Bacterial coinfection and antimicro

Bacterial coinfection and antimicrobial resistance in patients with paranasal sinus fungus balls.

Objectives: The aim of this study was to investigate the incidence of bacterial coinfection and antimicrobial resistant in cases of fungus balls of the paranasal sinuses. Methods: Between December 1991 and August 2008. 229 patients underwent endoscopie sinus surgery or the Caldwell-Luc procedure for paranasal sinus fungus ball treatment. From 123 of these patients, a total of 124 specimens were obtained for aerobic and anaerobic culture. Antimicrobial susceptibility tests were performed. Results: Ninety-one cultures (73.4%) were positive for bacteria, and 33 showed no bacterial growth. A total of 134 bacterial organisms were isolated: 65 gram-positive, 55 gram-negative, and 14 anaerobic. The most frequently isolated organisms were coagulase-negative Staphylococcus (14.9%), Staphylococcus aureus (12.7%), Enterobacter aerogenes (12.7%), viridans-group streptococci (8.9%), and Pseudomonas aeruginosa (8.2%). Among the gram-positive cocci, 12.2% were resistant to ciprofloxacin, 27.6% to clindamycin, 30% to oxacillin, 35.8% to erythromycin, 35.9% to trimethoprim-sulfamethoxazole, 56.5% to penicillin, 56.8% to gentamicin, and 0% to teicoplanin and vancomycin. Among the gram-negative rods, fewer than 10% were resistant to imipenem, piperacillin-tazobactam, amikacin, gentamicin, ceftazidime, cefepime, and tobramycin, whereas more than 80% showed resistance to ampicillin and cefazolin. When we compared the data from the periods 1991 to 2000 and 2001 to 2008, there were no significant differences in the isolation rates of particular bacterial species and no significant differences in resistance rates except for clindamycin-resistant gram-positive cocci and cefazolin-resistant gram-negative rods. Conclusions: Bacterial confections were identified in more than two thirds of patients with fungus balls and purulent secretions. This finding suggests that bacterial infection may influence the development and persistence of clinical symptoms in a substantial portion of fungus ball cases.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

coinfection แบคทีเรียและความต้านทานต่อยาต้านจุลชีพในผู้ป่วยที่มีลูกเชื้อราไซนัส paranasal

วัตถุประสงค์. จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการตรวจสอบอุบัติการณ์ของ coinfection แบคทีเรียและต้านจุลชีพทนในกรณีที่ลูกของเชื้อรารูจมูก paranasal วิธีการ: ระหว่างธันวาคม 1991 และสิงหาคม 2008229 ผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดไซนัส endoscopie หรือขั้นตอน Caldwell-ลัคสำหรับการรักษาไซนัสลูกเชื้อรา paranasal จาก 123 ของผู้ป่วยเหล่านี้จำนวน 124 ตัวอย่างได้รับวัฒนธรรมและแอโรบิกแบบไม่ใช้ออกซิเจน การทดสอบความไวต่อยาต้านจุลชีพที่ได้ดำเนินการ ผล: 91 วัฒนธรรม (73.4%) เป็นผลบวกต่อเชื้อแบคทีเรียและ 33 แสดงให้เห็นว่าไม่มีการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจำนวน 134 ชีวิตของแบคทีเรียที่แยกได้ 65 กรัมบวก 55 กรัมลบ, และ 14 แบบไม่ใช้ออกซิเจน สิ่งมีชีวิตที่แยกได้บ่อยมากที่สุดคือ Coagulase ลบการติดเชื้อ (14.9%), เชื้อ Staphylococcus aureus (12.7%), ยีนอากาศ Enterobacter (12.7%), viridans กลุ่ม streptococci (8.9%) และพ aeruginosa (8.2%) หมู่ Cocci กรัมบวก 12.2% กำลังทนต่อ ciprofloxacin, 276% เป็น clindamycin, 30% ถึง oxacillin, 35.8% ถึง erythromycin, 35.9% ถึง trimethoprim-sulfamethoxazole, 56.5% ถึงยาปฏิชีวนะ 56.8% ถึง gentamicin และ 0% ถึง teicoplanin และ vancomycin ระหว่างแท่งกรัมลบน้อยกว่า 10% มีความทนทานต่อ imipenem, piperacillin-tazobactam, amikacin, gentamicin, ยาเป็น, Cefepime และ tobramycin,ในขณะที่กว่า 80% แสดงให้เห็นถึงความต้านทานต่อ ampicillin และ cefazolin เมื่อเราเปรียบเทียบข้อมูลจากระยะเวลา 1991-2000 และปี 2001 ถึงปี 2008 ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในอัตราการแยกเชื้อแบคทีเรียชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งและไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในอัตราต้านทานยกเว้น Cocci กรัมบวก clindamycin ทนและทน cefazolin กรัม ลบแท่ง ข้อสรุป:ฝาชีแบคทีเรียถูกระบุในกว่าสองในสามของผู้ป่วยที่มีลูกเชื้อราและสารคัดหลั่งเป็นหนอง การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อแบคทีเรียอาจมีผลต่อการพัฒนาและการคงอยู่ของอาการทางคลินิกในการเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของกรณีลูกเชื้อรา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เชื้อแบคทีเรีย coinfection และความต้านทานต่อต้านจุลชีพในผู้ป่วยที่มี paranasal ไซนัสเห็ดราลูก

