Would you hesistate before planning

Would you hesistate before planning an important event on friday the 13th? Would you be nervous if you broke a mirror? Do you feel a sense of dread when a black cat crosses your path? Even though most modern people know that such superstitious beliefs and practices are irrational, it is surprising how much we still follow these ideas in our everyday lives.


Most superstitions originated hundreds or even thousands of year ago. In those times, people came up with superstitions to explain things they could not understand, like the forces of nature or life and death. They believed that invisible spirits were responsible for both good and bad fortune. They created superstitions in order to protect themselves against these spirit. Superstitions gave people a sense that they could control uncontrollable things.


One thing many people are still superstitious about is numbers. For example, the belief that the number 13 brings bad luck is pervasive in many western cultures. In fact, the fear of the number 13 is so common, there is even a word for it:triskaidekaphobia! This fear is so widespread that many hotels and apartments either only have 12 floors or the 13th floor lable is omitted, and the floor after 12 is labeled 14. Many airports don't have a 13th gate, snd many airplanes don't have a 13th row. In some cultures, the date of Friday the 13th is considered especially unlucky. There are many theories about why 13 is considered unlucky. One is that the ancient Egyptians believed that the number 13 representted death.


Not all cultures have the same superstitions. For example, unlike Westerners, neither Chinese nor Japanese people have bad associations with the number 13. However, they have their own superstitions about the number 4. The word for death. As a result, buildings in China and Japan usually do not list a 4th floor. This superstition even affects how products are packaged in Japan. Even though there are 4 people in the average Japanese family, most products, like chopsticks and dishes, are sold in packs of either three or five.


Have you ever blessed or given good wishes to someone who has sneezed? People say bless you so frequently, it is now though of more as good etiquette than as a superstitious practice. But this bit of etiquette actually started as a superstitious. Before people understood how germs work, they believed that evil spirits were responsible for sickness. In the 6th century, people believed that the soul flew out of the body briefly when a person sneezed. They believed that saying bless you would protect the person from being entered by evil spirits while the soul was gone. This practice actually became law in europe in the 1300s during the Great Plague. During this time of the deadly infectious disease, the pope made it a requirement for prople to bless anyone who sneezed. The reason is that sneezing was a sign of having caught the plague, so a sneezing person was likely to be in danger of dying from the plague.


A common superstition about attracting misfortune involves breaking a mirror. In ancient times, it was believed that a mirror was a reflecting of the soul. If you broke the mirror, it was believed to do damage to your soul. Unless you took the mirror outside and buried it in the moonlight, you would have seven years of bad luck.

A number of other superstitions relate not to behavior, but to objects. Simply having or seeing a certain object is thought to bring bad or good luck. For example, in the Middle Ages it was believed that witches kept black cats as companions. Because of this, a superstition developed in which it was bad luck to see a black cat cross you path. Napoleon Bonaparte, the most famous military leader in French history, thought nothing of conquering nations, but he was terrified of black cats. However, other objects are thought to be a source of good luck. For example, for thousands of years horseshoes have been considered to bring luck, and four-leaf clovers have too.


There are dozens of superstitions that are probably a part of your everyday life. So the next time you shy away from a black cat or bless someone when they sneeze, take a moment and think about the superstitions be hind your actions. You know that your actions are superstitious, yet you probably won't be able to stop yourself from doing them!

