Many retailers already use barcodes

Many retailers already use bar
codes in their Point-of-Sale
(POS) and EDI systems to
provide nearly real-time external
customer demand information
and they can exchange data
between supply chain partners.
Suppliers then use the data to
leverage their forecasting and
inventory/production plans.
The information flow starts
from retailers and moves up the
chain to their suppliers. POS
technology helps the supply
chain network reduce bullwhip
effects by reducing demand
variability and uncertainty. POS
and EDI technology contributes
heavily to Wal-Mart’s efficient and
effective supply chain through its
distribution and logistics system.
Vendors are able to implement a
Vendor Managed Inventory (VMI)
process to manage inventory for
their customers and themselves
by using POS and EDI technology.
Since bar codes, POS, and EDI
are already helping supply
chain partners receive accurate
demand data to manage their
inventory and production plans,
other incentives to adopt RFID
are necessary.
Even though POS and EDI
systems can provide real-time
sales information, these systems
do not provide information on lost
sales. Lost sales happen when
customers want to purchase
products that are not available on
the shelves. Products might be in
the store backrooms but not on
the shelves. According to research
by the Grocery Manufacturers
Association (GMA), approximately
24% of all grocery stock-outs were
caused by misplaced products,
and a global average out-of-stock
rate is approximately 8.3% (GMA,
2002). Lost sales add up to
more than $69 billion in lost
revenue per year in the retail
industry. To reduce the stock-out
issue, suppliers and retailers
can collaborate to improve the
product replenishment process.
In most supply chains the
retailers are far away from the
manufacturer who is more likely
to work with distributors. Gaps
in information flow naturally
lead to less efficient inventory
management and production
management. RFID promises
to reduce these gaps and make
product transaction details
visible to the entire supply
chain. This obviously desirable
feature yields implementation
challenges. Upstream suppliers
report that they must invest
money to implement advanced
technology to satisfy needs of
downstream users without any
direct benefits to themselves.
The bullwhip effect mentioned
above is an issue worthy of
clarification. The bullwhip effect
describes the phenomenon that
the variation of demand increases
with each step up the supply
chain from customer to supplier.
Minor variability in retailer
demand leads to increased
variability in upstream suppliers.
For example, wholesalers must
use orders placed by retailers
to perform their forecasting.
In order to avoid out-of-stock,
the orders placed by retailers
are significantly higher than
the external customer demand.
Wholesalers then are forced to
carry more safety stock than
retailers to meet the same
customer service level.
The Bullwhip effect has a negative
impact on the supply chain in
two respects:
• Variation in inventory
level: The demand variability
leads to variation in the
inventory level itself. Local,
non-optimal decisions to
carry excess inventory and
safety stocks to meet service
levels dominate the supply
chain. The stronger the
bullwhip effect is in a supply
chain, the higher safety stock
is required. Higher inventory
levels result in higher costs
and significant risk at these
facilities.
• Utilization of capacity: The
demand variability causes
the variation in the use
of production, material,
and distribution capacity.
A typical response to this
problem is to design capacity
for peak demand and bear the
cost of underused capacity
during periods of average
demand.
