Ideas about brand equity - that mys

Ideas about brand equity - that mystery quality which marks out muscular brands from flabby ones - have become something of a cottage industry. Thick books are written about it and companies change hands on the strength of it. But actually `equity' (along with the image scores that supposedly reveal it) is almost entirely dependent on a brand's size and market share. A simple theoretical model, the `Dirichlet', demonstrates this. Smaller brands with poor images suffer from `double jeopardy' - fewer people buy them; of these, few buy them often, or like them all that much. Yet they survive, and may indeed be more profitable than the leaders.
Brand equity is becoming a fashionable management focus: being successful supposedly means having strong brands. A strong brand has been defined as `having a name, symbol, design, or some such entity which identifies the company's product as having a sustainable competitive advantage'. Firms pay vast sums to buy strong brands (eg RJR Nabisco, Rowntree, Perrier). Yet a recent report from the Marketing Science Institute said that despite the growing recognition of the importance of brand equity, little consensus has emerged about how to measure it.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความคิดเกี่ยวกับตราสินค้า - ลึกลับที่มีคุณภาพซึ่งคะแนนออกแบรนด์ของกล้ามเนื้อจากคนที่ป้อแป้ - ได้กลายเป็นบางสิ่งบางอย่างจากอุตสาหกรรมในครัวเรือน หนังสือหนาจะเขียนเกี่ยวกับมันและเปลี่ยน บริษัท มือกับความแรงของมัน แต่ที่จริงแล้วส่วนของ `'(พร้อมด้วยคะแนนภาพที่ควรจะเปิดเผยได้) เกือบทั้งหมดขึ้นอยู่กับขนาดของแบรนด์และส่วนแบ่งตลาด รูปแบบทางทฤษฎีที่เรียบง่าย,`Dirichlet 'แสดงให้เห็นถึงนี้ แบรนด์ขนาดเล็กที่มีภาพไม่ดีประสบอันตราย `'- คนน้อยคนซื้อพวกเขาเหล่านี้ไม่กี่ซื้อพวกเขามักจะชอบพวกเขาหรือสิ่งที่มาก พวกเขาก็ยังมีชีวิตรอดและจริง ๆ แล้วอาจจะทำกำไรสูงกว่าผู้นำตราสินค้า
กำลังเป็นที่มุ่งเน้นการจัดการที่ทันสมัย​​. การประสบความสำเร็จตามที่คาดคะเนหมายถึงการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้รับการกำหนดให้เป็น `มีชื่อสัญลักษณ์การออกแบบหรือบางกิจการดังกล่าวซึ่งระบุผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ว่ามีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ' บริษัท จ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อแบรนด์ที่แข็งแกร่ง (เช่น RJR Nabisco, Rowntree, Perrier) ยังรายงานล่าสุดจากตลาดสถาบันวิทยาศาสตร์กล่าวว่าแม้จะมีการรับรู้การเจริญเติบโตของความสำคัญของตราสินค้า,ความเห็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็โผล่ออกมาเกี่ยวกับวิธีการวัดนั้น.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความคิดเห็นเกี่ยวกับแบรนด์หุ้น -ตรวจสอบคุณภาพที่การออกแบรนด์กล้ามเนื้อจากคน flabby - ได้กลายเป็นบางสิ่งบางอย่างผลิต หนังสือหนาเขียนเกี่ยวกับมัน และบริษัทเปลี่ยนมือความแรงของมัน แต่จริง 'หุ้น' (ด้วยคะแนนภาพที่คาดคะเนเหมาะ) เป็นเกือบทั้งหมดขึ้นอยู่กับขนาดของแบรนด์และส่วนแบ่งตลาด แบบจำลองทฤษฎีง่าย ๆ 'Dirichlet' แสดงให้เห็นนี้ แบรนด์เล็ก มีภาพไม่ดีประสบ 'เป็นอันตรายต่อคู่' - คนน้อยซื้อ เหล่านี้ น้อยซื้อพวกเขามักจะ หรือ เหมือนพวกเขาที่มาก แต่พวกเขาอยู่รอด และแน่นอนอาจมีกำไรมากขึ้นกว่าผู้นำ
แบรนด์หุ้นเป็น ความทันสมัยการจัดการ: การประสบความสำเร็จคาดคะเนหมายความว่า มีแบรนด์แข็งแกร่ง แบรนด์ที่แข็งแกร่งมีการกำหนดว่า 'มีชื่อ สัญลักษณ์ ออกแบบ หรือบางหน่วยดังกล่าวซึ่งระบุผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความได้เปรียบเชิงแข่งขันที่ยั่งยืน' บริษัทจ่ายผลใหญ่จะซื้อแบรนด์แข็งแกร่ง(เปอร์ริเช่น RJR Nabisco, Rowntree เอ้) แต่ รายงานล่าสุดจาก สถาบันวิทยาศาสตร์การตลาดกล่าวว่า แม้ มีการเติบโตของความสำคัญของแบรนด์หุ้น มีชุมนุมช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับวิธีการวัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แนวความคิดเกี่ยวกับของแบรนด์ - คุณภาพ ความลึกลับที่ทำเครื่องหมายออกจากแบรนด์กล้ามเนื้อจากคนเกี่ยว - ได้กลายเป็นบางสิ่งบางอย่างของอุตสาหกรรมกระท่อมที่ หนังสือเล่มหนามีเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับเรื่องนี้และบริษัทการเปลี่ยนมือในความแข็งแกร่งของมัน แต่จริงๆแล้ว"ส่วนของผู้ถือหุ้น'(พร้อมด้วยคะแนน ภาพ ที่สมมุติให้เห็นมัน)เป็นเกือบทั้งหมดขึ้นอยู่กับขนาดของแบรนด์และการตลาดที่ใช้ร่วมกัน รุ่นทางทฤษฎีที่เรียบง่าย' dirichlet 'แสดงให้เห็นถึงแห่งนี้ มีขนาดเล็กกว่าแบรนด์พร้อมด้วย ภาพ ผู้น่าสงสารต้องทนทุกข์ทรมานจาก''เสี่ยงคู่คน' - น้อยกว่าซื้อของเหล่านี้เพียงไม่กี่คนซื้อหรือต้องการทั้งหมดที่มาก แต่ยังมีชีวิตอยู่ได้และอาจมีผลกำไรที่มากขึ้นกว่าส่วนของผู้ถือหุ้นผู้นำ.
แบรนด์ที่เป็นที่นิยมโฟกัสการจัดการที่ทันสมัยอย่างแท้จริงความสำเร็จมันหมายความว่ามีแบรนด์แข็งแกร่งแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้กำหนดไว้ให้เป็น'มีชื่อที่สัญลักษณ์การออกแบบหรือหน่วยงานบางอย่างซึ่งจะระบุ ผลิตภัณฑ์ ของบริษัทที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน' บริษัทจ่ายเงินจำนวนมหาศาลในการซื้อแบรนด์( rjr nabisco เช่น rowntree Perrier สักแก้ว) แต่รายงานล่าสุดจากสถาบันด้านการตลาดทางด้านวิทยาศาสตร์ที่พูดว่าแม้จะยอมรับการเติบโตของความสำคัญของของแบรนด์มีฉันทามติน้อยขึ้นมาเกี่ยวกับการวัดมัน.