วัตถุประสงค์: จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการ สอบสวนอุบัติการณ์ของเชื้อแบคทีเรีย coinfection และทนในกรณีของเชื้อราลูกของ paranasal antimicrobial วิธี: ระหว่างเดือนธันวาคมค.ศ. 1991 และเดือน 2551 สิงหาคม 229 ผู้ป่วยรับการผ่าตัดไซนัส endoscopie หรือขั้นตอนลุคคาลด์เวลล์ paranasal ไซนัสเห็ดราลูกรักษา จาก 123 ของผู้ป่วยเหล่านี้ จำนวน 124 ไว้เป็นตัวอย่างได้รับการออกซิเจน และไม่ใช้วัฒนธรรม มีดำเนินการทดสอบจุลินทรีย์ภูมิไวรับ ผลลัพธ์: 90 หนึ่งวัฒนธรรม (73.4%) ได้ค่าบวกสำหรับแบคทีเรีย และ 33 พบไม่เจริญเติบโตของแบคทีเรีย ผลรวมของสิ่งมีชีวิตแบคทีเรีย 134 ถูกแยก: 65 55 ที่แบคทีเรียแกรมบวก แบคทีเรียแกรมลบ และ 14 ไม่ใช้ออกซิเจน สิ่งมีชีวิตแยกบ่อยถูกลบ coagulase Staphylococcus (14.9%), Staphylococcus หมอเทศข้างลาย (12.7%), Enterobacter aerogenes (12.7%), กลุ่ม viridans streptococci (8.9 นอก%), และ Pseudomonas aeruginosa (8.2%) ระหว่าง cocci แบคทีเรียแกรมบวก 12.2% ทนต่อ ciprofloxacin, 276% clindamycin, 30% oxacillin, 35.8% erythromycin, 35.9% ไตรเมโทพริมซัลฟาเมโทซาโซล 56.5% เพนนิซิลลิน 56.8% gentamicin และ 0% teicoplanin และ vancomycin ระหว่างก้านแบคทีเรียแกรมลบ น้อยกว่า 10% ได้ทน กับ imipenem, piperacillin ทาโซแบคแตม amikacin, gentamicin เซฟตาซิดิม เซฟีพิม tobramycin ในขณะที่กว่า 80% พบว่าต้านทานแอมพิซิลลินและ cefazolin เมื่อเราเปรียบเทียบข้อมูลจากรอบปี 1991-2000 และปี 2001-2008 มีไม่แตกต่างกันในอัตราแยกชนิดแบคทีเรียเฉพาะและไม่แตกต่างกันในอัตราความต้านทานยกเว้น cocci clindamycin ทนแบคทีเรียแกรมบวกและแบคทีเรียแกรมลบก้าน cefazolin ทน บทสรุป: Confections แบคทีเรียได้ระบุในมากกว่าสองในสามของผู้ป่วยกับลูกเห็ดราและหลั่ง purulent ค้นหานี้แนะนำว่า ติดเชื้อแบคทีเรียอาจมีอิทธิพลต่อการพัฒนาและการคงอยู่ของอาการทางคลินิกในส่วนของกรณีลูกเชื้อราพบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

