It will prove useful to distinguish

It will prove useful to distinguish between two types of boundary that can separate
the objects. A boundary is diathermic (thermally conducting; ‘dia’ is from the Greek
word for ‘through’) if a change of state is observed when two objects at different
temperatures are brought into contact. A metal container has diathermic walls. A
boundary is adiabatic (thermally insulating) if no change occurs even though the
two objects have different temperatures. A vacuum flask is an approximation to an
adiabatic container.
The temperature is a property that indicates whether two objects would be in
‘thermal equilibrium’ if they were in contact through a diathermic boundary.
Thermal equilibrium is established if no change of state occurs when two objects A
to B are in contact through a diathermic boundary. Suppose an object A (which we
can think of as a block of iron) is in thermal equilibrium with an object B (a block
of copper), and that B is also in thermal equilibrium with another object C (a flask of
water). Then it has been found experimentally that A and C will also be in thermal
equilibrium when they are put in contact (Fig. 1.3). This observation is summarized
by the Zeroth Law of thermodynamics

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มันจะพิสูจน์ประโยชน์แยกแยะขอบเขตที่สามารถแยกสองชนิดวัตถุ ขอบเขตจะ diathermic (แพดำเนิน 'dia' มาจากภาษากรีกที่คำสำหรับ 'ถึง') ถ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรัฐเมื่อสองวัตถุที่แตกต่างกันอุณหภูมินำไปติดต่อ ภาชนะโลหะมีผนัง diathermic Aขอบเป็นการอะเดียแบติก (แพฉนวน) ถ้าไม่เปลี่ยนเกิดขึ้นแม้จะวัตถุทั้งสองมีอุณหภูมิแตกต่างกัน กระติกสุญญากาศเป็นการประมาณการคอนเทนเนอร์การอะเดียแบติกอุณหภูมิคือ คุณสมบัติที่บ่งชี้ว่า วัตถุทั้งสองจะ'ความร้อนสมดุล' ก็ได้ติดต่อผ่านขอบ diathermicสมดุลความร้อนก่อตั้งหากไม่เปลี่ยนแปลงสถานะเกิดขึ้นเมื่อสองวัตถุ AB มีติดต่อผ่านขอบ diathermic สมมติว่า วัตถุ A (ซึ่งเราสามารถคิดเป็นบล็อกของเหล็ก) อยู่ในสมดุลความร้อนกับวัตถุ B (บล็อกของทองแดง), และ B ว่ายังสมดุลความร้อนกับอีกวัตถุ C (ความหนาวของน้ำ) แล้ว จะพบ experimentally ว่า A และ C จะยังอยู่ในความร้อนสมดุลเมื่อพวกเขาถูกวางในการติดต่อ (Fig. 1.3) สรุปการสังเกตนี้ตามกฎหมายกฎข้อที่ศูนย์ของอุณหพลศาสตร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันจะเป็นประโยชน์ที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างทั้งสองประเภทของขอบเขตที่สามารถแยกวัตถุ
ขอบเขตเป็น diathermic (ความร้อนการดำเนินการ 'เส้นผ่าศูนย์กลาง'
มาจากภาษากรีกคำว่า'ผ่าน')
ถ้าการเปลี่ยนแปลงของรัฐเป็นที่สังเกตเมื่อสองวัตถุที่แตกต่างกันอุณหภูมิจะถูกนำเข้ามาติดต่อ ภาชนะโลหะมีผนัง diathermic
เขตแดนเป็นอะเดียแบติก (ฉนวนความร้อน)
ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแม้ว่าวัตถุทั้งสองมีอุณหภูมิต่างกัน ขวดสูญญากาศเป็นประมาณที่จะเป็นนักการภาชนะอะเดียแบติก. อุณหภูมิเป็นที่พักที่บ่งชี้ว่าวัตถุทั้งสองจะอยู่ใน'สมดุลความร้อน' ถ้าพวกเขาอยู่ในการติดต่อผ่านเขตแดน diathermic. สมดุลความร้อนที่จะจัดตั้งขึ้นหากมีการเปลี่ยนแปลงของรัฐไม่เกิดขึ้นเมื่อสองวัตถุไป B อยู่ในการติดต่อผ่านเขตแดน diathermic สมมติว่าวัตถุ A (ซึ่งเราสามารถคิดเป็นบล็อกเหล็ก) อยู่ในสมดุลความร้อนกับวัตถุ B (บล็อกทองแดง) และบีที่ยังอยู่ในสมดุลความร้อนกับวัตถุ C อื่น (ขวดของน้ำ) จากนั้นก็จะได้รับการทดลองพบว่า A และ C ยังจะอยู่ในความร้อนสมดุลเมื่อพวกเขาจะใส่ในการติดต่อ(รูป. 1.3) ข้อสังเกตนี้สรุปโดยกฎข้อที่ศูนย์ของอุณหพลศาสตร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันจะเป็นประโยชน์ที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างสองประเภทของขอบเขตที่สามารถแยก
วัตถุ ขอบเขตเป็น diathermic ( ได้รับการ ' dia ' มาจากภาษากรีกคำว่า ' ผ่าน '
) ถ้าเปลี่ยนสถานะเป็นสังเกตเมื่อสองวัตถุที่อุณหภูมิแตกต่างกัน
มาติดต่อ ภาชนะโลหะมีผนัง diathermic .
เป็นขอบเขต ( ซึ่งเป็นสารฉนวน ) หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแม้ว่า
สองวัตถุมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน มีกระติกเป็นประมาณเป็นภาชนะสำหรับ
.
อุณหภูมิคุณสมบัติที่ระบุว่าวัตถุทั้งสองจะอยู่ในสมดุล 'thermal
' ถ้าพวกเขาอยู่ในการติดต่อผ่านเขตแดน diathermic .
สมดุลร้อนขึ้นถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุสองอัน
b อยู่ในการติดต่อผ่านเขตแดน diathermic . สมมติว่าวัตถุ ( ซึ่งเรา
สามารถคิดเป็นบล็อกของเหล็ก ) อยู่ในภาวะสมดุลทางความร้อนกับวัตถุ B ( บล็อก
ทองแดง ) , และ B อยู่ในสมดุลความร้อนกับอีกวัตถุ C (
ขวดของน้ำ )มันถูกพบเพื่อที่ A และ C จะอยู่ในภาวะสมดุลทางความร้อน
เมื่อพวกเขาจะใส่ในการติดต่อ ( รูปที่ 1.3 ) การสังเกตนี้คือสรุป
โดยกฎข้อที่ศูนย์ของอุณหพลศาสตร์