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไหม hesistate ก่อนวางแผนเหตุการณ์สำคัญในวันศุกร์ที่ 13 คุณจะประสาทถ้าคุณยากจนกระจก บ้างรู้สึกกลัวเมื่อแมวดำข้ามเส้นทางของคุณ แม้คนทันสมัยรู้ว่า คร่ำครึความเชื่อและแนวทางปฏิบัติดังกล่าวเป็นการโต้เถียง ความตื่นเต้น มากเรายังตามความคิดเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน Superstitions ส่วนใหญ่มาหลายร้อยหรือพัน ๆ ปีแม้แต่ ในเวลา คนที่มากับ superstitions เพื่ออธิบายสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจ เช่นกองกำลังของธรรมชาติ หรือชีวิต และความตาย พวกเขาเชื่อว่า วิญญาณที่มองไม่เห็นก็ชอบโชคดี และไม่ดี พวกเขาสร้าง superstitions เพื่อปกป้องตัวเองจากวิญญาณเหล่านี้ Superstitions ให้ความรู้สึกว่า พวกเขาสามารถควบคุมสิ่ง uncontrollable คนสิ่งหนึ่งที่หลายคนจะยังคร่ำครึเกี่ยวกับตัวเลขได้ ตัวอย่าง ความเชื่อว่า เลข 13 นำซวยเป็นชุมชนที่แพร่หลายในหลายวัฒนธรรมตะวันตก ในความเป็นจริง ความกลัวหมายเลข 13 เพื่อร่วมกัน แม้จะมีคำสำหรับ it: triskaidekaphobia ความกลัวนี้เป็นที่แพร่หลายมากว่า โรงแรมและอพาร์ทเม้นจำนวนมากอาจมีชั้น 12 หรือละเว้น lable ชั้น 13 และพื้นหลัง 12 มีป้าย 14 สนามบินหลายแห่งไม่มีประตู 13, snd เครื่องบินจำนวนมากไม่ได้มี 13 แถว ในบางวัฒนธรรม วันที่ของวันศุกร์ที่ 13 จะถือว่าไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับเหตุ 13 ถือว่าเป็นไป คือว่า ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเลข 13 representted ตายวัฒนธรรมที่ไม่มี superstitions เดียวกัน ตัวอย่าง ซึ่งแตกต่างจากชาวตะวันตก คนทั้งจีนและญี่ปุ่นไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหมายเลข 13 อย่างไรก็ตาม พวกเขามี superstitions ของตัวเองเกี่ยวกับหมายเลข 4 คำสำหรับการตาย ผล อาคารในจีนและญี่ปุ่นมักจะไม่แสดงรายการชั้น 4 ความเชื่อโชคลางนี้ยังมีผลต่อวิธีบรรจุผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่น แม้ว่ามี 4 คนในครอบครัวญี่ปุ่นเฉลี่ย ส่วนใหญ่ เช่นตะเกียบและอาหาร ขายผลิตภัณฑ์ในชุดสามหรือห้าคุณเคยได้รับความสุข หรือให้ความปรารถนาดีผู้ ที่มี sneezed คนพูดอวยพรให้บ่อย เป็นของมารยาทเพิ่มเติมดีกว่าว่าเป็นแบบฝึกหัดที่คร่ำครึ แต่นี้บิตของมารยาทจริงเริ่มเป็นที่คร่ำครึ ก่อนที่คนเข้าใจวิธีการทำงานของเชื้อโรค พวกเขาเชื่อว่า วิญญาณชั่วร้ายที่ถูกโรค ในศตวรรษที่ 6 คนเชื่อว่า วิญญาณที่บินออกจากร่างกายสั้น ๆ เมื่อผู้ sneezed พวกเขาเชื่อว่า พูดอวยพรคุณจะปกป้องบุคคลจากการป้อนจากวิญญาณร้ายขณะจิตวิญญาณหายไป แบบฝึกหัดนี้เป็น กฎหมายในยุโรปจริงใน 1300s ที่ระหว่างโรคระบาดครั้งใหญ่ ในช่วงเวลานี้ของโรคร้ายแรง สมเด็จพระสันตะปาปาทำให้ความต้องการมีชื่อเสียงอวยพรใครก็ตามที่ sneezed เหตุผลคือ ว่า จามเป็นเครื่องหมายของการมีติดกาฬโรค เพื่อ sneezing บุคคลมีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในอันตรายของการตายจากกาฬโรคความเชื่อโชคลางทั่วไปเกี่ยวกับการดึงดูดโชคร้ายเกี่ยวข้องกับการทำลายกระจก