coinfection เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและการต่อต้านกลุ่มยาปฎิชีวนะชนิดในผู้ป่วยที่มีการใส่เห็ดหูหนูลูกช่องในกะโหลกศีรษะ paranasal .

วัตถุประสงค์เป้าหมายของการศึกษานี้เป็นการตรวจสอบปัญหาของ coinfection เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดและทนต่อในกรณีที่มีการใส่เห็ดหูหนูลูกของด้วนน้ำนม paranasal ได้. วิธีใดวิธีหนึ่งระหว่างเดือนธันวาคม 1991 และเดือนสิงหาคม 2008 .ได้รับการผ่าตัดผู้ป่วย 229 ช่องในกะโหลกศีรษะ endoscopie หรือวิธีการ caldwell-luc สำหรับการรักษาลูกเห็ดหูหนูช่องในกะโหลกศีรษะ paranasal จาก 123 ของผู้ป่วยเหล่านี้รวม 124 ตัวอย่างได้สำหรับวัฒนธรรมแอโรบิกและเต็นแอโรบิค การทดสอบความไวต่อกลุ่มยาปฎิชีวนะชนิดนั้นดำเนินการ ผลเก้าสิบ - หนึ่งวัฒนธรรม( 73.4% )เป็นบวกสำหรับแบคทีเรียและ 33 มีการขยายตัวฆ่าเชื้อแบคมีเรียยอดรวมที่ 134 ของสิ่งมีชีวิตเกิดจากเชื้อแบคทีเรียได้แยก 65 กรัมในเชิงบวก 55 กรัม - ลบและ 14 เต็นแอโรบิค สิ่งมีชีวิตมากที่สุดที่ถูกแยกต่างหากที่ถูก coagulase - ลบ staphylococcus ( 14.9% ) staphylococcus สุนัขจิ้งจอก( 12.7% ) enterobacter aerogenes ( 12.7% ) viridans - กลุ่ม streptococci ( 8.9% )และ pseudomonas ใจ( 8.2% ) ท่ามกลางคอค - คัซกรัมในเชิงบวกที่ 12.2% มีความทนทาน ciprofloxacin 276% ถึง 30% เพื่อ clindamycin oxacillin 35.8% เพื่อ erythromycin 35.9% เพื่อ trimethoprim - sulfamethoxazole 56.5% อย่างไรสืบเนื่อง 56.8% และ gentamicin 0% ถึง teicoplanin และ vancomycin . ท่ามกลางไม้กรัม - ลบที่น้อยกว่า 10% มีความทนทาน imipenem piperacillin - tazobactam amikacin gentamicin ceftazidime cefepime และ tobramycinในขณะที่มากกว่า 80% แสดงให้เห็นการต่อต้าน ampicillin และ cefazolin เมื่อเราเมื่อเทียบกับข้อมูลจากช่วงปี 1991 ถึง 2000 และ 2001 กับ 2008 ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในอัตราแยกสายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะและไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในอัตราการต่อต้านยกเว้นแท่ง clindamycin ทนต่อกรัมในเชิงบวกและคอค - คัซ cefazolin - ทนต่อกรัม - ลบ บทสรุปของหวานได้รับการระบุว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียในมากกว่าสองในสามของผู้ป่วยที่มีลูกและเห็ดหูหนู secretions (แผล)กลัดหนอง การค้นหานี้ชี้ให้เห็นว่าการติดเชื้อแบคทีเรียอาจมีผลต่อความเพียรพยายามและการพัฒนาของอาการทางคลินิกในส่วนของจำนวนมากบางแห่งของเห็ดหูหนูลูก