นที่เปิดโล่งคนบนพื้นดินเท่านั้นที่จะสามารถเห็นกิ่งไม้ถ้าพวกเขาจะมองขึ้นไปเพื่อให้มันเป็นเกือบ เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาในการตรวจสอบว่ามีความเป็นแม่มดที่บินอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา

หลังจากที่สี่ของชั่วโมงสายฟ้าบินใกล้ชิดกับตำแหน่งที่หน้าผากของพวกเขาในขณะที่กระพริบริบบิ้นสีเขียว

นี้ได้รับการส่งสัญญาณให้พวกเขาว่าศัตรูเข้ามาในช่วง 1000 เมตรและที่พวกเขาควรเตรียมความพร้อมที่จะเริ่มต้นการถ่ายภาพ Van'er ไม่ทราบว่าไกลระยะทางที่เสด็จเรียกว่า "1,000 เมตร" เป็น แต่เมื่อเขาเห็นสัญญาณสีเขียวเขาก็คืตามกฎของการออกกำลังกายที่ครอบคลุมให้คำสั่งที่จะโหลดปืนใหญ่และปรับมุม .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อศัตรูสุดท้ายป้อนฟิลด์ของวิสัยทัศน์ van'er ทันทีสังเกตเห็นอัศวินเป็นอาวุธหนักที่ขี่บนม้าขนาดใหญ่ สวมเกราะและสดใสและเจิดจ้าค่อยๆขี่ไปยังชายแดนเมือง มันมักจะเป็นกรณีที่ตำแหน่งของอัศวิน คือ มาก ขึ้น กว่า ที่พบโดยทั่วไปของเมือง ผู้คน และเมื่อเขาก็เผชิญหน้ากับประมาณหนึ่งร้อยเหล่านี้ เขาต้องใช้เวลาหายใจลึกๆนะตัวเองvan'er รู้สึกว่าฝ่ามือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ มันก็เหมือนเวลาบนผนัง เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจครั้งแรก แต่ครั้งนี้ เขาต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นชนิดเดียวกับตัวเองและร่วมมือของ longsong ที่มั่นของขุนนางไม่ นั่นมันผิด เขาพูดขึ้นมาด้วยความโกรธและโยนความคิดเก่าออกไป คุณคิดว่า พวกเขาก็เหมือนกับตัวเอง เมื่อมีขุนนางที่เคยดูแลคุณราวกับคุณเป็นชนิดเดียวกับตัวเอง เขาถามตัวเองเย้ยหยัน .เป้าหมายเดียวของการเดินทางของพวกเขาคือการแย่งชิงเมืองชายแดนห่างจากเราและนำภาคเหนือความลาดชันของฉันกลับภายใต้การควบคุมของพวกเขา ที่สำคัญ พวกเขาตั้งใจจะขับองค์ชายออกจากดินแดนตะวันตก ในฐานะสมาชิกของกองทัพแรกผมไม่เพียง แต่ช่วยให้นี้เมื่อวานก่อนในช่วงสงครามสั่งสอน พระองค์ได้ทำให้มันชัดเจนว่า ทิโมธี วิมเบิลดัน น้องชายขององค์รัชทายาท คิดกบฏต่อราชบัลลังก์ และในที่สุดก็ฆ่าวิมเบิลดันเสด็จพ่อของเขาเอง 3 สำหรับมัน เดิมทีเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างเจ้านายและชนชั้นสูง ไม่ได้สำคัญมากกับเขาและมีความแตกต่างใด ๆ สำหรับผมถ้ากษัตริย์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปแต่ตอนนี้ดุ๊กไรอันต้องการคว้าโอกาสนี้เอาดินแดนของพระองค์ออกไป ซึ่งตอนนี้เขาพบรับไม่ได้ !