In differential pulse voltammetry (

In differential pulse voltammetry (DPV)69–73, short pulses (t = 10–100ms)with limited amplitude (DE = 1–100mV) are superponated to a linearlyincreasing DC ramp (Fig.2.12). This means that besides the current of thepulse, a DC current also is obtained due to the inclining DC ramp. Practically, the current is measured before the application of a pulse (I1) and atthe end of the pulse (I2). The first current is attributed to the DC ramp,while the difference I2 - I1 reflects the current of the potential pulse. Theresulting voltammograms of the pulse current have a differential shape,which is illustrated in Fig.2.13. In Fig.2.13a, the common voltammogram isillustrated that would be obtained in linear sweep, cyclic or normal pulsevoltammetry, while in Fig.2.13b, the differential pulse voltammogram isshown. As explained above, the signal in differential pulse voltammetry isthe result of the difference between two signals – the signal just before thepulse and the signal at the end of the pulse. Therefore, it can be seen in Fig.2.13a that the pulses cover a small fraction of the common voltammogram,

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในดิฟเฟอเรนเชียลพัลส์โวลแทมเมทรี (DPV) 69–73 พัลส์สั้น (t = 10–100ms) ที่มีแอมพลิจูดจำกัด (DE = 1–100mV) จะถูกต่อเติมเข้ากับทางลาด DC ที่เพิ่มขึ้นเชิงเส้น (รูปที่ 2.12) ซึ่งหมายความว่านอกจากกระแสของพัลส์แล้ว ยังได้รับกระแส DC อีกด้วยเนื่องจากการลาดเอียง DC ในทางปฏิบัติ กระแสไฟฟ้าจะถูกวัดก่อนการใช้พัลส์ (I1) และที่จุดสิ้นสุดของพัลส์ (I2) กระแสไฟแรกเกิดจากทางลาด DC ในขณะที่ความแตกต่าง I2 - I1 สะท้อนกระแสของพัลส์ที่เป็นไปได้ ผลลัพธ์ของโวลแทมโมแกรมของกระแสพัลส์จะมีรูปร่างที่แตกต่างกัน ดังแสดงในรูปที่ 2.13 ในรูปที่ 2.13a แสดงโวลแทมโมแกรมทั่วไปซึ่งจะได้รับจากการกวาดเชิงเส้น ไซคลิกหรือโวลแทมเมทรีพัลส์ปกติ ในขณะที่ในรูปที่ 2.13b โวลแทมโมแกรมดิฟเฟอเรนเชียลจะปรากฏขึ้น ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น สัญญาณในโวลแทมเมทรีแบบพัลส์ดิฟเฟอเรนเชียลเป็นผลจากความแตกต่างระหว่างสัญญาณสองสัญญาณ นั่นคือสัญญาณก่อนพัลส์และสัญญาณที่ปลายพัลส์ ดังนั้น จะเห็นได้ในรูปที่2.13a ว่าพัลส์ครอบคลุมส่วนเล็กๆ ของโวลแทมโมแกรมทั่วไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พัลส์สั้น (t = 10 - 100ms) ใน Differential Pulse Volt Am (DPV) 69-73
ด้วยความกว้าง จำกัด (DE = 1 - 100mV)
เพิ่มความลาดชัน DC (รูปที่ 2.12) ซึ่งหมายความว่านอกเหนือจาก
เมื่อชีพจรยังได้รับกระแส DC เนื่องจากความลาดชัน DC ที่เอียง ในความเป็นจริงก่อนที่จะใช้พัลส์ (I1) และ
สิ้นสุดชีพจร (I2) กระแสแรกเกิดจากความลาดชัน DC
ในขณะที่ค่าความแตกต่าง I2-I1 สะท้อนให้เห็นถึงกระแสของชีพจรที่มีศักยภาพ นี่
ไดอะแกรมโวลต์ของกระแสพัลส์ที่ได้รับมีรูปร่างดิฟเฟอเรนเชียล
ดังแสดงในรูปที่ 2.13 ในรูปที่ 2.13a แผนภาพโวลแอมทั่วไปคือ
อธิบายสิ่งที่จะได้รับในการสแกนเชิงเส้นการไหลเวียนหรือชีพจรปกติ
วิธีโวลต์แอมในขณะที่ในรูปที่ 2.13b ไดอะแกรมไดอะแกรมไดอะแกรมดิฟเฟอเรนเชียลพัลส์โวลต์แอมคือ
ดังที่ปรากฏในภาพ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วสัญญาณในวิธี differential pulse voltams คือ
ผลลัพธ์ของความแตกต่างระหว่างสองสัญญาณ –
ชีพจรและสัญญาณสุดท้าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชีพจรสั้น( t = 10-100มิลลิวินาที)ในความแปรปรวนของชีพจรที่แตกต่างกัน( DPV ) 69-73
ความกว้างจํากัด( de = 1-100mv )ซ้อนทับเป็นเส้นตรง
เพิ่มความลาดเอียงDC (รูปที่2.12 ) ซึ่งหมายความว่านอกเหนือจากปัจจุบัน
เมื่อชีพจรกระแสDCจะได้รับเนื่องจากลาดเอียงDC ในทางปฏิบัติ การวัดกระแสไฟฟ้า ก่อนที่จะใช้ชีพจร (i1)
สิ้นสุดของชีพจร ( i2 ). กระแสแรกเกิดจากความลาดชันDC,
และความแตกต่างi2-i 1สะท้อนถึงกระแสของชีพจรที่มีศักยภาพ นี่
โวลต์แอมป์ที่เกิดขึ้นจากกระแสชีพจรมีรูปร่างที่แตกต่างกัน
ดังแสดงในรูปที่2.13 ในรูปที่2.13 aกราฟโวลต์ทั่วไปคือ
แสดงให้เห็นว่าจะได้รับในการสแกนเชิงเส้น, วนรอบ หรือชีพจรปกติ
วิธีการโวลต์แอมป์และในรูปที่2.13 bโวลต์แอมป์พัลส์ที่แตกต่างกันคือ
ดังแสดงในภาพนี้ ดังที่อธิบายไว้ข้างต้นสัญญาณในความแปรปรวนของชีพจรที่แตกต่างกันคือ
ผลของความแตกต่างระหว่างสัญญาณสองสัญญาณ- -
สัญญาณของชีพจรและสิ้นสุดของชีพจร ดังนั้นคุณจะเห็นได้จากภาพ
ชีพจร 2.13a ครอบคลุมเศษเสี้ยวของ โวแอมกราฟธรรมดา,