ในสมัยโบราณ มันไม่เชื่อว่าที่กระจกเป็นตัวสะท้อนจิตวิญญาณ ถ้าคุณยากจนกระจก มันไม่เชื่อว่าจะทำให้ชีวิตของคุณเสียหาย เว้นแต่ว่าคุณเอากระจกภายนอก และฝังอยู่ในแสงจันทร์ คุณจะมีโชคร้าย 7 ปีจำนวน superstitions อื่น ๆ เกี่ยวข้องไม่ทำงาน แต่วัตถุ เพียงแค่มี หรือเห็นวัตถุบางอย่างเป็นความคิดจะนำโชคดี หรือไม่ดี ตัวอย่าง ในยุคกลาง ถือว่าว่า ทวิทช์สเก็บแมวดำเป็นสหาย ด้วยเหตุนี้ ความเชื่อโชคลางการพัฒนาซึ่งก็โชคดีไปดูแมวดำข้ามเส้นทางของคุณ นโปเลียนโบนาปาร์ต ขุนพลมีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส คิดอะไรของประเทศเอาชนะ แต่เขาเป็นคนกลัวแมวดำ อย่างไรก็ตาม วัตถุอื่น ๆ จะคิดว่า เป็น แหล่งที่มาของโชคดี ตัวอย่าง พัน ๆ ปี ม้าเหล็กที่ได้รับการพิจารณานำโชค และสี่ clovers ใบ–มีมากเกินไปมีหลายสิบของ superstitions ที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคุณ ดังนั้นในครั้งถัดไปที่คุณอายจากแมวดำ หรืออวยพรคนเมื่อพวกเขาจาม สักครู่ และคิดถึง superstitions เป็นเดนไฮนด์การดำเนินการของคุณ คุณรู้ว่า การกระทำของคุณยังคร่ำครึ ได้คุณอาจจะไม่สามารถหยุดตัวเองจากการทำพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คุณจะเกรงใจก่อนที่จะวางแผนเหตุการณ์ที่สำคัญในวันศุกร์ที่ 13? คุณจะประสาทถ้าคุณยากจนกระจก? คุณรู้สึกความรู้สึกของความกลัวเมื่อแมวดำข้ามเส้นทางของคุณ? แม้คนที่ทันสมัยที่สุดรู้ว่าความเชื่อโชคลางและการปฏิบัติดังกล่าวมีความไม่ลงตัวมันเป็นที่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เรายังคงทำตามความคิดเหล่านี้ในชีวิตประจำวันของเรา. โชคลางส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลายร้อยหรือหลายพันของปีที่ผ่านมา ในครั้งนั้นคนที่มากับความเชื่อโชคลางที่จะอธิบายสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจเช่นเดียวกับกองกำลังของธรรมชาติหรือชีวิตและความตาย พวกเขาเชื่อว่าวิญญาณที่มองไม่เห็นมีความรับผิดชอบทั้งโชคดีและไม่ดี พวกเขาสร้างความเชื่อโชคลางเพื่อที่จะปกป้องตัวเองกับจิตวิญญาณเหล่านี้ ความเชื่อโชคลางให้คนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถควบคุมสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้. สิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนยังคงเชื่อโชคลางเกี่ยวกับตัวเลข ตัวอย่างเช่นความเชื่อที่ว่าหมายเลข 13 นำโชคร้ายก็คือที่แพร่หลายในวัฒนธรรมตะวันตก ในความเป็นจริงความกลัวของหมายเลข 13 เป็นเรื่องธรรมดาเพื่อให้มีแม้แต่คำสำหรับมัน triskaidekaphobia! ความกลัวเป็นเช่นนี้อย่างกว้างขวางว่าโรงแรมหลายแห่งและอพาร์ตเมนต์ทั้งมีเพียง 12 ชั้นหรือฉลากชั้น 13 ถูกละไว้และพื้นหลัง 12 จะมีป้าย 14. สนามบินหลายคนไม่ได้มีประตูที่ 13, SND เครื่องบินจำนวนมากไม่ได้มี แถวที่ 13 ในบางวัฒนธรรมวันวันศุกร์ที่ 13 ถือว่าเป็นโชคร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุที่ 13 ถือว่าโชคร้ายที่มี หนึ่งคือการที่ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าจำนวน 13 representted