Distinguishing between these two th

Distinguishing between these two theoretical accounts
is crucial to informing our understanding of the relationship
between PAL deficits and the reading and spelling difficulties
characteristic of dyslexia. Learning to read and
spell undoubtedly requires the establishment of orthography-
phonology mappings, yet it is unclear whether the
mappings themselves impede learning in dyslexia. If PAL
deficits reflect difficulties with crossmodal associative
learning, this would provide evidence for a dyslexic deficit
that is specifically implicated in learning to read (via the
formation of orthography-phonology mappings). On the
other hand, if PAL deficits arise from the phonological demands
of the tasks, this would suggest that PAL deficits
are neither a reflection of poor associative learning, nor
specific to reading. In other words, the difficulties children
with dyslexia experience in the acquisition of orthographyphonology
mappings would be viewed as a manifestation
of underlying phonological deficits, rather than a difficulty
learning the mappings themselves. Moreover, these phonological
deficits would be expected to compromise the
development of both written and oral language skills
(e.g., expressive word learning), when these skills rely on the integrity of the phonological system.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แยกระหว่างบัญชีทฤษฎีเหล่านี้สองการแจ้งให้ทราบความเข้าใจของความสัมพันธ์ระหว่าง PAL ขาดดุล และอ่าน และสะกดคำยากลักษณะของดิส เรียนรู้การอ่าน และสะกดต้องของอักขรวิธี - ไม่ต้องสงสัยการแม็ปกับภาษา ยังไม่ชัดเจนว่าการแม็ปตัวเองเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ในดิส ถ้า PALขาดดุลสะท้อนปัญหากับการเชื่อมโยง crossmodalการเรียนรู้ นี้จะให้หลักฐานสำหรับการขาดดุล dyslexicโดยเฉพาะที่มีส่วนในการเรียนรู้ที่จะอ่าน (ผ่านการสร้างการแม็ปกับภาษาอักขรวิธี) ในการมืออื่น ๆ หากขาดดุล PAL ที่เกิดขึ้นจากความต้องการโครงสร้างประโยคงาน นี้จะแนะนำที่ขาดดุล PALไม่มีไม่ดี associative เรียน หรือเฉพาะการอ่าน ในคำอื่น ๆ ปัญหาเด็กมีประสบการณ์ดิสในการซื้อกิจการของ orthographyphonologyการแม็ปจะดูเป็นการรวมตัวกันของขาดดุลโครงสร้างประโยคพื้นฐาน มากกว่าปัญหาการเรียนรู้การแม็ปเอง นอกจากนี้ โครงสร้างประโยคเหล่านี้ขาดดุลจะต้องทำการพัฒนาในการเขียนและทักษะการใช้ภาษาปาก(เช่น แสดงคำการเรียนรู้), เมื่อทักษะเหล่านี้ต้องอาศัยความสมบูรณ์ของระบบโครงสร้างประโยค

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความแตกต่างระหว่างทั้งสองบัญชีทฤษฎี
เป็นสิ่งสำคัญเพื่อแจ้งความเข้าใจของเราของความสัมพันธ์
ระหว่างการขาดดุล PAL และการอ่านและการสะกดคำยากลำบาก
ลักษณะของดิส เรียนรู้ที่จะอ่านและ
สะกดไม่ต้องสงสัยต้องมีสถานประกอบการของ orthography-
แมป phonology แต่มันก็ไม่มีความชัดเจนว่า
แมปตัวเองเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ในดิส หาก PAL
ขาดดุลสะท้อนให้เห็นถึงปัญหากับการเชื่อมโยง crossmodal
การเรียนรู้นี้จะให้หลักฐานสำหรับการขาดดุล dyslexic
ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในการเรียนรู้การอ่าน (ผ่าน
การก่อตัวของแมปการันต์-phonology) บน
มืออื่น ๆ ถ้าขาดดุล PAL เกิดขึ้นจากความต้องการที่เสียง
ของงานนี้จะชี้ให้เห็นว่าการขาดดุล PAL
จะไม่สะท้อนของการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงที่ไม่ดีและไม่
เฉพาะเจาะจงในการอ่าน ในคำอื่น ๆ เด็กที่ยากลำบาก
ที่มีประสบการณ์ดิสในการซื้อกิจการของ orthographyphonology
แมปจะถูกมองว่าเป็นสำแดง
ของการขาดดุลเสียงพื้นฐานมากกว่าความยากลำบาก
ในการเรียนรู้การแมปของตัวเอง นอกจากนี้เสียงเหล่านี้
ขาดดุลจะคาดว่าจะประนีประนอม
พัฒนาทั้งทักษะการใช้ภาษาเขียนและช่องปาก
(เช่นการเรียนรู้คำที่แสดงออก) เมื่อทักษะเหล่านี้พึ่งพาความสมบูรณ์ของระบบเสียง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความแตกต่างระหว่างทั้งสองทฤษฎีบัญชีเป็นสิ่งสำคัญที่จะแจ้งให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง PAL การขาดดุลและปัญหาการอ่านและการเขียนสะกดคำลักษณะของประเทศอิตาลี . เรียนรู้ที่จะอ่านสงสัยต้องมีการสะกดอักขรวิธี -แมปนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าแมปตัวเองขัดขวางการเรียนรู้ในประเทศอิตาลี . ถ้า พาลสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับการ crossmodalการเรียนรู้นี้จะให้หลักฐานสำหรับการขาดดุลความจำไม่ค่อยดีอะที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในการเรียนรู้ที่จะอ่าน ( ผ่านทางการก่อตัวของอักขรวิธีแบบแมป ) บนมืออื่น ๆถ้าเพื่อนเกิดเกิดขึ้นจากความต้องการระบบเสียงในงานนี้จะขอแนะนำให้เพื่อนขาดดุลไม่สะท้อนจนเชื่อมโยงการเรียนรู้ หรือโดยเฉพาะการอ่าน ในคำอื่น ๆ , ปัญหาเด็กด้วยประสบการณ์ในการ orthographyphonology ดิสเลคเซียการแมปจะถูกมองว่าเป็นเครื่องพื้นฐานระบบเสียงขาดดุลมากกว่าความยากลําบากการเรียนรู้ชีวิต ตัวเอง นอกจากนี้ระบบเสียงการจะคาดหวังการประนีประนอมการพัฒนาทั้งการเขียนและการพูดภาษา( เช่น ด้านการเรียนรู้คำ ) เมื่อทักษะเหล่านี้ต้องอาศัยความสมบูรณ์ของระบบเสียง .