Considerable research in this
area provides limited suggestions
for reducing the bullwhip effect:
reducing uncertainty, reducing
variability of the downstream
demand process, reducing lead
times, and engaging in strategic
partnerships (Simchi-Levi &
Kaminsky, 2003).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ร้านค้าปลีกหลายแล้วใช้แถบรหัสในการขายหน้าร้าน(POS) และระบบ EDIให้ภายนอกเกือบเรียลไทม์ข้อมูลความต้องการของลูกค้าและพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างพันธมิตรโซ่อุปทานผู้ใช้ข้อมูลใช้ประโยชน์จากการคาดการณ์ของพวกเขา และแผนการผลิต/สินค้าคงคลังการไหลของข้อมูลเริ่มต้นจากร้านค้าปลีกและค่าการเคลื่อนไหวห่วงโซ่ซัพพลายเออร์ของพวกเขา POSเทคโนโลยีช่วยให้การจัดหาเครือข่ายลด bullwhipผลกระทบ โดยการลดความต้องการความแปรปรวนและความไม่แน่นอน POSและเทคโนโลยี EDIหนักไปวอลมาร์ทของประสิทธิภาพ และห่วงโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพผ่านการระบบการกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ผู้ขายจะดำเนินการผู้ขาย (VMI) มีการจัดการสินค้าคงคลังกระบวนการจัดการสินค้าคงคลังสำหรับลูกค้าและตัวเองโดยใช้เทคโนโลยี EDI และ POSตั้งแต่บาร์โค้ด POS และ EDIช่วยจัดหาที่มีอยู่แล้วโซ่คู่ได้รับถูกต้องต้องการข้อมูลการจัดการของพวกเขาแผนการผลิตและสินค้าคงคลังสิ่งจูงใจอื่น ๆ จะนำมาใช้ RFIDจำเป็นต้องแม้ว่า POS และ EDIระบบสามารถให้บริการแบบเรียลไทม์ข้อมูลการขาย ระบบเหล่านี้ไม่ให้ข้อมูลสูญหายขาย หายไปขายเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีอยู่บนชั้นวางด้วย ผลิตภัณฑ์อาจอยู่ในbackrooms ร้านค้า แต่การชั้นวางด้วย ตามงานวิจัยโดยผู้ผลิตของชำสมาคม (GMA), ประมาณ24% ของสต็อกลึกหนาบางทั้งหมดของชำเกิดจากผลิตภัณฑ์ไม่เจอและในโลกเฉลี่ยออกจากสต็อกราคาอยู่ที่ประมาณ 8.3% (GMA2002) การสูญเสียเพิ่มขึ้นถึงกว่า 69 ล้านดอลลาร์ในการสูญหายรายได้ต่อปีในการขายปลีกอุตสาหกรรม ลดสต็อก-เช็คปัญหา ซัพพลายเออร์ และผู้ค้าปลีกสามารถทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงการกระบวนการเติมสินค้าในโซ่อุปทานส่วนใหญ่ร้านค้าปลีกห่างจากการผู้ผลิตที่มีแนวโน้มการทำงานกับผู้จัดจำหน่าย ช่องว่างข้อมูลอย่างเป็นธรรมชาตินำไปสู่สินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพน้อยการจัดการและการผลิตการบริหารจัดการ สัญญา RFIDเพื่อลดช่องว่างเหล่านี้ และทำให้รายละเอียดรายการสินค้ามองเห็นแหล่งจ่ายทั้งหมดโซ่ นี้ต้องเห็นได้ชัดคุณลักษณะผลการดำเนินงานความท้าทาย ซัพพลายเออร์รายงานที่พวกเขาต้องลงทุนเงินการใช้ขั้นสูงเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ปลายน้ำโดยไม่ต้องมีประโยชน์โดยตรงกับตัวเองผล bullwhip กล่าวถึงข้างต้นเป็นปัญหาน่าชี้แจง ผล