The tree and its parts contain stro

The tree and its parts contain strong toxins, some unidentified. Its milky white sap contains phorbol and other skin irritants, producing strong allergic dermatitis.[2] Standing beneath the tree during rain will cause blistering of the skin from mere contact with this liquid (even a small drop of rain with the milky substance in it will cause the skin to blister). Burning the tree may cause blindness if the smoke reaches the eyes.[citation needed]

The fruit is said[by whom?] to be possibly fatal if eaten, however, "fatalities from ingestion are not reported in the modern literature".[3] and "ingestion may produce severe gastroenteritis with bleeding, shock, bacterial superinfection, and the potential for airway compromise due to edema. Patients with a history of ingestion and either oropharyngeal burns or gastrointestinal symptoms should be evaluated for admission in hospital. Care is supportive." (source: Poisonous Plants: A Handbook for Doctors, Pharmacists, Toxicologists, Biologists and Veterinarians, by Dietrich Frohne and Hans Jürgen Pfänder. 2005).

In some parts of its range, many trees carry a warning sign (for example on Curaçao), while others are marked with a red "X" on the trunk to indicate danger. In the French Antilles the trees are often marked with a painted red band a few feet above the ground. On Bonaire, however, trees are unmarked.[4]

The tree contains 12-deoxy-5-hydroxyphorbol-6gamma, 7alpha-oxide, hippomanins, mancinellin, and sapogenin, phloracetophenone-2,4-dimethylether is present in the leaves, while the fruits possess physostigmine.[5]

The Carib Indians used the sap of this tree to poison their arrows and would tie captives to the trunk of the tree, ensuring a slow and painful death. A poultice of arrowroot (Maranta arundinacea) was used by the Arawaks and Taíno as an antidote against such arrow poisons.[6] The Caribs were known to poison the water supply of their enemies with the leaves.[citation needed] Spanish explorer Juan Ponce de León was struck by an arrow that had been poisoned with Manchineel sap during battle with the Calusa in Florida, dying shortly thereafter.[7]

After its discovery, the manchineel quickly became notorious. The heroine of Giacomo Meyerbeer's 1865 opera L'Africaine commits suicide by lying under a manchineel tree and inhaling the plant's vapours. In the 1956 film Wind Across The Everglades, a notorious poacher named Cottonmouth (played by Burl Ives) ties a victim to the trunk of a manchineel tree.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ต้นไม้และชิ้นส่วนที่มีสารพิษที่แข็งแกร่งบางส่วนที่ไม่ปรากฏชื่อ นมขาวนมมี phorbol และระคายเคืองผิวอื่น ๆ การผลิตอาการแพ้ที่แข็งแกร่ง. [2] ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ในช่วงฝนตกจะทำให้เกิดการพองของผิวจากการสัมผัสเพียงด้วยของเหลวนี้ (แม้แต่หยดเล็ก ๆ ของฝนที่มีสารสีขาวขุ่นอยู่ในนั้น จะทำให้ผิวที่จะตุ่ม) การเผาไหม้ต้นไม้อาจทำให้ตาบอดได้ถ้าควันถึงตา. [อ้างจำเป็น] ผลไม้ที่มีการกล่าว [ใคร?] เพื่ออาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตถ้ากิน แต่ "เสียชีวิตจากการบริโภคจะไม่ได้รับรายงานในวรรณกรรมสมัยใหม่". [3 ] และ "การบริโภคอาจกระเพาะและลำไส้อักเสบรุนแรงมีเลือดออกช็อก superinfection แบคทีเรียและศักยภาพในการประนีประนอมทางเดินหายใจเนื่องจากอาการบวมน้ำ. ผู้ป่วยที่มีประวัติความเป็นมาของการบริโภคและการเผาไหม้ทั้ง oropharyngeal หรือมีอาการระบบทางเดินอาหารที่ควรได้รับการประเมินสำหรับการเข้าศึกษาในโรงพยาบาล. ดูแลสนับสนุน . " (ที่มา: พิษพืช. คู่มือสำหรับแพทย์, เภสัชกร, Toxicologists, นักชีววิทยาและสัตวแพทย์โดยทริช Frohne และฮันส์Jürgen Pfander 2005). ในบางส่วนของช่วงของต้นไม้หลายดำเนินสัญญาณเตือนภัย (ตัวอย่างเช่นในคูราเซา) ขณะที่คนอื่นจะมีเครื่องหมาย "X" สีแดงบนลำตัวจะบ่งบอกถึงอันตราย ในฝรั่งเศส Antilles ต้นไม้มีการทำเครื่องหมายมักจะมีแถบสีแดงวาดไม่กี่ฟุตเหนือพื้นดิน ในโบแนร์ แต่ต้นไม้ป้าย. [4] ต้นไม้มี 12 Deoxy-5-hydroxyphorbol-6gamma, 7alpha ออกไซด์, hippomanins, mancinellin และ sapogenin, phloracetophenone-2,4-dimethylether จะอยู่ในใบในขณะที่ ผลไม้ที่มีสติก. [5] อินเดีย Carib ใช้นมของต้นไม้นี้จะวางยาพิษลูกศรของพวกเขาและจะผูกเชลยเพื่อลำต้นของต้นไม้เพื่อให้มั่นใจตายช้าและเจ็บปวด ยาพอกของแป้งเท้ายายม่อม (Maranta arundinacea) ถูกใช้โดย Arawaks และTaínoเป็นยาแก้พิษกับสารพิษเช่นลูกศร. [6] Caribs เป็นที่รู้จักกันที่จะวางยาพิษน้ำประปาของศัตรูของพวกเขาที่มีใบ. [อ้างจำเป็น] นักสำรวจชาวสเปน Juan Ponce เดอLeónถูกตีด้วยลูกศรที่ได้รับการวางยาพิษด้วยนม Manchineel ในระหว่างการสู้รบกับ Calusa ในฟลอริดาตายหลังจากนั้นไม่นาน. [7] หลังจากการค้นพบของ manchineel ได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นที่รู้จัก นางเอกของ Giacomo Meyerbeer 1865 ของโอเปร่า L'แอฟริกันฆ่าตัวตายด้วยการนอนใต้ต้นไม้ manchineel และสูดดมไอระเหยของโรงงาน ในภาพยนตร์เรื่อง 1956 ลมทั่ว Everglades, ลอบล่าสัตว์ที่รู้จักชื่อ cottonmouth (รับบทโดยอีฟส์เส้นด้าย) ผูกเหยื่อลำต้นของต้นไม้ manchineel

