AbstractThe current study investiga

AbstractThe current study investigates the relationship between personality traits according to the big five personality factors model, academic self-efficacy and academic adaptation among Hashemite University students in light of gender and specialization. The purposive sample consisted of 546 under graduated students, 258 males and 306 females. Three scales are used: the Five Factor Model (FFM), for academic self-efficacy and for academic adaption. The results show statistically significant differences in the average of participants’ degrees attributed to efficacy and academic adaption in favor of females and scientific specializations. They also show that agreeableness, conscientiousness, openness to experience, extroversion and neuroticism are most common among university students, with a statistically significant positive correlation between extroversion, openness to experience, academic self-efficacy and academic adaption and a negative correlation between neuroticism, conscientiousness, academic self-efficacy and academic adaption. No correlation was found between agreeableness and these two variables.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อการศึกษาในปัจจุบันได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะบุคลิกภาพตามแบบจำลองปัจจัยบุคลิกภาพหลัก 5 ประการ การรับรู้ความสามารถตนเองทางวิชาการ และการปรับตัวทางวิชาการของนักศึกษามหาวิทยาลัย Hashemite ในด้านเพศและความเชี่ยวชาญ กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 546 คน ชาย 258 คน และหญิง 306 คน มีการใช้มาตรวัดสามแบบ: แบบจำลองปัจจัยห้า (FFM) เพื่อการรับรู้ความสามารถตนเองทางวิชาการและเพื่อการปรับตัวทางวิชาการ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญทางสถิติในค่าเฉลี่ยของปริญญาของผู้เข้าร่วม เนื่องมาจากประสิทธิภาพและการปรับตัวทางวิชาการเพื่อสนับสนุนเพศหญิงและความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าความยินยอม ความมีมโนธรรม การเปิดรับประสบการณ์ การเป็นคนพาหิรวัฒน์ และลัทธิประสาทนิยมเป็นเรื่องปกติมากที่สุดในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัย โดยมีความสัมพันธ์เชิงบวกที่มีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างการพาหิรวัฒน์ ความเปิดกว้างต่อประสบการณ์ ความสามารถตนเองทางวิชาการ และการปรับตัวทางวิชาการ และความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างลัทธิประสาทวิทยา ความมีมโนธรรม การรับรู้ความสามารถตนเองทางวิชาการและการปรับตัวทางวิชาการ ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างความสอดคล้องกับตัวแปรทั้งสองนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทสรุป
การศึกษานี้ได้สํารวจความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะบุคลิกภาพ ประสิทธิภาพของตนเองทางวิชาการและการปรับตัวทางวิชาการของนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาชิมจากมุมมองทางเพศและวิชาชีพตามแบบจําลองปัจจัยห้าด้านขนาดใหญ่ กลุ่มตัวอย่างที่มีวัตถุประสงค์ ได้แก่ นักศึกษาที่ยังไม่จบการศึกษา 546 คน เป็นชาย 258 คน หญิง 306 คน โดยใช้มาตราส่วน 3 ประการ คือ Five Factor Model (FFM) เพื่อความรู้สึกถึงประสิทธิภาพตนเองทางวิชาการและการปรับตัวทางวิชาการ ผลการวิจัยพบว่าปริญญาเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมมีความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสําคัญซึ่งเกิดจากประสิทธิภาพและการปรับตัวทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงและวิชาชีพวิทยาศาสตร์ พวกเขายังพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างความรื่นรมย์ความรับผิดชอบการเปิดกว้างประสบการณ์เปิดเผยและโรคประสาทที่พบมากที่สุดในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยมีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการเปิดเผยประสบการณ์ความรู้สึกของประสิทธิภาพตนเองทางวิชาการและการปรับตัวทางวิชาการมีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างโรคประสาทความรับผิดชอบและโรคประสาท

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุป
การศึกษาครั้งนี้ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะบุคลิกภาพความสามารถในการเรียนรู้และความสามารถในการปรับตัวทางวิชาการของนักเรียนHashem universityจากมุมมองของเพศและวิชาชีพ การสุ่มตัวอย่างรวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย546คนชาย258คนและหญิง306คน ใช้สามระดับ:แบบจําลองห้าปัจจัย( FFM )สําหรับการประสิทธิผลทางวิชาการและการปรับตัวทางวิชาการ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าระดับเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติในแง่ของประสิทธิภาพและการปรับตัวทางวิชาการซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสตรีและสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ พวกเขายังแสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสําคัญระหว่างความพึงพอใจความรับผิดชอบการเปิดกว้างประสบการณ์การเปิดกว้างประสบการณ์การรับรู้ความสามารถทางวิชาการและการปรับตัวทางวิชาการมีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสําคัญระหว่างความพึงพอใจในตนเองความรับผิดชอบทางวิชาการและการปรับตัวทางวิชาการมีความสัมพันธ์เชิงลบอย่างมีนัยสําคัญ ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างความสะดวกสบายและตัวแปรทั้งสองนี้