bullwhipอธิบายปรากฏการณ์ที่การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์เพิ่มขึ้นแต่ละขั้นขึ้นอุปทานห่วงโซ่จากลูกค้าซัพพลายเออร์ความแปรปรวนเล็กน้อยในผู้ค้าปลีกความต้องการนำไปสู่การเพิ่มขึ้นความแปรปรวนในซัพพลายเออร์ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าส่งต้องใช้ใบสั่งที่วาง โดยผู้ค้าปลีกการดำเนินการคาดการณ์ของพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงออกจากสต็อกใบสั่งที่วาง โดยผู้ค้าปลีกสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญความต้องการของลูกค้าภายนอกผู้ค้าส่งแล้วถูกบังคับให้ดำเนินการเพิ่มเติมสต็อกปลอดภัยกว่าร้านค้าปลีกเพื่อตอบสนองเหมือนกันระดับการบริการลูกค้าผล Bullwhip มีในแง่ลบผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในประการที่สอง:•การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังระดับ: ความแปรปรวนของความต้องการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการระดับสินค้าคงคลังตัวเอง ท้องถิ่นไม่ใช่การตัดสินใจในการดำเนินการสินค้าคงคลังส่วนเกิน และหุ้นที่ปลอดภัยเพื่อตอบสนองบริการครองระดับอุปทานโซ่ การแข็งตัวผล bullwhip คือในการจัดหาวัสดุโซ่ หุ้นปลอดภัยสูงจำเป็นต้อง สินค้าคงคลังสูงส่งผลให้ระดับค่าใช้จ่ายสูงและมีความเสี่ยงที่เหล่านี้สิ่งอำนวยความสะดวก•การใช้ประโยชน์จากกำลังการผลิต: การทำให้เกิดความแปรปรวนของความต้องการการเปลี่ยนแปลงในการใช้การผลิต วัสดุและกำลังการผลิตการกระจายการตอบสนองทั่วไปนี้ปัญหาคือการ ออกแบบความจุสำหรับความต้องการและหมีต้นทุนการผลิตป้อแป้ในช่วงระยะเวลาของค่าเฉลี่ยความต้องการงานวิจัยจำนวนมากในนี้พื้นที่ให้คำแนะนำจำกัดการลดผล bullwhip:ลดความไม่แน่นอน ลดความแปรปรวนของปลายกระบวนการความต้องการ ลดรอเวลา และในทางยุทธศาสตร์พันธมิตร (Simchi Levi &Kaminsky, 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ร้านค้าปลีกจำนวนมากได้ใช้แถบ
รหัสในจุดขายของพวกเขา
(POS) และระบบ EDI เพื่อ
ให้เกือบเวลาจริงภายนอก
ข้อมูลความต้องการของลูกค้า
และพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล
ระหว่างคู่ค้าห่วงโซ่อุปทาน.
ซัพพลายเออร์จากนั้นใช้ข้อมูลเพื่อ
ใช้ประโยชน์จากการคาดการณ์ของพวกเขาและ
สินค้าคงคลัง / แผนการผลิต.
การไหลของข้อมูลเริ่มต้น
จากร้านค้าปลีกและย้ายขึ้น
ห่วงโซ่กับซัพพลายเออร์ของพวกเขา POS
เทคโนโลยีจะช่วยให้การจัดหา
เครือข่ายห่วงโซ่ลด bullwhip
ผลกระทบจากการลดความต้องการ
ความแปรปรวนและความไม่แน่นอน POS
และเทคโนโลยี EDI ก่อ
หนัก Wal-Mart ของที่มีประสิทธิภาพและ
ห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพผ่าน
การจัดจำหน่ายและการขนส่งระบบ.
ผู้ขายมีความสามารถในการดำเนินการ
ของผู้ให้บริการการจัดการสินค้าคงคลัง (VMI)
กระบวนการในการจัดการสินค้าคงคลังสำหรับ
ลูกค้าของพวกเขาและตัวเอง
โดยใช้ POS และเทคโนโลยี EDI
ตั้งแต่บาร์โค้ด, POS และ EDI
มีอยู่แล้วช่วยให้การจัดหา
พันธมิตรโซ่ได้รับความถูกต้อง
ของข้อมูลความต้องการในการจัดการของพวกเขา
สินค้าคงคลังและการผลิตแผน
แรงจูงใจอื่น ๆ เพื่อนำมาใช้ RFID
เป็นสิ่งที่จำเป็น.