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ต้นไม้และชิ้นส่วนของมันประกอบด้วยสารพิษที่แข็งแกร่งบางส่วนที่ไม่สามารถระบุได้ ขาวซีดของ SAP มี phorbol การระคายเคืองผิวอื่น ๆและการผลิตที่แข็งแกร่งผิวหนังอักเสบแพ้ [ 2 ] ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ช่วงที่ฝนตกจะทำให้เกิดการพองของผิวหนังจากการสัมผัสกับของเหลว ( แม้เพียงเล็กน้อย หยดฝนกับสารในนมจะทำให้ผิวหนังพอง )การเผาไหม้ต้นไม้อาจทำให้ตาบอด ถ้าควันเข้าตา . [ อ้างอิงที่จำเป็น ]

ผลไม้ว่า [ ใคร ? ] เพื่อจะร้ายแรงถ้ากิน แต่ " เสียชีวิตจากการรับประทานจะไม่รายงานในวรรณคดีสมัยใหม่ " . [ 3 ] และ " การบริโภคอาจให้ผลรุนแรง และมีเลือดออก , ช็อก , แบคทีเรียซุปเปอร์ นเฟ็กชั่นและศักยภาพในการบินประนีประนอมเนื่องจากมาน .ผู้ป่วยที่มีประวัติของการรับประทาน และ oropharyngeal ไหม้ หรืออาการระบบทางเดินอาหาร ควรพิจารณาให้เข้าชมในโรงพยาบาล ดูแลสนับสนุน . " ( ที่มา : พืช : เป็นคู่มือสำหรับแพทย์ เภสัชกร toxicologists biologists และสัตวแพทย์ โดยดีทริช frohne และฮันส์ยือ Rgen nder PF และเป็นพิษ 2005 ) .

ในบางส่วนของช่วงนั้นต้นไม้มีป้ายเตือน ( ตัวอย่างเช่นในคูราเซา ) ในขณะที่คนอื่น ๆมีการทำเครื่องหมายด้วยสีแดง " X " ในลำต้นเพื่อบ่งชี้อันตราย ในฝรั่งเศสแอนทิลลิสต้นไม้มักจะมีเครื่องหมายทาสีแดงวงดนตรีไม่กี่ฟุตเหนือพื้นดิน ในแนร์ แต่ต้นไม้ที่ [ 4 ]

ต้นไม้มี 12-deoxy-5-hydroxyphorbol-6gamma 7alpha ออกไซด์ , hippomanins mancinellin และซาโปเจนิน , , ,phloracetophenone-2,4-dimethylether มีอยู่ในใบ ในขณะที่ผลไม้มี physostigmine [ 5 ]

คาริบ ชาวอินเดียใช้ SAP ของต้นไม้พิษของลูกศรและจะมัดเชลยไปยังลำต้นของต้นไม้ ให้ตายอย่างช้าๆ และเจ็บปวด ยาพอกจากแป้งเท้ายายม่อม ( maranta arundinacea ) ถูกใช้โดยอาราวักเมืองและไม่ทาเป็นยาต่อต้านพิษลูกศรดังกล่าว[ 6 ] caribs เป็นที่รู้จักกันเป็นพิษในน้ำของศัตรูของพวกเขาด้วยใบ . [ อ้างอิงที่จำเป็น ] นักสำรวจสเปน Juan Ponce de Le เลอองโดนธนูยิงที่ถูกวางยาพิษด้วย manchineel SAP ในการต่อสู้กับ calusa ในฟลอริด้า , ตายหลังจากนั้นไม่นาน [ 7 ]

หลังจากการค้นพบ การ manchineel ได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นที่ฉาวโฉ่นางเอกของจาโกโมเมเยอร์แบร์ 1865 โอเปร่า l'africaine ฆ่าตัวตายด้วยการนอนภายใต้ manchineel ต้นไม้และสูดดมไอระเหยของพืช ใน 1956 ภาพยนตร์ลมข้ามหนองน้ำ , ฉาวโฉ่ Poacher ชื่อ cottonmouth ( รับบทโดยเส้นด้ายอีฟส์ ) ผูกเหยื่อ manchineel ลำต้นของต้นไม้