ตาย. ไม่ทุกวัฒนธรรมมีความเชื่อโชคลางเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นแตกต่างจากชาวตะวันตกทั้งคนจีนหรือญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับหมายเลข 13 แต่พวกเขามีความเชื่อโชคลางของตัวเองเกี่ยวกับจำนวน 4. คำว่าตาย เป็นผลให้อาคารในประเทศจีนและญี่ปุ่นมักจะไม่แสดงรายการชั้น 4 ไสยศาสตร์นี้ยังส่งผลกระทบต่อวิธีการที่ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าจะมี 4 คนในครอบครัวญี่ปุ่นเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เช่นตะเกียบและอาหารจะขายในชุดของทั้งสามหรือห้า. คุณเคยได้รับความสุขหรือความปรารถนาดีไปยังคนที่มีจาม? คนพูดอวยพรให้คุณเพื่อให้บ่อยก็คือตอนนี้แม้ว่ามากขึ้นเป็นมารยาทที่ดีกว่าเป็นวิธีที่เชื่อโชคลาง แต่บิตของมารยาทนี้จริงเริ่มต้นเป็นที่เชื่อโชคลาง ก่อนที่คนที่เข้าใจวิธีการทำงานของเชื้อโรคพวกเขาเชื่อว่าวิญญาณชั่วร้ายมีความรับผิดชอบสำหรับการเจ็บป่วย ในศตวรรษที่ 6 ที่ผู้คนเชื่อกันว่าวิญญาณที่บินออกจากร่างกายในเวลาสั้น ๆ เมื่อคนจาม พวกเขาเชื่อว่าการพูดอวยพรคุณจะปกป้องคนจากการถูกป้อนโดยวิญญาณชั่วร้ายในขณะที่จิตวิญญาณก็หายไป การปฏิบัตินี้จริงกลายเป็นกฎหมายในยุโรปในยุค 1300 ในระหว่างการระบาดใหญ่ ในช่วงเวลาของโรคติดเชื้อร้ายแรงนี้สมเด็จพระสันตะปาปาทำให้มันจำเป็นสำหรับส่วนคนที่จะอวยพรให้ทุกคนที่จาม เหตุผลก็คือว่าจามเป็นสัญญาณของการมีการติดโรคระบาดดังนั้นคนจามมีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในอันตรายของการตายจากโรคระบาด. ไสยศาสตร์ที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดึงดูดโชคร้ายที่เกี่ยวข้องกับการทำลายกระจก ในสมัยโบราณก็เชื่อว่ากระจกเป็นสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของ หากคุณยากจนกระจกมันก็เชื่อว่าจะทำความเสียหายให้กับจิตวิญญาณของคุณ ถ้าคุณเอากระจกข้างนอกและฝังไว้ในแสงจันทร์คุณจะมีเจ็ดปีของโชคร้าย. จำนวนโชคลางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่ได้ แต่กับวัตถุ เพียงมีหรือเห็นวัตถุบางอย่างที่คิดว่าจะนำมาซึ่งโชคดีหรือดี ยกตัวอย่างเช่นในยุคกลางก็เชื่อว่าแม่มดเก็บไว้แมวสีดำเป็นสหาย ด้วยเหตุนี้ความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่พัฒนาในสิ่งที่มันเป็นโชคร้ายที่จะเห็นแมวดำข้ามเส้นทาง นโปเลียนโบนาปาร์ผู้นำทหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้คิดอะไรชนะประเทศ แต่เขาก็กลัวของแมวดำ แต่วัตถุอื่น ๆ ที่มีความคิดที่จะเป็นแหล่งที่มาของความโชคดี ยกตัวอย่างเช่นเป็นพัน ๆ ปีเกือกม้าได้รับการพิจารณาที่จะนำโชคและสี่ใบโคลเวอร์มีมากเกินไป. มีหลายสิบโชคลางที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคุณเป็น ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณอายห่างจากแมวสีดำหรืออวยพรคนที่พวกเขาจามใช้เวลาสักครู่และคิดเกี่ยวกับความเชื่อโชคลางจะหลังการกระทำของคุณ คุณจะรู้ว่าการกระทำของคุณมีความเชื่อโชคลาง แต่คุณอาจจะไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองจากการทำพวกเขา!