แม้ว่า POS และ EDI
ระบบสามารถให้เวลาจริง
ข้อมูลการขายระบบเหล่านี้
ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสูญเสีย
ยอดขาย ยอดขายหายไปเกิดขึ้นเมื่อ
ลูกค้าต้องการซื้อ
ผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถใช้ได้บน
ชั้นวาง ผลิตภัณฑ์ที่อาจจะอยู่ใน
backrooms ร้าน แต่ไม่ได้อยู่บน
ชั้นวาง ตามการวิจัย
โดยผู้ผลิตร้านขายของชำ
สมาคม (ย่า) ประมาณ
24% ของทั้งหมดขายของชำหุ้นลึกหนาบางได้รับ
เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ถูกใส่ผิด
และค่าเฉลี่ยทั่วโลกออกจากสต็อก
อัตราอยู่ที่ประมาณ 8.3% (ย่า,
2002) ยอดขายหายไปเพิ่มขึ้นถึง
กว่า $ 69 พันล้านดอลลาร์ในการสูญเสีย
รายได้ต่อปีในการค้าปลีก
อุตสาหกรรม เพื่อลดหุ้นออก
ปัญหาซัพพลายเออร์และผู้ค้าปลีก
สามารถทำงานร่วมกันในการปรับปรุง
กระบวนการเติมเต็มสินค้า.
ในห่วงโซ่อุปทานส่วนใหญ่
ร้านค้าปลีกที่อยู่ห่างไกลจาก
ผู้ผลิตที่มีแนวโน้มที่
จะทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่าย ช่องว่าง
ในการไหลของข้อมูลตามธรรมชาติ
นำไปสู่สินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า
การบริหารจัดการและการผลิต
การจัดการ RFID สัญญา
ที่จะลดช่องว่างเหล่านี้และให้
รายละเอียดของธุรกรรมสินค้า
มองเห็นได้ด้วยอุปทานทั้ง
ห่วงโซ่ นี้เป็นที่น่าพอใจอย่างเห็นได้ชัด
คุณลักษณะอัตราผลตอบแทนการดำเนินงานที่
ท้าทาย ซัพพลายเออร์ต้นน้ำ
รายงานว่าพวกเขาจะต้องลงทุน
เงินที่จะใช้ขั้นสูง
เทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของ
ผู้ใช้ปลายน้ำโดยไม่ต้องมี
ประโยชน์โดยตรงกับตัวเอง.
ผล bullwhip ที่กล่าวถึง
ข้างต้นเป็นเรื่องที่คุ้มค่าของการ
ชี้แจง ผล bullwhip
อธิบายปรากฏการณ์ที่
การเปลี่ยนแปลงของความต้องการที่เพิ่มขึ้น
กับแต่ละก้าวขึ้นอุปทาน
ห่วงโซ่จากลูกค้าเพื่อจัดจำหน่าย.
แปรปรวนเล็กน้อยในร้านค้าปลีกที่
มีความต้องการนำไปสู่การเพิ่มขึ้น
แปรปรวนในซัพพลายเออร์ต้นน้ำ.
ตัวอย่างเช่นผู้ค้าส่งจะต้อง
ใช้การสั่งซื้อตามร้านค้าปลีก
ในการดำเนินการของพวกเขา การคาดการณ์.
เพื่อหลีกเลี่ยงการออกจากสต็อก,
คำสั่งซื้อที่วางอยู่ตามร้านค้าปลีก
ที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ความต้องการของลูกค้าภายนอก.
ผู้ค้าส่งแล้วถูกบังคับให้
ดำเนินหุ้นที่ปลอดภัยมากขึ้นกว่าที่
ร้านค้าปลีกเพื่อตอบสนองความเดียวกัน
ระดับการบริการลูกค้า.
