The evidence that humans are causin

The evidence that humans are causing global warming is strong, but the question of what to do about it remains controversial. Economics, sociology, and politics are all important factors in planning for the future.

Even if we stopped emitting greenhouse gases (GHGs) today, the Earth would still warm by another degree Fahrenheit or so. But what we do from today forward makes a big difference. Depending on our choices, scientists predict that the Earth could eventually warm by as little as 2.5 degrees or as much as 10 degrees Fahrenheit.

A commonly cited goal is to stabilize GHG concentrations around 450-550 parts per million (ppm), or about twice pre-industrial levels. This is the point at which many believe the most damaging impacts of climate change can be avoided. Current concentrations are about 380 ppm, which means there isn't much time to lose. According to the IPCC, we'd have to reduce GHG emissions by 50% to 80% of what they're on track to be in the next century to reach this level.

Is this possible?

Many people and governments are already working hard to cut greenhouse gases, and everyone can help.

Researchers Stephen Pacala and Robert Socolow at Princeton University have suggested one approach that they call "stabilization wedges." This means reducing GHG emissions from a variety of sources with technologies available in the next few decades, rather than relying on an enormous change in a single area. They suggest 7 wedges that could each reduce emissions, and all of them together could hold emissions at approximately current levels for the next 50 years, putting us on a potential path to stabilize around 500 ppm.

There are many possible wedges, including improvements to energy efficiency and vehicle fuel economy (so less energy has to be produced), and increases in wind and solar power, hydrogen produced from renewable sources, biofuels (produced from crops), natural gas, and nuclear power. There is also the potential to capture the carbon dioxide emitted from fossil fuels and store it underground—a process called "carbon sequestration."

In addition to reducing the gases we emit to the atmosphere, we can also increase the amount of gases we take out of the atmosphere. Plants and trees absorb CO2 as they grow, "sequestering" carbon naturally. Increasing forestlands and making changes to the way we farm could increase the amount of carbon we're storing.