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คุณจะลังเลก่อนที่จะวางแผนเหตุการณ์สำคัญในวันศุกร์ที่ 13 ? คุณจะต้องกังวลถ้าคุณทำลายกระจก คุณรู้สึกกลัวเมื่อแมวดำข้ามเส้นทางของคุณ แม้ว่าคนส่วนใหญ่รู้ว่า ความเชื่อทางไสยศาสตร์ เช่น ทันสมัยและการปฏิบัติที่ไร้เหตุผล มันน่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เรายังตามความคิดเหล่านี้ในชีวิตประจำวันของเรา


ไสยศาสตร์ที่สุดที่มาหลายร้อยหรือแม้กระทั่งนับพันของปีที่ผ่านมา ในช่วงเวลานั้น คนมาขึ้นกับความเชื่อที่จะอธิบายสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ เหมือนพลังของธรรมชาติ หรือ ชีวิตและความตาย พวกเขาเชื่อว่าวิญญาณล่องหนรับผิดชอบทั้งดีและไม่ดี โชคลาภ พวกเขาสร้างความเชื่อเพื่อที่จะปกป้องตัวเองกับพวกวิญญาณไสยศาสตร์ ให้คนรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ควบคุมไม่ได้


สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังเชื่อเรื่องโชคลางเกี่ยวกับตัวเลข ตัวอย่างเช่นความเชื่อว่าเลข 13 นำโชคร้ายมาให้แพร่หลายในวัฒนธรรมตะวันตกมาก ในความเป็นจริง กลัวเลข 13 เป็นปกติแล้ว ไม่มีแม้แต่คำ : ทริสเคเดคาโฟเบีย !ความกลัวนี้จะแพร่หลายดังนั้นที่หลายโรงแรมและอพาร์ทเมนท์ให้มีพื้นหรือฉลากชั้นที่ 12 จะถูกตัดออกและพื้นหลัง 12 ป้าย 14 หลายสนามบินไม่มีประตู 13 และหลายเครื่องบินไม่มีแถว 13 ในบางวัฒนธรรม วันที่ วันศุกร์ที่ 13 ถือว่าเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โชคไม่ดี มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุที่ 13 ถือว่าโชคร้ายหนึ่งคือว่า ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าหมายเลข 13 representted ตาย


ไม่ทุกวัฒนธรรมมีความเชื่อเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ไม่เหมือนฝรั่ง หรือ จีน หรือญี่ปุ่น มีสมาคมที่ไม่ดีกับเลข 13 อย่างไรก็ตาม ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับหมายเลข 4 คำว่าตาย ส่งผลให้อาคารในประเทศจีนและญี่ปุ่น มักจะไม่รายการชั้น 4ไสยศาสตร์นี้ยังมีผลต่อวิธีการที่ผลิตภัณฑ์ถูกบรรจุในญี่ปุ่น แม้ว่ามีในครอบครัวเฉลี่ย 4 คน ญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ เหมือนตะเกียบและอาหารที่ขายในแพ็คของทั้งสามหรือห้า


คุณเคยอวยพรหรือให้ความปรารถนาดีกับคนที่จาม ? ผู้คนจะพูดอวยพรให้คุณบ่อยๆตอนนี้แม้ว่ามากขึ้นเป็นมารยาทที่ดีกว่าเป็นการฝึกถือโชคถือลาง แต่บิตของมารยาทนี้ที่จริงเริ่มต้นที่เชื่อเรื่องโชคลาง ก่อนที่ผู้คนจะเข้าใจเชื้อโรค ทำงานอย่างไร พวกเขาเชื่อว่าวิญญาณชั่วร้ายที่รับผิดชอบ เรื่องการเจ็บป่วย ในศตวรรษที่ 6 คนเชื่อกันว่า วิญญาณลอยออกจากร่างสั้น ๆเมื่อเขาจามพวกเขาเชื่อว่าพูดอวยพรคุณจะปกป้องคนที่ถูกป้อนโดยวิญญาณชั่วร้ายในขณะที่วิญญาณหายไป การปฏิบัตินี้ที่จริงเป็นกฎหมายในยุโรปใน 1300 ช่วงภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงเวลานี้ของโรคติดเชื้อร้ายแรง , สมเด็จพระสันตะปาปาทำให้ความต้องการ loops.management อวยพรใครจาม เหตุผลคือ จาม เป็นสัญญาณของการมีการติดโรคดังนั้นคนที่จามอาจอยู่ในอันตรายของการตายจากโรค


มีความเชื่อโชคลางเกี่ยวกับดึงดูดโชคร้าย เกี่ยวข้องกับการทำลายกระจก ในสมัยโบราณ เชื่อกันว่ากระจกคือ การสะท้อนของจิตวิญญาณ ถ้าคุณทำกระจกแตก มันถูกเชื่อว่าจะทำความเสียหายให้กับจิตวิญญาณของคุณ ถ้าคุณเอากระจกภายนอก และฝังมันไว้ในแสงจันทร์คุณจะได้เจ็ดปี โชคร้าย

จำนวนของความเชื่ออื่นๆที่เกี่ยวข้องไม่ใช่พฤติกรรม แต่วัตถุ เพียงมี หรือเห็นวัตถุบางอย่างที่เป็นความคิดที่จะนำร้ายหรือโชคดี ตัวอย่างเช่น ในสมัยกลางเชื่อกันว่าแม่มดเก็บแมวสีดำเป็นสหาย ด้วยเหตุนี้ ไสยศาสตร์ พัฒนาในสิ่งที่มันโชคร้ายเจอแมวดำข้ามคุณเส้นทางนโปเลียน โบนาปาร์ต ผู้นำทหาร ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส คิดว่าไม่มีอะไร ชัยชาติ แต่เขาก็กลัวแมวสีดำ อย่างไรก็ตาม วัตถุอื่น ๆ คิดว่า เป็นแหล่งของโชคดี ตัวอย่างเช่นสำหรับหลายพันของเกือกม้าปีได้รับการพิจารณาจะนำโชคและสี่ clovers ใบ

ได้เหมือนกัน