ผล bullwhip มี เชิงลบ
ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานใน
สองประการ:
•การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลัง
ระดับ: แปรปรวนความต้องการที่
จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใน
ระดับสินค้าคงคลังของตัวเอง ท้องถิ่น
การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมที่จะ
ดำเนินการสินค้าคงคลังและส่วนที่เกิน
ความปลอดภัยของหุ้นที่จะตอบสนองความต้องการบริการ
ระดับครองอุปทาน
ห่วงโซ่ แข็งแรง
ผล bullwhip อยู่ในอุปทาน
ห่วงโซ่, หุ้นความปลอดภัยที่สูงขึ้น
เป็นสิ่งจำเป็น สินค้าคงคลังที่สูงขึ้น
ในระดับที่ส่งผลให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น
และความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญที่เหล่านี้
สิ่งอำนวยความสะดวก.
•การใช้กำลังการผลิตการ
แปรปรวนของความต้องการทำให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงในการใช้งานที่
ผลิตวัสดุ
และความสามารถในการกระจาย.
การตอบสนองโดยทั่วไปนี้
ปัญหาคือการออกแบบความจุ
สำหรับความต้องการสูงสุด และแบกรับ
ค่าใช้จ่ายของความจุป้อแป้
ในช่วงระยะเวลาของค่าเฉลี่ย
ความต้องการ.
วิจัยมากในเรื่องนี้
พื้นที่ จำกัด ให้คำแนะนำ
ในการลดผล bullwhip:
การลดความไม่แน่นอนลด
ความแปรปรวนของปลายน้ำ
กระบวนการความต้องการลดนำ
ครั้งและมีส่วนร่วมในยุทธศาสตร์
ความร่วมมือ (Simchi- ลีวายส์และ
Kaminsky, 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ร้านค้าปลีกจำนวนมากได้ใช้บาร์รหัสในจุดของพวกเขาขาย( POS ) ระบบอีดีไอให้ภายนอกเกือบเรียลไทม์ข้อมูลความต้องการของลูกค้าและพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโซ่คู่ซัพพลายเออร์ที่ใช้ข้อมูลจากการคาดการณ์ของพวกเขาและวางแผนสินค้าคงคลัง / การผลิตการไหลของข้อมูลเริ่มต้นจากร้านค้าปลีกและย้ายขึ้นโซ่กับซัพพลายเออร์ของพวกเขา ร้านอาหารเทคโนโลยีช่วยจัดหาเครือข่ายลด bullwhip โซ่ผลจากการลดอุปสงค์ความแปรปรวนและความไม่แน่นอน ร้านอาหารบริษัทเทคโนโลยีและมีส่วนช่วยของ Wal Mart และมีประสิทธิภาพมากประสิทธิภาพโซ่อุปทานผ่านของระบบการกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ผู้ขายสามารถที่จะใช้เป็นผู้ขายการจัดการสินค้าคงคลัง ( VMI )กระบวนการในการจัดการสินค้าคงคลังสำหรับลูกค้าของพวกเขาและตัวเองโดยการใช้ POS และ EDI เทคโนโลยีตั้งแต่รหัสบาร์ POS และเอ็ดดี้จะได้ช่วยจัดหาโซ่คู่ค้าได้รับถูกต้องข้อมูลความต้องการการจัดการของพวกเขาวางแผนสินค้าคงคลังและการผลิตแรงจูงใจอื่น ๆอุปการะ RFIDเป็นสิ่งที่จำเป็นแม้ว่า POS และเอ็ดดี้ระบบสามารถให้บริการแบบเรียลไทม์ข้อมูลการขายระบบเหล่านี้อย่าให้ข้อมูลหายขาย การแพ้เกิดขึ้นเมื่อลูกค้าต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีบนชั้นวาง ผลิตภัณฑ์อาจจะในร้าน backrooms แต่ไม่ใช่บนชั้นวาง