Aim. This study investigated intens

Aim. This study investigated intensive care unit nurses' knowledge, attitudes and practices of oral care for intubated patients together with the associated factors of the same. Background. Effective oral care improves patient comfort and prevents oral infection. Although oral care is a common requirement of nursing practice, providing intubated patients with oral care is a challenging task. Design. A descriptive, cross-sectional design. Methods. This study applied purposive sampling method at 12 adult intensive care units in one medical centre in northern Taiwan. Two hundred and five nurses were recruited. Data were collected by structured questionnaires which consisted of four sections: knowledge, attitudes and practices of oral care for intubated patients and demographic information for the nurses. Results. The average percentages indicating the intensive care unit nurses' oral care knowledge, attitudes and practices were 58·8, 79·4 and 49·8%, respectively. Higher scores on oral care knowledge were associated with nurses performing oral care more frequently. Nurses learning about oral care from reading related studies and materials of their own accord may increase the frequency with which they provide oral care to intubated patients. The nurses' age and the type of intensive care unit they work in were significant factors related to the frequency of performing practices related to oral care. Conclusion. Findings show that nurses who have more resources for learning about oral care have greater knowledge about it and provide oral care to intubated patients more frequently. Relevance to clinical practice. Encouraging nurses to learn more about oral care using diverse educational resources will enhance their knowledge and improve their practice. Nursing administrators are encouraged to establish policies and procedures for oral care of intubated patients based on the type of patients cared for, in addition to holding in-service training, with a view to enhancing the quality of oral care for critically ill patients.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดมุ่งหมาย การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาผู้ป่วยหนักหน่วยพยาบาลความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจร่วมกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องของเดียวกัน พื้นหลัง การดูแลช่องปากที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายของผู้ป่วยและป้องกันการติดเชื้อในช่องปาก แม้ว่าการดูแลช่องปากเป็นความต้องการร่วมกันของการปฏิบัติพยาบาลให้ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจกับการดูแลช่องปากเป็นงานที่ท้าทายออกแบบ อธิบายการออกแบบตัดขวาง วิธีการ การศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจงที่ 12 ผู้ใหญ่เร่งรัดหน่วยดูแลในศูนย์การแพทย์หนึ่งในภาคเหนือของไต้หวัน 205 หอผู้ป่วยได้รับคัดเลือก ข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมโดยใช้แบบสอบถามที่มีโครงสร้างซึ่งประกอบด้วยสี่ส่วนความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจและข้อมูลเชิงประชากรสำหรับพยาบาล ผล ร้อยละค่าเฉลี่ยแสดงให้เห็นผู้ป่วยหนักหน่วยพยาบาลความรู้การดูแลช่องปากทัศนคติและการปฏิบัติเป็น 58.8, 79.4 และ 49.8% ตามลำดับ คะแนนที่สูงขึ้นในความรู้การดูแลช่องปากที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลการดูแลช่องปากบ่อยพยาบาลเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลช่องปากจากการอ่านการศึกษาที่เกี่ยวข้องและวัสดุที่สอดคล้องของตัวเองของพวกเขาอาจเพิ่มความถี่ที่พวกเขาให้การดูแลช่องปากให้แก่ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ อายุพยาบาลและประเภทของหน่วยผู้ป่วยหนักที่พวกเขาทำงานในเป็นปัจจัยที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับความถี่ของการดำเนินการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่องปาก ข้อสรุปผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าพยาบาลที่มีทรัพยากรมากขึ้นสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลช่องปากที่มีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้และให้การดูแลช่องปากให้แก่ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจบ่อย ความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติทางคลินิก การส่งเสริมให้พยาบาลที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลช่องปากโดยใช้ทรัพยากรทางการศึกษาที่หลากหลายจะช่วยเพิ่มความรู้และปรับปรุงการปฏิบัติของพวกเขาผู้บริหารโรงพยาบาลควรมีการกำหนดนโยบายและวิธีการในการดูแลช่องปากของผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจขึ้นอยู่กับชนิดของผู้ป่วยที่รับการดูแลนอกเหนือไปจากการถือครองการฝึกอบรมในการให้บริการมีมุมมองในการเพิ่มคุณภาพของการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วยที่ป่วยหนัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดมุ่งหมาย