Some of these technologies have drawbacks, and different communities will make different decisions about how to power their lives, but the good news is that there are a variety of options to put us on a path toward a stable climate.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลักฐานที่มนุษย์ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมีความแข็งแรง แต่คำถามที่ไม่เกี่ยวกับมันยังคงแย้ง เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยา และการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญทั้งในการวางแผนสำหรับอนาคตแม้เราหยุดเปล่งก๊าซเรือนกระจก (GHGs) วันนี้ โลกจะยังคงอบอุ่น ด้วยองศาฟาเรนไฮต์หรืออื่นนั้น แต่สิ่งเราวันนี้ต่อจากทำให้เกิดความแตกต่าง ขึ้นอยู่กับตัวเลือกของเรา นักวิทยาศาสตร์ทำนายว่า โลกสามารถอบอุ่นในที่สุด โดยเป็น 2.5 องศาหรือถึง 10 องศาฟาเรนไฮต์เป้าหมายอ้างอิงโดยทั่วไปจะมุ่งความเข้มข้นปริมาณรอบ 450-550 ส่วนต่อล้าน (ppm), หรือ เกี่ยวกับสองอุตสาหกรรมระดับ นี้เป็นจุดที่หลายคนเชื่อว่า สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบความเสียหายมากที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัจจุบันความเข้มข้นประมาณ 380 ppm ซึ่งหมายความว่า ไม่เสียเวลามาก ตาม IPCC เราจะต้องลดการปล่อยก๊าซ GHG โดย 50% ถึง 80% ของพวกเขากำลังติดตามอยู่ในศตวรรษต่อไปถึงระดับนี้นี่เป็นไปได้หรือไม่หลายคนและรัฐบาลจะได้ทำงานอย่างหนักเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก และทุกคนสามารถช่วยResearchers Stephen Pacala and Robert Socolow at Princeton University have suggested one approach that they call "stabilization wedges." This means reducing GHG emissions from a variety of sources with technologies available in the next few decades, rather than relying on an enormous change in a single area. They suggest 7 wedges that could each reduce emissions, and all of them together could hold emissions at approximately current levels for the next 50 years, putting us on a potential path to stabilize around 500 ppm.There are many possible wedges, including improvements to energy efficiency and vehicle fuel economy (so less energy has to be produced), and increases in wind and solar power, hydrogen produced from renewable sources, biofuels (produced from crops), natural gas, and nuclear power. There is also the potential to capture the carbon dioxide emitted from fossil fuels and store it underground—a process called "carbon sequestration."In addition to reducing the gases we emit to the atmosphere, we can also increase the amount of gases we take out of the atmosphere. Plants and trees absorb CO2 as they grow, "sequestering" carbon naturally. Increasing forestlands and making changes to the way we farm could increase the amount of carbon we're storing.Some of these technologies have drawbacks, and different communities will make different decisions about how to power their lives, but the good news is that there are a variety of options to put us on a path toward a stable climate.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลักฐานที่แสดงว่ามนุษย์เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนที่มีความแข็งแรง แต่คำถามว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน เศรษฐศาสตร์สังคมวิทยาและการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนสำหรับอนาคตแม้ว่าเราจะหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ก๊าซเรือนกระจก) วันนี้โลกจะยังคงอบอุ่นโดยระดับอื่นฟาเรนไฮต์หรือดังนั้น แต่สิ่งที่เราทำตั้งแต่วันนี้ไปข้างหน้าทำให้แตกต่างใหญ่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางเลือกของเราที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าโลกได้ในที่สุดอบอุ่นโดยเป็นเพียง 2.5 องศาหรือมากที่สุดเท่าที่ 10 องศาฟาเรนไฮต์เป้าหมายอ้างกันคือการปรับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกประมาณ 450-550 ส่วนในล้านส่วน (ppm) หรือประมาณสองครั้ง ระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม นี้เป็นจุดที่หลายคนเชื่อว่าผลกระทบที่สร้างความเสียหายมากที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความเข้มข้นในปัจจุบันมีประมาณ 380 พีพีเอ็มซึ่งหมายความว่ามีเวลาไม่มากที่จะสูญเสีย ตามที่ IPCC ที่เราจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ถึง 80% ของสิ่งที่พวกเขากำลังในการติดตามที่จะอยู่ในศตวรรษหน้าจะไปถึงระดับนี้เป็นไปได้หรือไม่หลายคนและรัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อ ตัดก๊าซเรือนกระจกและทุกคนสามารถช่วยนักวิจัยสตีเฟ่นและโรเบิร์ Pacala Socolow ที่ Princeton University ได้แนะนำหนึ่งในวิธีการที่พวกเขาเรียกว่า "เวดจ์เสถียรภาพ." ซึ่งหมายถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากความหลากหลายของแหล่งที่มากับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาต่อไปมากกว่าอาศัยการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในพื้นที่เดียว พวกเขาแนะนำ 7 ชิ้นว่าแต่ละสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและทั้งหมดของพวกเขาเข้าด้วยกันสามารถจับการปล่อยก๊าซที่ระดับปัจจุบันประมาณ 50 ปีต่อมาวางเราบนเส้นทางที่มีศักยภาพที่จะสร้างความมั่นคงประมาณ 500 พีพีเอ็มมีชิ้นที่เป็นไปได้จำนวนมากรวมทั้งการปรับปรุงการใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันของรถยนต์ (พลังงานน้อยดังนั้นจะต้องมีการผลิต) และการเพิ่มขึ้นของลมและพลังงานแสงอาทิตย์ไฮโดรเจนที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนเชื้อเพลิงชีวภาพ (ผลิตจากพืช), ก๊าซธรรมชาติและพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและเก็บไว้ใต้ดินกระบวนการที่เรียกว่า "คาร์บอนอายัด." นอกจากการลดก๊าซที่เราปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศเรายังสามารถเพิ่มปริมาณของก๊าซที่เราจะออกจาก ของบรรยากาศ พืชและต้นไม้ดูดซับ CO2 ที่พวกเขาเติบโต "sequestering" คาร์บอนธรรมชาติ เพิ่ม forestlands และการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราฟาร์มสามารถเพิ่มปริมาณของคาร์บอนที่เรากำลังจัดเก็บบางส่วนของเทคโนโลยีเหล่านี้มีข้อบกพร่องและชุมชนที่แตกต่างกันจะทำให้การตัดสินใจที่แตกต่างกันเกี่ยวกับวิธีการใช้พลังงานชีวิตของพวกเขา แต่ข่าวดีก็คือว่ามี หลากหลายของตัวเลือกที่จะทำให้เราอยู่บนเส้นทางที่มีต่อสภาพภูมิอากาศที่มีเสถียรภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานของมนุษย์เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนจะแข็งแกร่ง แต่คำถามของสิ่งที่ต้องทำเกี่ยวกับมันยังคงแย้ง เศรษฐศาสตร์ , สังคมวิทยาและการเมืองจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการวางแผนเพื่ออนาคต