ตามการวิจัยโดยผู้ผลิตร้านขายของชําสมาคม ( ย่า ) , ประมาณ24 % ของหุ้นทั้งหมดลึกหนาบางเป็นร้านขายของชําที่เกิดจากการใส่ผิดที่ผลิตภัณฑ์และทั่วโลกเฉลี่ยของหุ้นคะแนนประมาณ 8.3% ( ย่า ,2002 ) ขายเสียเพิ่มมากขึ้นมากกว่า $ 69 พันล้านในการสูญเสียรายได้ต่อปีในขายปลีกอุตสาหกรรม การลดหุ้นออกปัญหา ซัพพลายเออร์ และร้านค้าปลีกสามารถทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงกระบวนการการเติมเต็มสินค้าในโซ่อุปทานส่วนใหญ่ร้านค้าปลีก ห่างไกลจากผู้ผลิตที่มีแนวโน้มมากขึ้นทำงานกับผู้จัดจำหน่าย ช่องว่างในการไหลของข้อมูลตามธรรมชาตินำสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการจัดการและการผลิตการจัดการ สัญญา RFIDเพื่อลดช่องว่างเหล่านี้และทำให้รายละเอียดการทำรายการสินค้ามองเห็นการจัดหาทั้งหมดโซ่ นี้เป็นที่เห็นได้ชัดการใช้คุณลักษณะผลผลิตความท้าทาย ซัพพลายเออร์ขั้นต้นรายงานว่าพวกเขาจะต้องลงทุนเงินที่จะใช้ขั้นสูงเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ปลายน้ำโดยไม่ต้องใด ๆประโยชน์โดยตรงกับตัวเองผลการ bullwhip กล่าวข้างต้นเป็นปัญหาน่าชี้แจง ผลการ bullwhipอธิบายปรากฏการณ์ที่การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์เพิ่มขึ้นกับแต่ละขั้นตอนที่จัดหาโซ่จากลูกค้า ซัพพลายเออร์ความแปรปรวนในร้านค้าปลีกรายย่อยความต้องการนำไปสู่การเพิ่มขึ้นความผันแปรในผู้ผลิตขั้นต้นตัวอย่างเช่น ค้าส่ง ต้องใช้คำสั่งวาง โดยร้านค้าปลีกแสดงการพยากรณ์ของพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการออกจากตลาดหลักทรัพย์คําสั่งซื้อจากร้านค้าปลีกจะสูงกว่าความต้องการของลูกค้าภายนอกค้าส่งแล้ว บังคับ ให้ถือหุ้นมากกว่าความปลอดภัยร้านค้าปลีกเพื่อตอบสนองเดียวกันระดับการบริการลูกค้าการ bullwhip ผลกระทบเชิงลบผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในสองประการ :- การเปลี่ยนแปลงในสินค้าคงคลังระดับ : การศึกษาความต้องการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับสินค้าคงคลังนั่นเอง ท้องถิ่นไม่ที่ดีที่สุดการตัดสินใจดำเนินการสินค้าคงคลังส่วนเกิน และความปลอดภัยของหุ้นเพื่อตอบสนองบริการระดับครองจัดหาโซ่ ที่ปลอดภัยbullwhip ผลในอุปทานห่วงโซ่ความปลอดภัยสูงกว่าหุ้นจะต้อง สินค้าคงคลังที่สูงขึ้นระดับผลในต้นทุนที่สูงขึ้นความ เสี่ยงที่เหล่านี้สิ่งอำนวยความสะดวก- การใช้ความจุ :สาเหตุของความต้องการการเปลี่ยนแปลงในการใช้การผลิตวัสดุและความสามารถในการกระจายสินค้าการตอบสนองโดยทั่วไปนี้ปัญหาคือการออกแบบความจุสำหรับความต้องการสูงสุด และหมีต้นทุนของ underused ความจุในช่วงระยะเวลาของการเฉลี่ยความต้องการการวิจัยในเรื่องนี้มากพื้นที่ที่ให้คําแนะนํา จำกัดการลด bullwhip ผล :การลดความไม่แน่นอนความผันแปรของท้ายกระบวนการความต้องการ ลดตะกั่วครั้ง และมีส่วนร่วมในกลยุทธ์( simchi เลวี & ห้างหุ้นส่วนคามินสกี้ , 2003 )