การศึกษานี้ตรวจสอบเร่งรัดดูแลหน่วยพยาบาลความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติดูแลช่องปากผู้ป่วย intubated กับปัจจัยเกี่ยวข้องเดียวกัน พื้นหลัง ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มความสะดวกสบายของผู้ป่วย และป้องกันการติดเชื้อที่ช่องปาก แต่ ความต้องการทั่วไปของพยาบาลปฏิบัติดูแลช่องปาก ดูแลช่องปากให้ผู้ป่วย intubated เป็นงานที่ท้าทาย การออกแบบ ออกแบบสื่อ เหลว วิธี การศึกษานี้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง purposive ที่ผู้ใหญ่เร่งรัดดูแลจำนวน 12 ในหนึ่งศูนย์การแพทย์ในภาคเหนือของไต้หวัน พยาบาลสองร้อยห้าได้พิจารณา มีการรวบรวมข้อมูล โดยแบบสอบถามแบบมีโครงสร้างซึ่งประกอบด้วยสี่ส่วน: ความรู้ ทัศนคติและการปฏิบัติดูแลช่องปากผู้ป่วย intubated และข้อมูลประชากรสำหรับการพยาบาล ผลลัพธ์ที่ เปอร์เซ็นต์ค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ความรู้พยาบาลหน่วยดูแลเร่งรัดการดูแลช่องปาก ทัศนคติและการปฏิบัติได้ 58·8, 79·4 และ 49·8% ตามลำดับ คะแนนสูงความรู้ดูแลช่องปากเกี่ยวข้องกับพยาบาลการดูแลช่องปากบ่อย พยาบาลที่เกี่ยวกับการดูแลช่องปากจากการอ่านการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและวัสดุของเจ้าด้วยตัวเองอาจเพิ่มความถี่ในการที่จะให้การดูแลช่องปากผู้ป่วย intubated พยาบาลอายุและชนิดของหน่วยดูแลเร่งรัดการทำงานมีปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความถี่ของการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่องปาก สรุป ผลการวิจัยแสดงว่า พยาบาลมีทรัพยากรเพิ่มเติมสำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลช่องปากมีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับมัน และให้การดูแลช่องปากผู้ป่วย intubated บ่อย เกี่ยวข้องกับคลินิก สนับสนุนให้พยาบาลไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลช่องปากที่ใช้ทรัพยากรทางการศึกษาที่หลากหลายจะเพิ่มความรู้ และการปรับปรุงการปฏิบัติ พยาบาลผู้ดูแลมีให้กำหนดนโยบายและขั้นตอนการดูแลผู้ป่วย intubated ตามชนิดของผู้ป่วยที่ดูแลเอาใจใส่ นอกจากจับฝึกอบรมให้บริการแก่ เพื่อเพิ่มคุณภาพของการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วยที่ป่วยถึง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป้าหมาย. การศึกษานี้การสอบสวนความรู้ของพยาบาลชุดการดูแลขั้นสูงการปฏิบัติและทัศนคติของการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วย intubated เข้าด้วยกันกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ พื้นหลัง การดูแลช่องปากมี ประสิทธิภาพ จะเพิ่มความสบายให้ผู้ป่วยและป้องกันการติดเชื้อในช่องปาก แม้ว่าการดูแลช่องปากคือความต้องการทั่วไปของการปฏิบัติดูแลประคบประหงมให้ผู้ป่วย intubated พร้อมด้วยการดูแลช่องปากเป็นงานที่ท้าทายการออกแบบ. การออกแบบแบบตัดขวางแสดงคำอธิบาย A . วิธีใดวิธีหนึ่ง. การศึกษานี้การสุ่มตัวอย่างวิธีการ purposive นำไปใช้ที่หน่วยบริการขั้นสูง 12 สำหรับผู้ใหญ่หนึ่งในศูนย์กลางทางการแพทย์ในด้านทิศเหนือของไต้หวัน สองร้อยห้าพยาบาลได้คัดเลือก ข้อมูลถูกเก็บรวบรวมโดยแบบสอบถามโครงสร้างซึ่งประกอบไปด้วย 4 ส่วนความรู้การปฏิบัติและทัศนคติของการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วย intubated และข้อมูลทางประชากรของพยาบาล. ผล. เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ยที่แสดงถึงความรู้การดูแลช่องปากของการดูแลขั้นสูงชุดนางพยาบาลที่ปฏิบัติและทัศนคติก็ 58 79 84 และ 49 8% ตามลำดับ คะแนนสูงขึ้นจากความรู้การดูแลช่องปากมีความสัมพันธ์กับพยาบาลทำการดูแลช่องปากบ่อยขึ้นพยาบาลการเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลช่องปากจากการอ่านและวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของตนเองอาจจะเพิ่มขึ้นความถี่ที่มีที่ให้การดูแลช่องปากผู้ป่วย intubated อายุของพยาบาลและ ประเภท ของชุดการดูแลขั้นสูงที่ทำงานในเป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความถี่ของการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่องปากเฉพาะบุคคล บทสรุป.จากการสำรวจพบว่านางพยาบาลที่มีทรัพยากรมากกว่าสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลช่องปากมีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้และให้การดูแลช่องปากผู้ป่วย intubated บ่อยมากขึ้น มีความสอดคล้องกับการปฏิบัติทางการแพทย์. พยาบาลส่งเสริมให้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลช่องปากการใช้ทรัพยากรเพื่อการศึกษาที่หลากหลายจะช่วยเสริมสร้างความรู้และเพิ่มการปฏิบัติผู้ดูแลระบบดูแลประคบประหงมจะได้รับการส่งเสริมให้สร้างนโยบายและขั้นตอนปฏิบัติเพื่อการดูแลช่องปากเฉพาะบุคคลของผู้ป่วย intubated ขึ้นอยู่กับ ประเภท ของผู้ป่วยการดูแลในการให้การฝึกอบรมที่ให้บริการพร้อมด้วยวิวทิวทัศน์ไปจนถึงการปรับปรุง คุณภาพ ของการดูแลช่องปากสำหรับผู้ป่วยป่วยถึงขั้นวิกฤติ