Fossil fuels such as oil, coal and

Fossil fuels such as oil, coal and natural gas represent the prime
energy sources in the world. It is anticipated that these sources of
energy will deplete within the next 40–50 years. Moreover, the expected environmental damages such as the global warming, acid
rain and urban smog due to the production of emissions from these
sources have tempted the world to try to reduce carbon emissions
by 80% and shift towards utilizing a variety of renewable energy
resources [1]. Unlike fossil fuel, biomass does not take millions of
years to develop. Plants use sunlight through photosynthesis to
metabolize atmospheric carbon dioxide and grow. Animals grow
by taking in food from biomass. Fossil fuels do not reproduce
whereas biomass does, and, for that reason, is considered renewable. This is one of its major attractions as a source of energy or
chemicals [2]. Use of biomass as fuels for generating electricity,
heat, or producing of any form of power has become a focus of scientific and technical researches. Many agricultural residues can be
used as fuels. They include straw from grains; husks from rice,
coconuts, or coffee; stalks from maize or cotton; and bagasse from
sugar cane [3].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เชื้อเพลิงฟอสซิลเช่นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินเป็นตัวแทนนายกแหล่งพลังงานในโลก คาดว่าที่แหล่งเหล่านี้พลังงานจะทำภายใน 40 – 50 ปีถัดไป นอกจากนี้ ความเสียหายที่คาดว่าสิ่งแวดล้อมเช่นโลกร้อน กรดฝนและหมอกควันในเมืองเนื่องจากการผลิตปล่อยจากเหล่านี้แหล่งที่มีการล่อลวงโลกเพื่อพยายามลดการปล่อยคาร์บอนโดย 80% และเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทนที่หลากหลายทรัพยากร [1] ซึ่งแตกต่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ชีวมวลใช้นับล้านปีในการพัฒนา พืชใช้แสงแดดผ่านการการสังเคราะห์แสงเผาผลาญบรรยากาศคาร์บอนไดออกไซด์ และเติบโต การเติบโตของสัตว์โดยการนำอาหารจากชีวมวล ไม่ได้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลใน ขณะที่ชีวมวลไม่ และ ที่ ถือว่าทดแทน นี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นแหล่งของพลังงาน หรือสารเคมี [2] การใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าความร้อน หรือการผลิตพลังงานรูปแบบใดได้กลายเป็น จุดเน้นของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และทางเทคนิค ตกค้างทางการเกษตรที่มากมายสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิง มีฟางจากธัญพืช แกลบข้าวมะพร้าว หรือกาแฟ ก้านจากข้าวโพดหรือฝ้าย และชานอ้อยจากอ้อย [3]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เชื้อเพลิงฟอสซิลเช่นน้ำมันถ่านหินและก๊าซธรรมชาติแทนนายก
แหล่งพลังงานในโลก ซึ่งคาดว่าแหล่งข้อมูลเหล่านี้ของ
พลังงานจะหมดสิ้นลงภายใน 40-50 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ที่คาดว่าจะเกิดความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมเช่นภาวะโลกร้อน, กรด
ฝนและหมอกควันในเขตเมืองเนื่องจากการผลิตของการปล่อยก๊าซจากเหล่านี้
มีแหล่งล่อลวงโลกที่จะพยายามที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ได้ถึง 80% และเปลี่ยนไปใช้ความหลากหลายของพลังงานทดแทน
ทรัพยากร [ 1] ซึ่งแตกต่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิลชีวมวลไม่ได้ใช้เวลานับล้าน
ปีในการพัฒนา พืชใช้แสงแดดผ่านการสังเคราะห์เพื่อ
เผาผลาญก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศและการเจริญเติบโต สัตว์เจริญเติบโต
โดยการใช้อาหารจากชีวมวล เชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ทำซ้ำ
ในขณะที่ชีวมวลไม่และสำหรับเหตุผลที่ถือว่าเป็นพลังงานทดแทน นี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในฐานะที่เป็นแหล่งที่มาของพลังงานหรือ
สารเคมี [2] การใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า,
ความร้อนหรือการผลิตในรูปแบบของการใช้พลังงานใด ๆ ได้กลายเป็นจุดสนใจของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิค เศษเหลือใช้ทางการเกษตรจำนวนมากสามารถ
นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง พวกเขารวมถึงฟางจากธัญพืช; แกลบจากข้าว
มะพร้าวหรือกาแฟ; ก้านจากข้าวโพดหรือผ้าฝ้าย; และชานอ้อยจาก
อ้อย [3]