ถ้าเราหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ( GHGs ) วันนี้ โลกจะยังคงอบอุ่นอีกองศาฟาเรนไฮต์ หรือดังนั้น แต่สิ่งที่เราทำตั้งแต่วันนี้ไปข้างหน้าทำให้ความแตกต่างใหญ่ขึ้นอยู่กับการเลือกของเรา นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า โลกกำลังอบอุ่น โดยเป็นเพียง 2.5 องศา หรือมากที่สุดเท่าที่ 10 องศาฟาเรนไฮต์

การอ้างถึงโดยทั่วไปเป้าหมายคือเพื่อรักษาเสถียรภาพปริมาณ GHG รอบ 450-550 ต่อล้านส่วน ( ppm ) หรือประมาณสองครั้งก่อนอุตสาหกรรมระดับ นี้เป็นจุดที่เสียหายมากที่สุด หลายคนเชื่อว่า ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ปัจจุบันมีความเข้มข้นประมาณ 380 ppm ซึ่งหมายความว่าไม่มีเวลาที่จะสูญเสีย ไปตามแนวทางที่เราจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย 50% ถึง 80% ของสิ่งที่พวกเขากำลังติดตามอยู่ในศตวรรษถัดไปที่จะเข้าถึงระดับนี้

นี้เป็นไปได้ ?

หลายคน และรัฐบาลได้ทำงานอย่างหนักเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก และทุกคนสามารถช่วย

นักวิจัย สตีเฟน pacala และโรเบิร์ต socolow ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันได้แนะนำวิธีหนึ่งที่พวกเขาเรียกว่า " เวดจ์เสถียรภาพ . " นี้หมายถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากความหลากหลายของแหล่งที่มากับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในสองสามทศวรรษที่ผ่านมา แทนที่จะอาศัยการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวงในพื้นที่เดียว พวกเขาแนะนำ 7 เวดจ์ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละ ,และทั้งหมดของพวกเขาเข้าด้วยกัน สามารถจับก๊าซที่ระดับประมาณปัจจุบันสำหรับถัดไป 50 ปี ใส่เราบนเส้นทางที่มีศักยภาพ เพื่อปรับรอบ 500 ppm .

มีเวดจ์มากที่สุดรวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และประหยัดเชื้อเพลิงรถยนต์ ( พลังงานน้อยจะต้องผลิต ) และเพิ่มขึ้นในพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ไฮโดรเจนที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนพลังงานชีวภาพ ( ที่ผลิตจากพืช ) , ก๊าซธรรมชาติและพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และเก็บ underground-a กระบวนการที่เรียกว่า " การกักเก็บคาร์บอน "

นอกจากการลดก๊าซที่เราปล่อยออกมาสู่บรรยากาศ เรายังสามารถเพิ่มปริมาณของก๊าซที่เราใช้ออกไปจากบรรยากาศ พืชและต้นไม้ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ตามที่พวกเขาเติบโต" อายัด " คาร์บอนตามธรรมชาติ เพิ่ม forestlands และทำให้การเปลี่ยนแปลงวิธีเราฟาร์มได้เพิ่มปริมาณคาร์บอนที่เราเก็บ

บางส่วนของเทคโนโลยีเหล่านี้มีข้อด้อย และชุมชนต่าง ๆ จะทำให้การตัดสินใจต่าง ๆ เกี่ยวกับวิธีการ พลังชีวิต แต่ข่าวดีก็คือว่ามีความหลากหลายของตัวเลือกที่จะทำให้เราบนเส้นทางสู่บรรยากาศ มั่นคง