เมื่อเขาคิดเพียงว่าชีวิตของเขาก่อนที่จะเสด็จมาเมืองชายแดน ? ถ้าเขาจำไม่ผิด องค์เดิม คือ นับที่ไม่ค่อยแสดงตัว การได้มาของขนสัตว์ โดยส่วนตัวของเขายามที่มักจะใช้อาวุธของพวกเขาเพื่อลดราคา และเมื่อเดือนของปีศาจมาถึงพวกเขาทั้งหมดจะหลบหนีไปอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดของ longsong ที่มั่นและสิ้นสุดทุกข์ในเวลานี้แต่ในวันนี้ ภายใต้การควบคุมของฝ่าบาท ชีวิตในเมืองชายแดนได้กลายเป็นดีขึ้นและดีขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงจะปรากฏให้ทุกคนเห็น van'er คิด ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ปฏิบัติมีความสูงกว่าผลผลิตที่พวกเขาจะได้รับเงินสูงกว่า หลังจากที่องค์ชายใส่เครื่องนี้เป็นสีดำเหนือความลาดชันของผลผลิตเพิ่มเติมยังถือว่าการทำงานของคนขุดแร่ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อสร้างผนัง หรือทุกคนกรวดเหมืองแร่จ่ายในเวลา ในช่วงฤดูหนาวทั้งหมดนี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ได้แช่แข็งหรือแห้งตายแน่นอน การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือการดำเนินงานของอาสาสมัคร ซึ่งตอนนี้มันเรียกว่ากองทัพก่อนมีการคุ้มกันเมือง เราคนธรรมดา ไม่ต้องเบียดกันแนบแน่นในไม้หายขอร้องผู้อื่นให้อาหาร ถ้าเจ้าชายไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว จะดยุคยังอนุญาตให้กองทัพเป็นครั้งแรกเพื่อให้มีอยู่หรือไม่van'er ใช้เวลาอีกหายใจเข้าลึก ๆและเช็ดฝ่ามือของเขากับเสื้อผ้าของเขา ไม่ เขาจะไม่อนุญาตให้มัน ขุนนางของที่มั่นคงไม่สนใจชีวิตของเราเป็นคนธรรมดา มันเป็นอย่างที่องค์ชายพูดก่อนเท่านั้น กองทัพประกอบด้วยสามัญชนจะเต็มใจที่จะต่อสู้กับชีวิตของสามัญชนอื่น ๆvan'er ยกศีรษะของเขา เขาจึงเก็บส่วนที่เหลือของท้องฟ้าในเขตของเขาในมุมมองของ มีในที่ไกลก็เห็นเป็นจุดดำเล็กๆอยู่รอบตัว เมื่อหนึ่งคือการดูแบบสบายๆ ใครก็คิดว่ามันก็จริงเพียงขนาดใหญ่นก แต่ในความจริง มันคือปืนใหญ่ปัญญาผู้บัญชาการและฟ้าผ่า ที่ใช้ต้นไม้ที่เติบโตบนทั้งสองด้านของถนนที่ครอบคลุมในขณะที่การเคลื่อนไหวของศัตรูอย่างต่อเนื่อง การสังเกต เมื่อเธอบินกลับมา van'er ยังสังเกตเห็นว่า ตราบใดที่เธอไม่ได้ใช้ความคิดริเริ่มที่จะบินผ่านพื้นที่เปิด ผู้คนบนพื้นดินเท่านั้นที่จะสามารถเห็นกิ่งไม้ถ้าพวกเขามองขึ้นไป มันเกือบเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาเพื่อตรวจสอบว่ามีแม่มดที่กำลังบินอยู่เหนือหัวของพวกเขา .หลังจากที่สี่ของชั่วโมง , ฟ้าผ่าบินเข้าใกล้ตำแหน่งด้านหน้าของพวกเขาในขณะที่กระพริบริบบิ้นสีเขียวนี่เป็นสัญญาณให้ศัตรูที่เข้ามาช่วง 1000 เมตรและที่พวกเขาควรจะเตรียมที่จะยิงได้ van'er ไม่รู้ว่าระยะทางที่ห่างไกลพระองค์เรียกว่า " 1000 เมตร " ได้ แต่เมื่อเขาเห็นสัญญาณสีเขียว เขาแค่จิตใต้สำนึก ตามกฎของการออกกำลังกายที่ครอบคลุมการให้คำสั่งโหลดปืนใหญ่และปรับมุม